ปาฏิหาริย์ที่วัดกลางบางซื่อ (ตอนที่ 3)
2017-03-10 10:51:00

นั่นคือขณะที่ชายผู้นั้นกำลังพยายามจะปีนบันไดเพื่อขึ้นไปทำการก่อส้ราง จู่ ๆ เขาก็พลัดตกจากบันไดลงมาหัวฟาดพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้ง ๆ ที่อุบัติเหตุดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากชายผู้นี้มีประสบการณ์ทางด้านการก่อสร้างในที่สูงมาช้านาน อุบัติเหตุจากการตกบันไดลงมาหัวกระแทกพื้นในครั้งนั้นทำให้ชายคนดังกล่าวต้องมีสภาพเป็นคนพิการเนื่องจากสมองได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง และจากนั้นไม่นานเขาก็ต้องเสียชีวิตลงด้วยผมสืบเนื่องจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น! ส่วนการดำเนินงานก่อสร้างหลังคาเพื่อครอบคลุมองค์หลวงพ่อโต ก็กระทำได้เพียงความสูงประมาณไหล่ขององค์ท่าน ไม่สามารถสร้างโครงหลังคาได้สูงกว่านั้นอีก เนื่องจากผู้สร้างมาได้รับเหตุอันเป็นไปเสียก่อน

 

สิ่งที่เกิดขึ้นกับชายผู้พยายามจะสร้างหลังคาครอบคลุมเหนือองค์หลวงพ่อโตแห่งวัดกลางบางซื่อ จึงกลายเป็นเรื่องที่เล่าโจษขานต่อ ๆ กันมา และทุกคนที่รับรู้เหตุการณ์ในครั้งนั้นต่างก็เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือปาฏิหาริย์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ เพราะก่อนหน้าที่ชายคนดังกล่าวจะได้รับอุบัติเหตุพลัดตกลงมา มีคนกล่าวกันว่าในขณะที่กำลังทำการก่อสร้างโครงหลังคา ซึ่งจะต้องสร้างบันไดต่อขึ้นไปทำการก่อสร้าง ปรากฎว่าบรรดาช่างที่มาทำการก่อสร้างทักปล่อยปละละเลยไม่ดูแลให้ดี ทำให้สุนัขที่อาศัยอยู่ในเขตวัดกระโดดปีนป่ายบันไดขึ้นไปเหนือองค์หลวงพ่อโตเสมอ หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้น ทำให้ผู้คนต่างก็เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องเป็นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อโตอย่างแน่นอน

 

นอกเหนือจากอาถรรพณ์ปาฏิหาริย์เกี่ยวกับเรื่องที่หลวงพ่อโตไม่ยอมให้มีการสร้างหลังคาครอบคลุมเหนือองค์ท่านแล้ว ยังมีเหตุการณ์อันเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นชัดเจนอีกประการหนึ่งกล่าวคือ ย้อนกลับไปเมื่อสมัยท่านพระครูสิริบุญญาภินันท์ อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางซื่อองค์เก่ายังคงดำรงตำแหน่งอยู่ ท่านได้เห็นว่าองค์หลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่วัดอายุกว่า 100 ปี องค์นี้มีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก เพราะสีขาวที่ฉาบองค์ท่านดูทำการบูรณะใหม่ เมื่อช่างทำการลอกสีเดิมออกจากองค์หลวงพ่อโต ท่านพระครูสิริบุญญาภินันท์ อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางซื่อ จึงได้สั่งให้ช่างทาสีองค์หลวงพ่อเสียใหม่ แต่ไม่ได้ใช้สีขาวทาดังเดิม หากเปลี่ยนเป็นสีชมพูแทน ด้วยหวังว่าจะทำให้ดูสวยงามทนแดดทนฝนได้ดีกว่าสีขาวอันเป็นสีเดิม

 

ช่างทาสีก็ได้ดำเนินการทาสีชมพูให้กับองค์หลวงพ่อโต ตามดำริของท่านพระครูสิริบุญญาภินันท์ กระทั่งแล้วเสร็จ แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นไม่นานก็ได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น เมื่อวันหนึ่งได้มีญาติโยมเดินทางมานมัสการหลวงพ่อโตที่วัดกลางบางซื่อ หลังจากโยมผู้นั้นนมัสการหลวงพ่อพระประธานในโบสถ์หลวงพ่อโต และหลวงพ่อพระกาฬเป็นที่เรียบร้อย เมื่อกลับไปเขาก็ได้ฝันเห็นหลวงพ่อโตมาปรากฎ พร้อมกับบอกให้ไปกราบเรียนท่านพระครูสิริบุญญาภินันท์ว่า องค์ท่านอันหมายถึงหลวงพ่อโตนั้นจะมีสีอื่นไม่ได้ นอกจากสีขาวดุจเดิมสีเดียวเท่านั้น โยมผู้นั้นจึงได้รีบไปกราบเรียนให้ท่านพระครูสิริบุญญาภินันท์ทราบ หลังจากนั้นท่านอดีตเจ้าอาวาสจึงสั่งการให้ลอกสีชมพูที่เพิ่งทาใหม่ออก แล้วใช้สีขาวทาองค์หลวงพ่อโตดังเช่นเดิมทันที นับจากครั้งนั้นมา ก็ไม่มีใครกล้าเปลี่ยนสีองค์หลวงพ่อโตหรือกล้าสร้างหลังคาครอบคลุมเหนือองค์หลวงพ่อโตแห่งวัดกลางบางซื่อมาจวบจนทุกวันนี้

 

เหตุการณ์เหนือคำอธิบายหลายประการที่เกิดขึ้นภายในวัดกลางบางซื่อ อ.เมือง จ.นนทบุรี ล้วนสร้างความศรัทธาให้กับญาติโยมโดยทั่วไปจนกล่าวได้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดแห่งนี้ คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามหรือลบหลู่โดยเด็ดขาด จากเรื่องราวที่เคยกล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอภินิหารขององค์หลวงพ่อโต พระพุทธรูปกลางแจ้งซึ่งไม่ยอมให้มีการสร้างหลังคาครอบคลุมเหนือองค์ท่าน หรือพลังเร้นลับของราชินีลูกทุ่งชื่อดังที่เถ้าอัฐิของเธอถูกหลวงพ่อเจ้าอาวาสนำมาเห็บรักษาไว้ภายในศาล ทำให้ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมายังวัดเป็นจำนวนมาก นอกเหนือจากนั้นแล้ว ปาฏิหาริย์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพระกาฬ ซึ่งนับว่าเป็นพระพุทธรูปที่อยู่คู่วัดมาโดยตลอด ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้พุทธศาสนิกชนทั้งใกล้และไกลต้องเดินทางมานมัสการด้วยตัวเอง เพื่อหวังพึ่งพิงขอความเมตตาให้ท่านช่วยดลบันดาลในสิ่งที่ตนปรารถนาสัมฤทธิผล

 

จากการพูดคุยกับบรรดาพุทธศาสนิกชนที่เดินทางไปทำบุญที่วัดกลางบางซื่อ ทำให้ทราบว่ามีผู้คนจำนวนมากให้ความเคารพต่อองค์หลวงพ่อพระกาฬเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายาวนานนั้น ท่านได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้ผู้คนประจักษ์ชัดอยู่หลายครั้ง ดังเช่นเรื่องราวของคุณอรุณและคุณพรรณี โทณะพันธ์ สองสามีภรรยาที่ผู้เขียนมีโอกาสได้พูดคุยด้วย และขออนุญาตนำประสบการณ์ของพวกเขามาเสนอดังต่อไปนี้ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ พ.ศ.2537 ขณะนั้นทั้งคุณอรุณผู้เป็นสามีและคุณพรรณีฝ่ายภรรยายังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ทั้งสองแต่งงานกันก่อนหน้านั้นมาประมาณ 5 ปี แต่ไม่ยอมมีบุตรเสียทีทั้งที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความต้องการเป็นอย่างยิ่ง สองสามีภรรยาคู่นี้ได้ไปปรึกษาสูตินรีแพทย์จากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังมาแล้วหลายครั้งหลายหน และพยายามปฏิบัติตนตามข้อแนะนำของแพทย์ทุกอย่าง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้พยานรักตามที่หวังใจไว้

 

ตอนที่ 1

ตอนที่ 2

ตอนที่ 4

ตอนที่ 5

 

Credit : ปางบรรพ์ , Pailin , web-pra.com , nonthaburimesuk.com , itti-patihan.com

by Admin Park


Admin :
view
:
5003

Post
:
2017-03-10 10:51:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น