20200204_HBA01

เปิดวิสัยทัศน์นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านคนใหม่ ชู นโยบายหลักผลักดันธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง เน้นสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค การสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกพัฒนาสินค้าบริการและบุคคลากร และการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รับกระแสเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เผยเน้นการพัฒนาจากภายในสู่ภายนอก  มั่นใจสามารถดึงส่วนแบ่งมูลค่าตลาดรวมได้มากขึ้น คาดปี 2563 โตเพิ่มขึ้น 5% 

นายวรวุฒิ กาญจนกูล  นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ตนเองได้เข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคม ในวาระปี พ.. 2563 – 2565 และตั้งใจที่จะผลักดันนโยบายหลัก ๆ  ด้านซึ่งประกอบไปด้วย นโยบายด้านที่ 1 สร้างสมาคมฯ ให้เป็นที่เชื่อมั่นต่อผู้บริโภค (Trusted by Consumers)  ผ่านกิจกรรมในด้านต่าง ๆ อาทิ การสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเว็บไซต์ของสมาคมฯ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลได้อย่างถูกต้อง การจัดงานแสดงสินค้ารับสร้างบ้านพร้อมการประชาสัมพันธ์ไปอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังดำเนินการตรวจสอบคัดกรองสมาชิกเพื่อให้บริษัทที่เข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคมฯ มีความน่าเชื่อถือและมั่นใจได้ รวมถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) โดยสมาคมฯ ยังคงมุ่งเน้นกิจกรรมสำหรับเยาวชนเป็นหลักผ่านโครงการ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านสร้างอนาคตเพื่อเด็กไทย” ซึ่งในปีนี้จะมี   กิจกรรมต่อเนื่องอีกเช่นกัน

           ในนโยบายด้านที่ 2 จะเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างคุณค่า (Participation to Create Value)     ซึ่งจะเป็นการมีส่วนร่วมของสมาชิกในการพัฒนาตลาดรับสร้างบ้านร่วมกัน ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการของ ธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องแบบบ้าน การก่อสร้าง  รวมถึง กลยุทธ์ทางการตลาด และนำเสนอต่อผู้บริโภคผ่านการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นความร่วมมือกับองค์กรภายนอกเพื่อพัฒนาธุรกิจรับสร้างบ้าน อาทิ ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา ที่จะผลิตบุคคลากรคุณภาพเข้าสู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งกิจกรรมนี้สมาคมฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและเริ่มเห็นผลผลิตของบุคคลากรเพิ่มขึ้นทุกปี

           และนโยบายหัวข้อที่ การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) โดยสมาคมฯ ต้องผลักดันให้สมาชิกสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ โดยในส่วนนี้จะเน้นเรื่องของการสร้างความรู้และพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เข้าสู่ธุรกิจ การสร้างทักษะให้กับบุคคลากร ผ่านการอบรมสัมมนา การศึกษาดูงานต่างประเทศ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน รวมถึงกับองค์กรภายนอก ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ยังุม่งเน้นให้สมาชิกคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม และการให้ความรู้ พร้อมสนับสนุนให้สมาชิกคำนึงถึงการออกแบบบ้านมาตรฐานที่รองรับสังคมผู้สูงอายุ (Aging society) อีกด้วย 20200204_HBA02

           “ตัว นโยบายหลักนี้ถือเป็นโมเดลที่เราจะใช้ในการพัฒนาสมาคมฯ ให้เติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง ผ่านวิสัยทัศน์ที่ว่า สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เป็นที่เชื่อมั่นของผู้บริโภค มีส่วนร่วมเพื่อสร้างคุณค่าและพัฒนาอย่างยั่งยืน Trusted by Consumers, Participation to Create Value  and Sustainable Development”

           นายวรวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ใน ปี ที่ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น แต่ละปีจะมีกลยุทธ์การ บริหารงานที่แตกต่างกันออกไป โดย
ปีแรก จะเป็นปีที่เน้นการเสริมสร้าง คือการเน้นเสริมสร้างการรับรู้ให้กับสังคม ภาครัฐ หน่วยงานต่างๆ และผู้    บริโภค ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะร้อยเรียงเป็นเรื่องราวเดียวกันตลอดทั้งปี

           ปีที่ จะเป็นปีที่เน้นการพัฒนา คือ เน้นการพัฒนามาตรฐานงานรับสร้างบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำคู่มือ     มาตรฐานรับสร้างบ้านการพัฒนาคน หรือพัฒนาบุคลากรของสมาชิก

           และปีที่ จะเป็นปีที่ก้าวสู่ความยั่งยืน คือเป็นปีที่วิเคราะห์ผลงานด้านการรับรู้ของผู้บริโภคการพัฒนาของสมาชิกทั้งจำนวนและคุณภาพการวิเคราะห์แนวทางแก้ไขและมอบผลให้กับคณะผู้บริหารรุ่นต่อไป เพื่อพัฒนางานของสมาคมให้สู่ความยั่งยืน 20200204_HBA03

           การพัฒนาใน นโยบายดังกล่าว ตลอดวาระ ปี จะเห็นได้ว่า สมาคมฯ มุ่งเน้นการพัฒนาจากภายในสู่ภายนอก คือต้องพัฒนาสมาชิก ผลักดันให้สมาชิกพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาบุคคลกร เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี นำไปสู่ความเชื่อมั่นต่อสมาคมฯ และธุรกิจรับสร้างบ้านต่อไป ซึ่ง  ปัจจุบันถือว่า ผู้บริโภคเองให้การยอมรับในตัวสมาคมฯ เพิ่มมากขึ้น โดยเป้าหมายของสมาคมฯ นอกจากเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคแล้ว สมาคมฯ ยังคงต้องการเพิ่มสัดส่วนทางด้านมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านให้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ราว 25% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมราว 12,500 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2563 คาดว่าสามารถดึงส่วนแบ่งมูลค่าตลาดรวมได้มากขึ้น 5% เนื่องด้วยปัจจัยหลายด้านทั้งการเพิ่มจำนวนสมาชิกรับสร้างบ้านในภูมิภาคและการกระตุ้นการรับรู้ พร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคของสมาคมฯ