สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ผลักดันการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้น กระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล โดยร่วมกับ จังหวัดกระบี่จัดงานสัมมนาเชิงปฎิบัติการ “Smart City Thailand Roadshow” ด้วยเป้าหมายเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เปิดรับสมัครเมืองอัจฉริยะ พร้อมเผยแพร่แนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดเมืองอัจฉริยะในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน 9 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี โดยกลุ่มเป้าหมาย ผู้บริหารจังหวัด ผู้บริหารองค์กรส่วนท้องถิ่นต่างๆ หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนสมาคมการค้า ตัวแทนภาควิชาการ ตัวแทนภาคประชาสังคม เป็นต้น
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะผู้บริหารจากดีป้า นำโดย ดร.ศุภกร สิทธิไชย รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานฯ นายประชา อัศวธีระ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ และสำนักงานสาขาภาคใต้ตอนบน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เข้าร่วมงาน “Smart City Thailand Roadshow” โดยมี พันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปภาพรวมของจังหวัดกระบี่
ปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์เมืองอัจฉริยะ เป็นเรื่องที่รัฐบาลทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ หลายประเทศได้เริ่มพัฒนาระยะหนึ่งแล้ว โดยหลักการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ คือ เมืองที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยและชาญฉลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการและการบริหารจัดการเมือง ลดค่าใช้จ่ายและการใช้ทรัพยากรของเมืองและประชากรเป้าหมาย โดยเน้นการออกแบบที่ดี และการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจและภาคประชาชนในการพัฒนาการเมือง ภายใต้แนวคิดการพัฒนา เมืองน่าอยู่ เมืองทันสมัย ให้ประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข อย่างยั่งยืน
ปลัดกระทรวงฯ ย้ำว่า ประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศในภูมิภาคยุโรป รวมถึงประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ก็มีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงสร้างความตระหนัก ความรู้ ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อปรับทัศนคติและพฤติกรรมของประชาชนในการเปลี่ยนผ่านสู่เมืองอัจฉริยะ เช่น การพัฒนาสู่สังคมไร้เงินสด การพัฒนาอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง การปรับใช้แอพพลิเคชั่นสำหรับช่วยเหลือในกิจวัตรประจำวัน เป็นต้น แผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะประเทศไทย จะเป็นเข็มทิศนำทางการพัฒนาภาพรวมของประเทศ ส่วนพื้นที่ที่มีความพร้อม และต้องการพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะก็ให้ศึกษาข้อกำหนด หรือเกณฑ์ที่กำหนดคุณสมบัติ วิธีการ และกระบวนการในการพิจารณาความเป็นเมืองอัจฉริยะประเทศไทย พ.ศ.2562 และคู่มือการจัดทำแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ในการเสนอขอรับพิจารณาประกาศเป็นเมืองอัจฉริยะ
ความสำเร็จของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเกิดจากความร่วมมือจากหลายฝ่าย นับตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้นำในพื้นที่นั้นๆ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และประชาสังคม หรือกลไกประชารัฐ การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกจากภาครัฐส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น เช่น โครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด้านกายภาพและด้านดิจิทัล นโยบาย กฎ ระเบียบที่รองรับการพัฒนา การกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน การเชื่อมโยงข้อมูล และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเปิดภาครัฐ การชดเชยสำหรับเรื่องต่างๆ และงบประมาณตั้งต้น จากแหล่งงบประมาณต่างๆ ทั้งจากภาครัฐ หรือการระดมทุน เป็นต้น
“การจัดสัมมนาในครั้งนี้ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนาเมือง เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลต่อการผลักดันการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดการกระจายความเจริญอย่างเท่าเทียมกันในทุกภูมิภาค แนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของประเทศไทย คาดหวังว่าจะสามารถสร้างต้นแบบการพัฒนาสู่อาเซียน และโดยเฉพาะปีนี้ ประเทศไทยในฐานะประธานเอเชียน ก็จะทำหน้าที่เจ้าภาพในการขับเคลื่อน ASEAN Smart City Network อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อร่วมกันสร้างกรอบในการพัฒนา 26เมือง ของประเทศสมาชิก จากการถอดบทเรียนการพัฒนาเมืองแต่ละด้านที่มีความหลากหลายของประเทศไทย รวมทั้งเป็นประตูสู่ประเทศอาเซียน วันนี้ ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเดินไปข้างหน้า ทุกคนในชาติเองก็ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน ช่วยกันยกระดับประเทศให้ก้าวไปอีกขั้น โดยเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะเราจะช่วยกันลงมือทำร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมตามแนวทางการพัฒนา Smart City ที่เป็นระบบ เพื่อให้ประเทศประสบความสำเร็จอย่างเป็นระบบ” ปลัดกระทรวงฯ กล่าว
ด้าน ดร.นน อัครประเสริฐกุล ผู้เชี่ยวชาญส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลอาวุโส ฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ ดีป้า กล่าวถึงหลักเกณฑ์และขั้นตอนการสมัครเป็นเมืองอัจฉริยะ ว่า พื้นที่ที่ยื่นสมัครขอเป็นเมืองอัจฉริยะ ต้องจัดทำข้อมูลตามคู่มือการจัดทำแผนเมืองอัจฉริยะ และสามารถศึกษาเกณฑ์การประเมินทั้ง 7 ด้าน ได้ที่ เว็บไซต์ www.smartcitythailand.or.th ต้องดำเนินการจัดทำแผนอย่างน้อย 2 ด้าน โดยมี Smart Environment เป็นด้านบังคับ รวมทั้งได้แนะนำแนวทางการเขียนข้อเสนอโครงการเพื่อสมัครเป็นเมืองอัจฉริยะ
การจัดการเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นการจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้ โดยมีการทำ workshop ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้นำเมืองจาก 9 จังหวัด เขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ประกอบด้วย กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี ทั้งกลุ่มเป้าหมาย ผู้บริหารจังหวัด ผู้บริหารองค์กรส่วนท้องถิ่นต่างๆ หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนสมาคมการค้า ตัวแทนภาควิชาการ ตัวแทนภาคประชาสังคม เป็นต้น ซึ่งในการสัมมนาครั้งนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมมากกว่า 200 คน และจะมีการจัดงานสัมมนา “ Smart City Thailand Roadshow” ครั้งต่อไปที่ภาคตะวันออก พื้นที่ EEC ในเดือนกรกฎาคม 2562