การทำสี ทาสี และซ่อมสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ อย่างง่ายด้วยตนเอง
2017-12-05 12:26:00

การทำสี ทาสี และซ่อมสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ อย่างง่ายด้วยตนเอง

 

 

โดยทั่วไปแล้วในเมืองไทยมีช่างสีดีๆมากมาย แต่ที่ทำออกมาไม่ดีก็มากมี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในงานที่ทำออกมาดีจะอยู่คงทนได้นาน แต่หากทำออกมาไม่ดีแล้วนั้น ความน่าปวดหัวที่จะตามมาก็จะสร้างความรำคาญใจให้เป็นอย่างมาก จากการร่อนหรือแตกลายเป็นต้น โดยแท้จริงแล้วนั้น หากเป็นช่างสีที่ดีมีคุณภาพ จะต้องเป็นช่างที่มีความรู้ ความเข้าใจ ในตัวคุณสมบัติของสี และตัวพื้นผิวที่จะทำการลงสี ตรงต่อเวลานัดหมาย วิเคราะห์รายละเอียดของงานได้อย่างชัดเจน และสามารถตีราคาที่เหมาะสมกับงานได้ ตลอดจนมีความรับผิดชอบในการทำงานอย่างมืออาชีพที่ดี

 

 

ซี่งแน่นอนคุณสมบัติโดยรวมทั้งหมดนั้นหาไม่ง่ายดายนัก…หรือเพราะบางครั้งเรามีเวลาและข้อมูลน้อยในการคัดสรรและพิจารณาเลือกหาช่าง อีกทั้งราคาก็ไม่ถูกเลย รวมถึงหากงานเล็กๆน้อยๆ ก็เรียกยากมากเพราะช่างเค้าก็ไม่คุ้มค่าที่จะมา หรือหากทำได้ก็มีราคาแพง .. แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะ!! 

 

ADVERTISING

 

สำหรับงานเล็กงานน้อย หากเป็นไปได้แนะนำให้ลองศึกษาเพื่อทำเองดูค่ะ .. ดังนั้นการเรียนรู้เพื่อเป็นช่างสีมือสมัครเล่น ที่ไม่ได้ต้องการงานที่เนี๊ยบเรียบหรู หรืออลังการเลิศเลออะไรมาก เพราะมีความต้องการเพียงแค่ปรับปรุงแก้ไขรอยขูดขีด ถลอกร่อนต่างๆ หรือเพิ่มเติมสีสันความสวยงาม ให้แก่เฟอร์นิเจอร์ไม้ภายในบ้านของตนเองเท่านั้น .. ซึ่งวิธีที่ท่านต้องเตรียมตัวหรือรู้ไว้ก็ไม่ยากเลย ขั้นตอนง่ายๆก็มีดังนี้ค่ะ :

 

 

1. ขั้นตอนการจัดเตรียมอุปกรณ์ จัดหาอุปกรณ์ที่มีอยู่และซื้อเพิ่มในส่วนที่จำเป็นต่อการใช้งานให้ครบถ้วนเพื่อความสะดวกสบายในการทำงานของคุณ ไม่ว่าจะเป็น แปรง ขวดผสม ที่รองพื้น กระดาษทราย ค้อน ไขควง สี ทินเนอร์ แลคเกอร์ ดินสอพอง เป็นต้น แล้วจึงวิเคราะห์ปริมาณหรือจุดความต้องการที่แน่นอนของงานก่อนที่จะลงมือทำ

 

 

2. ขั้นตอนการตรวจเช็คและจัดเตรียมชิ้นงาน โดยต้องทำการตรวจสอบให้แน่ใจแล้วว่า งานเสร็จสมบูรณ์พร้อมแล้วที่จะทำการลงสีจริงๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาซ่อมอีกครั้งให้เปลืองแรงและเสียเวลา เช่น ทำการขัดกระดาษทรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ย้ำหัวตะปูแล้ว และตรวจสอบริ้วรอยต่างๆที่จะเป็นอุปสรรคต่อการทำสีแล้ว ตลอดจนปัดกวาดถูและเช็ดว่าไม่มีคราบอะไรตกค้างอยู่บนชิ้นงานของเราแล้ว

 

 

3. ขั้นตอนการลงพื้น เพื่อทำให้พื้นผิวมีความเรียบลื่น ปราศจากสิ่งสกปรกและพื้นผิวขรุขระมารบกวน เพื่อจะทำการทาสีได้อย่างไม่ติดขัด ทั้งการปะโป๊วรอยต่อ จัดตกแต่งหัวตะปู ให้เรียบเนียน ขัดเคลียร์พื้นผิวไม่ให้ เป็นขุย เป็นคลื่น จากนั้นก็ทำการเตรียมสีฝุ่นที่ต้องการใช้ผสมกับดินสอพองละลายน้ำพอหมาด เพื่อทาอุดริ้วรอยและเคลือบผิว แล้วรอให้แห้ง (โดยหากวันที่มีแดดดีๆการทำสีจะดีกว่าวันที่ฝนตกและมีความชื้น อีกทั้งยังทำให้ตากแดดให้แห้งสนิทได้เร็วขึ้นมากอีกด้วย)

 

 

4. ขั้นตอนการตกแต่งและเคลือบผิว โดยการใช้กระดาษทรายขัดเบาๆ พร้อมระวังไม่ให้ขัดกินลึกไปถึงเนื้อไม้ เมื่อขัดเรียบจนสวยงามเป็นที่พอใจแล้ว จึงเคลือบด้วย แชล็ค (เชลแล็ค) ให้ทั่วพื้นผิว เพื่อเป็นการเคลือบสีของตัวพื้นผิวและเนื้อไม้ จากนั้นจึงรอให้แห้งสนิท แล้วคอยลงแชล็คซ้ำอีกทีตามความเหมาะสมเพื่อความเรียบเนียนของตัวชิ้นงาน

 

 

5. ขั้นตอนการลงแลคเกอร์ เพื่อเคลือบชิ้นงานขั้นสุดท้าย ซึ่งโดยทั่วไป แลคเกอร์จะมีอยู่สองประเภท คือประเภทที่ให้ความมันเงา หรือ ชนิดที่เคลือบด้าน เมื่อทำการเลือกประเภทความต้องการแล้ว ให้ทำการนำแล็กเกอร์ผสมกับน้ำมันทินเนอร์เพื่อทำการทา ซึ่งมีข้อควรระวังก็คือ พยายามทาไปทางเดียวเพื่อให้ทาได้ง่ายขึ้น เพราะการทาย้อนนั้น จะทำให้เกิดการดูดกลับได้ , และไม่ควรที่จะทาทับพื้นผิวในขณะที่ยังไม่แห้งสนิท เพราะอาจเกิดเป็นผิวลูกคลื่น .. จากนั้นระหว่างการทาก็ลงแลคเกอร์โดยผสมทินเนอร์บ้างเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการเหนียวข้นและจะทำให้ทายาก พร้อมกับการสลับขัดกระดาษทรายเพื่อความเรียบเนียนสวยงามตามความเหมาะสมและความพึงพอใจในตัวชิ้นงานเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ

 

 

ขอให้เพื่อนๆทุกท่านเรียนรู้และสนุกไปกับการทำสีเฟอร์นิเจอร์ด้วยตนเองกันนะคะ

 

==============

 

Credit : tartoh , pixabay , pantip , Ch.A

 


Admin : Tartoh
view
:
6137

Post
:
2017-12-05 12:26:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น