ในหนังสือปฐมสมโพธิกถากล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า หลังจากที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว ทรงประทับเสวยวิมุตติสุขที่โคนต้นจิกหรือมุจลินทพฤกษ์ ได้บังเกิดเมฆมืดครื่มมีฝนตกลงมาอย่างหนัก มีพญานาคตนหนึ่งนามว่า มุจลินทนาคราช มีฤทธานุภาพมาก อาศัยอยู่ในสระบัวโบกขรณีใกล้กับต้นมุจลินท์นั้น ได้เห็นห่าฝนที่ตกลงมาก็รีบขึ้นมาจากพิภพของตน ได้ทัศนาสมณะรูปหนึ่งนั่สมาธิอยู่โคนต้นมุจลินทพฤกษ์ไม้จิกก็ตะลึงลานได้ตรึงตรองพิจารณาในใจว่า ท่านผู้นี้มีสิริสิลาสเลิศ ชะรอยจะเป็นเทพยตาชั้นพิเศษมีบุญญาบารมีประดับด้วยฉัพพรรณรังสี
เมื่อพิจารณาไป พลันก็รู็แจ้งว่าเป็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติขึ้นในโลก นับเป็นพระมหากรุณาที่พระพุทธองค์เสด็จมาสู่นิวาสสถานของเรา เป็นมหาลาภอันยิ่งใหญ่โดยแท้ สมควรที่เราจะช่วยปกป้องมีให้พระพุทธองค์ถูกต้องลมฝน เมื่อดำริเช่นนั้นแล้ว จึงขดเข้าที่ซึ่งขนดกายอันใหญ่โตเป็น 7 รอบแวกวงล้อมองค์พระสัพพัญญบรมศาสดา แล้วแผ่พังพานอังใหญ่ปานหลังคามณเฑียรปราสาทปกป้องเบื้องบนหวังประโยชน์จะมีให้เย็นและร้อน ฝนและแดดลมเหลือบริ้นยุงและหมู่ร้ายทั้งหลายมากระทบสัมผัสพระวรกาย
ฝนได้ตกอยู่เป็นเวลา 7 วันจึงหายไป พญานาคราชมุจลินท์จึงคลายขนดออกแล้วจำแลงแปลงกายเป็นมานพหนุ่มถวายอภิวันอัญชลีพระพุทธองค์ พุทธประวัติมิได้กล่าวถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสกับมุจลินทนาคราชแต่ประการใด แต่อย่างไรก็ตาม การปรากฎตัวของพญานาคมุจลินท์นี้เป็นเรื่องสำคัญมาก บทบาทของพญานาคที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ตอนที่เพิ่งตรัสรู้ใหม่ ๆ จึงเป็นเรื่องประทับใจชาวพุทธซะเหลือเกิน และก็เชื่ออย่างสนิทใจกันจริง ๆ ว่า พญานาคมีจริงไม่ใช่เรื่องเทพนิยาย และด้วยเหตุนี้เองเป็นต้นเหตุทำให้เกิดพระพุทธรูป ปางนาคปรก ขึ้นในพระบวรพุทธศาสนาสืบมาจนถึงทุกวันนี้ นิยมทำเป็นพญานาค 7 เศียรนั้นเอง...
Credit : นรเศรษฐ์ , Pailin , larnbuddhism.com , tipitaka , ytimg.com
by Admin Park