ปรากฎการณ์เกี่ยวกับปาฏิหาริย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ นับเป็นเรื่องเหนือบทพิสูจน์ซึ่งหากใครไม่เคยประจักษ์ด้วยสายตาตนเอง ก็ยากจะชักจูงหรือชี้นำให้เชื่อถือคล้อยตามได้ แม้สิ่งอันเป็นอภินิหารมหัศจรรย์ดังกล่าว จะยังคงถูกวางอยู่บนจุดกึ่งกลางระหว่างเส้นขนานของความเชื่อถือศรัทธาและความงมงาย แต่ปรากฎการณ์เหนือพิสูจน์เหล่านี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอ และกลายเป็นสิ่งท้าทายให้ค้นหาว่า เหตุการณ์ซึ่งเป็นเรื่องจริงอันเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นนั้น มีเหตุผลที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ด้วยเหตุผลนี้ เรื่องราวปาฏิหาริย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยในเมืองไทย จึงกลายเป็นสิ่งที่ยังคงสร้างความฉงน และอยู่ท่ามกลางความสนใจของผู้คนเสมอมา ดังเช่นเหตุการณ์เหนือคำอธิบายที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง จากอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดกลางบางซื่อ ซึ่งจะขอนำมาเสนอนับแต่นี้ไป
วัดกลางบางซื่อ เป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์มหานิกายที่มีความสำคัญและมีประวัติความเป็นมาน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเป็นแหล่งรวมจิตใจของชาวจังหวัดนนทบุรีรวมถึงประชาชนจากถิ่นอื่น โดยทั่วไป ตั้งอยู่เลขที่ 193 ถ.นนทบุรี 1 ริมคลองบางซื่อ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม บริเวณรอบวัดเป็นหมู่บ้าน ไกลออกไปเป็นสวนอยู่ติดริมคลองบางซื่อซึ่งไหลผ่านทางด้านทิศใต้โดยมีถนนนนทบุรี 1 ตัดผ่านทางหน้าวัด ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะสำคัญคือ อุโบสถหลังเก่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา หอสวดมนต์ที่สร้างจากไม้สักทั้งหลัง ศาลาการเปรียญครึ่งตึกครึ่งไม้ และยังเป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุอันทรงคุณค่า อาทิ พระประธานในอุโบสถ ซึ่งทำจากศิลาแลง หน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 2.30 เมตร ปางมารวิชัย
นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางห้ามญาติ 1 องค์ สูง 2.7 เมตร นามว่า หลวงพ่อพระกาฬ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เสื่อมใสศรัทธาของผู้คนจำนวนมาก ประดิษฐานอยู่หน้าอุโบสถ โดยหลวงพ่อพระกาฬมีประวัติเล่าขานต่อ ๆ กันมาว่า เป็นพระพุทธรูปศิลาแลงที่ลอยน้ำมาจากแดนไกล ที่ประสงค์จะขึ้นมาอยู่ภายในวัดกลางบางซื่อแห่งนี้ พระพุทธรูปสำคัญอันเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวบ้านอีกองค์หนึ่ง ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดกลางบางซื่อ คือ หลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 6 เมตร สูง 8 เมตร สร้างในสมัยพระอธิการอยู่เป็นเจ้าอาวาส ใบเสมาทำด้วยศิลาแลง สันนิษฐานได้ว่าทำขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา และมีปรางค์หนึ่งองค์เป็นองค์เก่าแก่ ปัจจุบันชำรุดทรุดโทรมจึงได้มีการซ่อมแซมและสร้างเจดีย์ขึ้นแทนปรางค์เดิมมีลักษณะเป็นจตุรมุขมียอด
วัดกลางบางซื่อ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2312 สันนิษฐานว่าในบริเวณนี้มีวัดหัวเมือง (ปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าฯ) วัดกลางบางซื่อ และวัดท้ายเมือง ประชาชนจึงเรียกว่า วัดกลาง และเนื่องจากวัดนี้อยู่ติดคลองบางซื่อ จวบจนทุกวันนี้ นี่คือข้อมูลคร่าว ๆ ของวัดกลางบางซื่อที่อยากนำพาเพื่อน ๆ มารู้จักกัน เพราะนอกจากวัดแห่งนี้จะมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานแล้ว บรรดาพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัด ยังเคยแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้ปรากฎประจักษ์มาแล้วหลายครั้งหลายหน จนสร้างกระแสกล่าวขานร่ำลือขจรขจายออกไปเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อพระประธานภายในอุโบสถที่แผ่คลุมไปในรูปลักษณะต่าง ๆ เรื่องของพระพุุทธรูปที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างเช่น หลวงพ่อพระกาฬ ที่มักจะดลบันดาลให้ผู้ไปสักการะกราบไหว้ขอพรจากท่านสัมฤทธิผลสมดังปรารถนาอยู่เสมอ เรื่องราวแปลกประหลาดเกี่ยวกับ หลวงพ่อโต ที่ไม่ยอมให้มีการสร้างหลังคาครอบคลุมเหนือองค์ท่าน
ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับปาฏิหาริย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ดังกล่าวปางบรรพ์ จะได้นำมาถ่ายทอดให้ทราบในลำดับต่อไป นอกจากนี้ยังมีเรื่องจริงเหลือเชื่อ จากอิทธิฤทธิ์แห่งดวงวิญญาณราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่มักจะดลบันดาลให้ผู้เดินทางไปบนบานศาลกล่าวขอโชคลาภเลขเด็ดจาก ศาลพุ่มพวง ดวงจันทร์ ถูกหวยรวมเบอร์กันมาแล้วนักต่อนัก เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายท่านยังคงคลางแคลงใจว่า เพราะเหตุใดวัดกลางบางซื่อจึงมีเรื่องราวของฤทธานุภาพแห่งดวงวิญญาณราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับท่านนี้มาเกี่ยวข้องด้วย จึงใคร่ขออนุญาตย้อนกลับไปในอดีต เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงสาเหตุที่มาของการสร้าง ศาลพุ่มพวง ดวงจันทร์ ขึ้น ณ วัดกลางบางซื่อ ดังนี้
Credit : ปางบรรพ์ , Pailin , dosee.in.th , web-pra.com , blogspot.com
by Admin Park
