อามาร์ บารตี สุดยอดนักบวชสายทุกรกิริยา ผู้บำเพ็ญทุกรกิริยา ด้วยการยกมือนานกว่า 40 ปี

2016-03-31 18:24:00

เชื่อว่า... ชาวพุทธหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวการบำเพ็ญทุกรกิริยาของพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ในพุทธประวัติมาบ้างแล้ว ซึ่ง "ทุกรกิริยา" เป็นการกระทำว่าด้วยการทรมานร่างกายตนเองด้วยวิธีต่างๆ เพื่อหวังเป็นหนทางแห่งการชำระตนให้บริสุทธิ์จากบาป สู่หนทางการพ้นทุกข์ ก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงได้ทอดพระเนตรการดีดพิณที่พระอินทร์ทรงถวาย จนสามารถพิจารณาเห็นทางสายกลาง ซึ่งเป็นหนทางนำไปสู่พระโพธิญาณในเวลาต่อมา ด้วยวิธีการนั่งสมาธิและกำหนดลมหายใจแทน จนพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ในที่สุด

ทั้งนี้การกระทำทุกรกิริยาก็ไม่ได้มีเพียงในพุทธประวัติเพียงเท่านั้น เพราะปัจจุบันก็ยังมีนักบวชหลายคนเลือกเดินทางในสายดังกล่าวอยู่ และหนึ่งในนั้นก็คือ อามาร์ บารตี (Amar Bharti) นักบวชอินเดีย ผู้เลือกวิธียกมือข้างขวาค้างไว้ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี เป็นการทำทุกรกิริยาของตน

โดยหลังจากผ่านเวลามากว่า 40 ปี แม้สภาพแขนของอามาร์จะลีบแห้ง แต่เขาก็ยังคงยกตั้งชันต่อไป เพื่อเป็นการแสดงถึงความศรัทธาที่เขามีต่อพระศิวะ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ที่ว่าการทรมานร่างกายเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อเอาชนะความทุกข์ทางโลก

การทำทุกรกิริยาของนักบวชอามาร์นี้ เริ่มต้นขึ้นให้หลังจากปี 1970 เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งก่อนหน้านั้นเขายังคงใช้ชีวิตเยี่ยงคนทั่วไป ในฐานะชนชั้นกลาง มีครอบครัว มีอาชีพเป็นพนักงานธรรมดาอยู่ในกรุงนิวเดลี ของอินเดีย แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็รู้สึกว่า การไขว่คว้าเรื่องทางโลก ทำไปก็เพียงเท่านั้น จึงได้ตัดสินใจออกบวชอย่างไม่ลังเล

จนเมื่อการออกบวช 3 ปี ของอามาร์ไม่สามารถทำให้เขาค้นพบหนทางแห่งแสงสว่างที่จะนำพาให้เขาไปสู่พระเจ้าได้ ซึ่งต้นเหตุนั้นมาจากการที่เขาก็ยังไม่สามารถตัดสุขทางโลกไม่ขาดเสียที

ด้วยเหตุนี้อามาร์จึงตัดสินใจบำเพ็ญทุกรกิริยา โดยการชูมือข้างขวาของตัวเองขึ้นค้างไว้ และไม่เอามือลงอีกเลย แม้ช่วงแรกความเจ็บปวดจะถาโถมเขา และทวีคูณมากขึ้นก็ตาม

อย่างไรก็ตาม... เมื่อกัดฟันทนเป็นเวลานาน เขาก็เริ่มค้นพบสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ "สมาธิ"

ทั้งนี้ อามาร์ ก็ถือเป็นนักบวชทุกรกิริยาที่เป็นเสมือนไอดอลของนักบวชรุ่นใหม่อีกหลายต่อหลายคน ที่ต่างพากันยกมือตามนักบวชอามาร์ นักบวชบางรูปก็บอกว่า ยกมือตามนักบวชอามาร์ 7 ปีแล้ว 14 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครเทียบกับผู้เป็นต้นฉบับได้ ซึ่งยกมือต่อเนื่องมาแล้วตั้งแต่ปี 1973 รวมมากกว่า 40 ปีด้วยกัน...

แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม : kapook.com

By : Admin@no (แอดมินโนเอง)

Admin :

view

6671

Post

2016-03-31 18:24:00

เครดิต : tartoh

เรื่องราวใหม่ๆ

ร่วมแสดงความคิดเห็น

เรื่องเด็ดตาโต