บุคลิกภาพที่ดีออกแบบได้โดยการพัฒนาความฉลาดให้รอบด้านด้วยการพักกายคลายความเครียด
(Personality - Quotient - Relax)
Personality บุคลิกภาพที่ดีออกแบบได้
การมีบุคลิกภาพที่ดีเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา เพราะคนที่มีบุคลิกดีนั้นจะโดดเด่น มีเสน่ห์ชวนมอง น่าคบหา และน่าเชื่อถือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นพื้นฐานในการสร้างความสำเร็จทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามการมีบุคลิกภาพที่ดีอย่างแท้จริงไม่ได้ดูเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาถึงทัศคติ ความคิด อุปนิสัย และต้องมีจิตใจที่งดงามน่าชื่นชมอีกด้วย
การพัฒนาบุคลิกภาพให้ดูดีนั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่แนวทางปฏิบัติซึ่งต้องสามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละคนได้ เพราะการมีบุคลิกที่ดีและโดดเด่นไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณ์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งไม่สามารถทำตามกันจนขาดความเป็นตัวของตัวเอง ต่อไปนี้เป็นแนวทางพื้นฐานเพื่อการมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
- การแต่งกาย ควรแต่งกายสะอาด เหมาะกับกาลเทศะ บทบาท หน้าที่ และสถานภาพ โดยคำนึงถึงบุคลิกและรูปร่างของตนเอง เช่น
ความผอมบาง ควรเลือกใส่เสื้อผ้าสีอ่อน เพราจะทำให้ดูมีน้ำมีนวลขึ้น และควรหลีกเลี่ยงเนื้อผ้าพลิ้ว ทิ้งตัว หรือรัดรูป เพราะจะทำให้ดูผอมโกรกยิ่งขึ้นไปอีก
คนเจ้าเนื้อหรือท้วม ควรเลือกใส่เสื้อผ้าสีเข้ม แบบเรียบๆ หากหากเป็นสะโพกและหน้าท้อง ควรเลือกใส่กางเกงหรือกระโปรงเอวต่ำจะช่วยอำพรางส่วนเกินได้ และถ้ามีใบหน้าออกลม มีเนื้อที่ลำคอก็อาจใส่เสื้อคอวี เพื่อช่วยทำให้ดูเพรียวขึ้น
คนตัวเตี้ย หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงขาสั้น และรองเท้าส้นสูงหนาเพราะจะยิ่งเน้นส่วนขาให้ดูสั้นยิ่งขึ้น และไม่ควรสวมเสื้อตัวยาว คอลึก แต่ควรใส่เสื้อคอวีและไม่มีลายรุงรังตรงช่วงอก ถ้าหากต้องการใส่เสื้อผ้าที่มีลาย ควรเป็นลายเล็กๆ ห่างๆ และสีเดียวกันทั้งชุด สำหรับคุณผู้หญิงอาจใส่เป็นชุดกระโปรงเลยก็ได้
คนตัวสูงใหญ่ เลือกสวมใส่เสื้อคอกว้าง แขนกว้าง และพอดีตัว ไม่ควรเลือกผ้าเนื้อบางเบา หากชอบใส่เครื่องประดับ เช่น แหวน นาฬิกา หรือสร้อยข้อมือ ก็ให้เลือกที่มีขนาดใหญ่ เพราะจะทำให้ดูตัวเล็กลง
- ท่าทาง ท่าทางที่แสดงออกควรเป็นธรรมชาติ ไม่ดูหลุกหลิกน่าสงสัย ส่วนท่าทางที่ควรหลีกเลี่ยงนั้นก็เช่น ยืนกอดอก ยืนเท้าเอว ยืนพักขาทิ้งน้ำหนักลงข้างใดข้างหนึ่ง หรือโยกตัวไปมา สำหรับการเดินไม่ควรเดินลากเท้าส่งเสียงดัง หรือก้าวเท้ายาวหรือสั้นจนเกินไป และไม่ควรยืนหรือเดินหลังค่อมหรือแอ่นหน้าอก
- การสนทนา บทสนทนา ที่ดีและเสริมบุคลิกให้ผู้พูดนั้นจะต้องมีความสร้างสรรค์ ไม่ทำลายความรู้สึก มีความสุภาพ ตรงไปตรงมา และเหมาะสมกับกาลเทศะ ที่สำคัญผู้พูดจะต้องให้เกียรติผู้ร่วมสนทนาโดยการรู้จักเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย
นอกจากพัฒนาบุคลิกภาพภายนอกแล้ว เราควรเสริมสร้างบุคลิกภาพภายในอยู่เสมอ ซึ่งสามารถทำได้มากมายหลากหลายวิธี เช่น มองโลกในดี เพิ่มพูนความรู้ให้ตนเองอย่างสม่ำเสมอ เปิดใจรับฟังความคิดเห็นและคำตำหนิจากคนรอบข้าง รู้จักแบ่งปัน อ่อนน้อมถ่อมตน และมีความเป็นมิตร เพียงเท่านี้เราก็จะเป็นคนที่มีเสน่ห์ น่าคบหา มีบุคลิกภาพที่ดีทั้งภายในและภายนอก
Quotient พัฒนาความฉลาดให้รอบด้าน
เราหลายคนคงทราบกันดีว่า Q หรือ Quotient เป็นค่าวัดความฉลาดของบุคคลในด้านต่างๆ โดยใช้ความสามารถในการสร้างความสำเร็จ และความสุขในชีวิตเป็นเกณฑ์ ในปัจจุบันได้มีการศึกษาค้นคว้า และแยกความฉลาดออกเป็นด้านต่างๆ ถึง 6 ด้านด้วยกัน เพื่อทำให้เกิดความชัดเจนในการพัฒนาความสามารถสู่ความสุขและความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
IQ (Intelligent Quotient) คือ ความฉลาดทางสติปัญญา การคิดวิเคราะห์ การคำนวณ และใช้เหตุผล หรือเข้าใจกันง่ายๆ ว่าเป็นความฉลาดทางด้านวิชาการ นักจิตวิทยาเคยคิดว่าระดับ IQ มีผลต่อความสำเร็จในชีวิตเป็นอย่างมาก จนกระทั่งมีผลงานวิจัยออกมารับรองว่า IQ เกี่ยงข้องกับเรื่องนี้เพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ระดับ IQ ของแต่ละคนนั้นส่วนหนึ่งสืบทอดมาจากพันธุกรรมซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ แต่อีกส่วนหนึ่งนั้นเกิดมาจากการดุแลอบรมเลี้ยงดู อาหาร และสิ่งแวดล้อม
EQ (Emotional Quotient) คือ ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นความสามารถที่จะรู้เท่าทันความรู้สึกของตนเองเข้าใจผู้อื่น ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ และรู้สาเหตุของอารมณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ควบคุมและแสดงพฤติกรรมออกมาอย่างเหมาะสม คนที่มี EQ สูงจะรู้จักปรับตัว มีความยืดหยุ่น มองโลกในแง่ดี และสร้างแรดลบันดาลใจให้กับตนเองได้ ผลการศึกษาของนักจิตวิทยาพบว่าระดับ EQ มีผลต่อความสำเร็จในการเรียนและทำการทำงานมากกว่า IQ ถึง 4 เท่าด้วยกัน
AQ (Adversity) คือ ความฉลาดในการแก้ปัญหาและเผชิญอุปสรรค ซึ่งเป็นความฉลาดอีกด้านหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญนั้นมองว่ามีความสำคัญต่อชีวิตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในการทำงาน เพราะแม้ว่าคนที่มี IQ และ EQ สูง แต่ทว่า AQ ต่ำ ก็อาจประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะ AQ จะทำให้บุคคลควบคุมสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ในแต่ละช่วงชีวิตอย่างกระตือรือร้น มีความมุ่งมั่น และไม่ท้อแท้โดยง่าย
MQ (Moral Quotient) คือ ความฉลาดทางจริยธรรม หรือ มีความยับยั้งชั่งใจ รู้จักผิดชอบชั่วดี มีความซื่อสัตย์ และมีสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม ระดับ MQ มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมและการพัฒนาความฉลาดทางด้านอื่นๆ เพราะคนที่มี MQ สูงจะใช้ความฉลาดที่มีอย่างถูกต้องเหมาะสม และเกิดประโยชน์ได้มากที่สุด
CQ (Creativity Quotient) คือ ความฉลาดในการคิดริเริ่มสิ่งสร้างสรรค์ มีจินตนาการ และคิดค้นผลงานใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิมระดับ CQ จะสัมพันธ์กับการเล่น ซึ่งต้องปลูกฝังเรียนรู้ตั้งแต่ในวัยเด็ก เช่น จากการเล่านิทาน ระบายสี หรือการประดิษฐ์เครื่องเล่นต่างๆ
PQ (Play Quotient) คือ ความฉลาดที่เกิดจากการเล่น ซึ่งเกิดจากความเชื่อที่ว่าการเล่นซนของเด็กสามารถพัฒนาความฉลาดได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะด้านร่างกาย ไหวพริบ ความคิดสร้างสรรค์ และอารมณ์
สำหรับหนุ่มสาววัยทำงาน ที่เคยมองข้ามความสำคัญของการพัฒนาความฉลาดในด้านเหล่านี้ อย่าเพิ่งเสียดายหรือคิดว่าสายเกินไปที่จะหันพัฒนาตนเอง เพราะมีผลยืนยันแล้วว่า นอกจากระดับ IQ แล้ว ความฉลาดในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์นั้นยังเสริมสร้างได้ อย่าลืมว่ายิ่งเรามีความฉลาดมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเข้าใกล้ความสำเร็จและความสุขมากขึ้นเท่านั้น
Relax พักกายคลายความเครียด
ธรรมชาติได้ออกแบบให้มนุษย์มีช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งนี้เพื่อรักษาความสมดุลของร่างกาย เมื่อใดก็ตามที่เราตกอยู่ในความเครียด ร่างกายและจิตใจจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เราจะรู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย อารมณ์อ่อนไหว หงุดหงิดโมโหง่าย
ดังนั้นเราต้องหาวีผ่อนคลาย เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้ชาร์ตพลังงานอย่างเต็มที่ พร้อมจะกลับไปเผชิญปัญหาและอุปสรรคที่เรากำลังประสบอยู่ ใครชอบหรือสะดวกวิธีไหนก็ลองทำดู หรือจะสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ไม่ผิดกติกาอันใด
- ลองหาชาคาโมไมล์ติดบ้านหรือติดโต๊ะทำงานไว้ ชาวตะวันตกถือว่าคาโมไมล์เป็น “ของสวรรค์สร้าง” ยามเครียดให้ชงจิบ จะช่วยให้ผ่อนคลายและสบายใจขึ้น
- หาโอกาสออกไปสัมผัสกับธรรมชาติบ้าง เช่น ฟังเสียงน้ำไหล นกร้องเพลง เสียงคลื่นกระทบฝั่ง แม้แต่การออกไปนอกอาคารที่ทำงานเพื่อให้สายตาและร่างกายได้สัมผัสแสงแดด หรือการเดินเล่นในสวนสาธารณะ ก็ทำให้ร่างกายและจิตใจคลายเครียดได้แล้ว นอกจากนี้การถอดรองเท้าเพื่อเดินเท้าเปล่าบนพื้นหญ้าหรือหาดทราย ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้จิตใจสงบ กระตุ้นประสาทให้สดชื่นได้
- ใช้เวลาช่วงเย็นสักวันละ 10-15 นาที นั่งในมุมสงบ เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนความเร็วจากกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน โดยอาจจะนั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร เพราะบางครั้งการไม่ทำอะไรเลย ก็เป็นสิ่งที่เราควรจะทำมากที่สุด
- การเดินออกกำลังกายในช่วงเย็น 20-30 นาที ในสวนสาธารณะจะทำให้ร่างกายเกิดภาวะผ่อนคลาย ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางเลือก ได้ออกมาบอกว่าการเดินเป็นประจำ จะช่วยให้ระบบหายใจทำงานได้ดีขึ้น รักษาระดับน้ำหนักตัว รักษาระดับความดันโลหิต และช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
- ไมค์ จอร์จ ผู้เขียนหนังสือ Learn to relax ได้กล่าวเอาไว้ว่า การนวดตัวจะช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย เนื่องจากการนวดที่ต้องอาศัยการสัมผัสร่างกายนั้น ช่วยให้ทั้งผู้ถูกนวดและผู้นวดผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะถ้านวดเป็นจังหวะเดียวกับการเต้นของชีพจร การนวดยังเป็นการกระตุ้นระบบน้ำเหลืองและระบบหมุนเวียนเลือดไปพร้อมๆ กัน
- การคิดบวก หรือการจิตนาการสิ่งต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ จะช่วยให้เราผ่อนคลาย มีกำลังใจ มีความหวัง พร้อมจะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนมีปัญหา มีความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น เพราะธรรมชาติของชีวิตจะมีจังหวะ โอกาส เหมือนเช่นฤดูกาลที่ผลัดเปลี่ยนเวียนหมุนกันเข้ามา แล้วในท้ายที่สุดก็จะผ่านไป
- ทำสมาธิสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ๆ ละ 15-30 นาที จะช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นการปรับฮอร์โมนในร่างกาย เพราะขณะทำสมาธิร่างกายจะหลั่งสารเอนเดอร์ฟีน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมา
- หัวเราะเสียบ้าง การหัวเราะจะทำให้หายเครียดได้อย่างรวดเร็วและยังเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศอีกด้วย เพราะการหัวเราะช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนคาเทคอลามีน ซึ่งทำหน้าที่เร่งการผลิตสารเอนเดอร์ฟีน ซึ่งเป็นสารระงับความเครียด
- การปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ หรือการดูแลต้นไม้ เป็นวิธีการคลายเครียดที่ดีต่ออารมณ์และจิตใจ เพราะปัจจุบันแพทย์ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า “การบำบัดด้วยการทำสวน” (horticultural therapy) ช่วยบำบัดผู้ที่มีความเครียดทางอารมณ์และร่างกาย
- ฝึกการหายใจแบบผ่อนคลาย โดยหายใจเข้าลึกๆ จนท้องพอง แล้วจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก วิธีหายใจแบบนี้จะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเจนอย่างเต็มที่ และสมองก็จะหลั่งฮอร์โมนคลายเครียดออกมา หรือจะลองฝึกวิธีการหายใจควบคู่ไปกับการฝึกโยคะก็ได้ผลดีเช่นกัน
- มีงานวิจัยที่พบว่าการมีสัตว์เลี้ยงคู่ใจไว้ลูบคลำเล่น จะช่วยบรรเทาอาการเครียดได้ดี เพราะระหว่างที่เราลูบสัตว์เลี้ยงแสนรัก ระดับความดันโลหิตในช่วงที่เรากำลังโกรธหรือเครียดจะลดต่ำลง ทำให้ใจเย็นขึ้น มีเวลาขบคิดอย่างมีเหตุมีผลมากขึ้น
เคยมีผู้เชี่ยวชาญได้พูดเอาไว้ว่า “ไม่มีใครที่มีบุคลิกภาพดีไม่ได้และไม่มีใครมีบุคลิกภาพเลวร้ายไปหมดทุกอย่าง” ฉะนั้นแล้วบุคลิกภาพเรียนได้และแก้ไขได้เราพัฒนาลักษณะเฉพาะของตัวเราให้ดีขึ้นได้บุคลิกภาพเป็นสิ่งที่ได้จากประสบการณ์ที่สั่งสมมา รวมทั้งสภาพแวดล้อมทางสังคมและการอบรมสั่งสอนจากครอบครัว จะทำให้แสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง คำพูดหรือกิริยามารยาท บุคคลที่มีนิสัยดีใจเย็น มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี สุภาพอ่อนโยน จะเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพดีสุภาพ จะทำให้เกิดความมั่นใจในตนเอง อยู่ในสังคมอย่างเป็นสุข ได้รับการยอมรับจากคนในสังคม จะเกิดความภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีของตน ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นผู้ที่กิริยามารยาทไม่สุภาพอ่อนโยน จิตใจแคบ ไม่มีความเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์กับผู้อื่น จะไม่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคม และทำให้ขาดความมั่นใจในตนเองในที่สุด ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าบุคลิกภาพมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยทำให้บุคคลประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลวในอาชีพได้
…………………………………………………………………………
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือเส้นทางแห่งความสุข และ tourism.npu.ac.th
ขอบคุณรูปภาพจาก : jsfutureclassroom.com / lumoreira.com / aseanthai.net /
xn--12ca8gil4ewc0c6c.blogspot.com / su.bighead.co.th / quotesgram.com / impressionconsult.com