J-K-L Create ways to happiness
ออกเดินทางผจญภัยสู่ไปโลกกว้างกับความรู้ควบคู่จินตนาการและความรักอันแสนงดงามที่ยิ่งใหญ่
(Journey-Knowledge-Love)
Journey ออกเดินทางผจญภัยสู่ไปโลกกว้าง
การเดินทางท่องเที่ยวเปรียบเสมือนการได้ใช้ชีวิตในนิติใหม่ที่ต่างออกไปจากเดิม โดยเฉพาะคนเมืองที่วันๆ เอาแต่นั่งทำงานอยู่กับที่จะออกไปติดต่อธุรกิจบ้างก็ไม่ไกลเกินเขตเมืองหากได้ออกเดินทางไปยังดินแดนใหม่ๆ ในบรรยากาศและเป้าหมายอันแตกต่างไปจากชีวิตที่ซ้ำซากจำเจ การท่องเที่ยวในครั้งนั้นย่อมจะต้องมีการสร้างประสบการณ์ชีวิตซึ่งน่าจดจำและยากจะลืมเลือน
มีบ่อยครั้งที่การท่องเที่ยวทำให้เราได้รู้จักโลกในมุมมองที่ไม่เคยสัมผัส และมีอีกหลายคราที่การท่องเที่ยวทำให้เราได้เรียนรู้จักตนเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้รู้ว่าตัวเรามีความหมายอย่างไร การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมทำให้ตระหนักว่าเราเป็นเพียงหนึ่งในผลผลิตของกระบวนการทางสังคมและความคิด และยังมีกระบวนการและความคิดอื่นที่มีคุณค่าและต่างออกไป ให้เราได้เรียนรู้และปรับตัวเขาหา หรือการท่องเที่ยวทางธรรมชาติซึ่งทำให้เราเข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของโลก แต่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของสรรพสิ่ง และทำให้เราใช้ชีวิตช้าลง เพื่อจะได้สัมผัสกับสิ่งสวยงามรอบตัวที่เราไม่เคยนึกถึงในโลกแห่งธุรกิจ
การท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง ไม่เพียงสร้างความสุขให้เฉพาะเมื่อไปถึงจุหมายปลายทางเท่านั้น แต่เรายังได้เก็บเกี่ยวความรู้สึกเหล่านั้นระหว่างทาง จากรอยยิ้ม มิตรภาพ การแบ่งปัน และการทำความรูจักซึ่งกันและกันของเพื่อนร่วมทางและผู้คนหน้าใหม่ๆ ที่พานพบ หลายคนได้พบเพื่อนแท้จากการท่องเที่ยว ในขณะที่บางคนได้พบคู่ชีวิตที่ตรงใจเพียงแค่ตัดสินใจก้าวเท้าออกจากสถานที่เดิมๆ ประสบการณ์เหล่านี้ไม่สามารถหาได้จากการอ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ ดูภาพยนตร์ ชอปปิ้ง เที่ยวตามสถานบันเทิง คุยโทรศัพท์ หรือเล่นอินเตอร์เน็ต แต่ได้มาจากการหาเวลาออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง แล้วเราจะเข้าใจว่าความสุขที่เกิดจากการได้เที่ยงเที่ยวไปในสถานที่ใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตนั้นมีความหมายเพียงใด
Knowledge ความรู้ควบคู่จินตนาการ
อันเบิร์ต ไอน์สตน์ ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า
“จินตนาการสำคัญกว่าความรู้”
ซึ่งถ้าเราไม่ทำความเข้าใจวาทะนี้ให้ท่องแท้ อาจทำให้นำไปใช้อย่างผิดๆ ได้ เช่น หากเราวาดฝันว่าในอนาคตอยากเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วเอาแต่จินตนาการถึงเรื่องนี้ไปวันๆ โดยไม่เคยพูดคุยหรือปรึกษาผู้ที่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนั้นๆ เลย ภาพความเป็นเจ้าสัวหรือเจ้าของธุรกิจที่วาดฝันไว้ก็คงไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราเป็นพนักงานบริษัท แล้วใช้เวลาในแต่ละวันนั่งนึกภาพตัวเองเป็นพนักงานดีเด่นที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมสร้างสรรค์ และทำกำไรก้อนโตให้กับนายจ้าง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยใช้เวลาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ และไม่เคยติดตามความเป็นไปของโลกเพื่ออัพเดทตนเอง หรือแม้แต่จะทุ่มเททำงานที่อยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง ภาพในจินตนาการของเราก็คงเป็นได้แค่ฝันกลางวันที่ไม่มีทางจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้เอง การจะทำสิ่งใดก็ตามให้สำเร็จจึงต้องมีความรู้ควบคู่มาด้วยเสมอ เพื่อให้จินตนาการที่วาดไว้แจ่มชัดและเป็นจริงได้ในที่สุด
การเพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ และแม้แต่จินตนาการนั้นทำได้หลากหลายวิธี อย่างไรก็ตาม นักปราชญ์และนักนักวิชาการต่างๆ มากมายหลากหลายแขนงที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมักให้ความสำคัญกับการอ่าน ดังตัวอย่างเหตุผลต่อไป
- การอ่านช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนต่างๆ ได้มากที่สุดทำให้สมองสั่งการอย่างฉับไว เกิดความคิดสร้างสรรค์ มีความจำดี และทำให้เราสามารถเข้าใจเรื่องราวอันซับซ้อนต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
- การอ่านทำให้จิตใจสงบ เกิดสมาธิได้ง่าย แม้เมื่ออยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
- หนังสืออ่านสบายช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ดีกว่าการชมโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หรือฟังเพลงสมัยนิยม
- การอ่านช่วยเพิ่มพูนทักษะด้านภาษา และจัดระบบความคิดได้ดี โดยเฉพาะกับเด็กในวัยเรียนรู้
- การอ่านทำให้เกิดความมั่นใจและนับถือตนเอง ได้รับการยอมรับ และเป็นที่พึ่งทางปัญญาของคนรอบข้าง
นอกจากการอ่านแล้ว เรายังสามารถเพิ่มพูนความรู้ต่างๆ ได้อีกหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการฟัง การดู การเขียน หรือการสนทนาอย่างสร้างสรรค์ แต่ไม่ว่าเราจะเลือกรับความรู้ในรูปแบบใด สิ่งสำคัญย่อมอยู่ที่เรานำความรู้นั้นมาพิจารณาและปฏิบัติตามอย่างเหมาะสมเพื่อพัฒนางาน เพิ่มคุณภาพชีวิต และบำรุงจิตใจให้มีความสุข ดังวาทะอมตะของ เบนจามิน แฟรงคลิน ที่ว่า
“An investment in knowledge
always pays the best interest.”
“การเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ตนเอง
เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มคาที่สุดเสมอ”
Love ความรักอันแสนงดงามที่ยิ่งใหญ่
ไม่มีใครสามารถบอกได้แน่ชัดว่า ความรักนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไร และเพื่ออะไร เรารู้เพียงแต่ว่า เมื่อเราเกิดมาก็มีความรักรออยู่แล้ว
เริ่มต้นด้วยความรักจากพ่อแม่และครอบครัว เมื่อเราเติบโตขึ้นความรักก็จะเพิ่มมากขึ้น เราได้เรียนรู้ความรักระหว่างเพื่อน ความรักของครูที่มีต่อลูกศิษย์ ไปจนถึงความรักระหว่างคู่รัก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความรักที่ใครหลายคนนั้นยึดเป็นหลักของชีวิต จนกระทั่งหลงลืมความรักในรูปแบบอื่นๆ ที่มีอยู่รอบตัว
นอกเหนือจากความรักใกล้ๆ ตัวแล้ว ยังมีความรักรอบๆ ตัวที่เราไม่ควรที่จะมองข้ามไป ไม่ว่าจะเป็นรักเพื่อนบ้าน รักเพื่อนร่วมงาน รักสัตว์เลี้ยง รักเพื่อนร่วมชาติ รักธรรมชาติ รวมไปถึงรักโลกที่เราอาศัยอยู่ เมื่อใจของเราเกิดความรักขึ้นมา เราก็จะรู้สึกดีกับคนหรือสิ่งที่เรารัก เราก็จะดูแล ทะนุถนอม ห่วงใยใส่ใจ อดทนอดกลั้น เสียสละ ให้อภัย จริงใจช่วยเหลือประคับประครอง เพื่อให้คนที่เราหรือสิ่งที่เรารักความสุข ซึ่งเรียกพลังนี้ว่า อานุภาพแห่งรัก
อานุภาพแห่งรักนี้เป็นพลังที่ประมาณมิได้ และสามารถก่อให้เกิดผลงานที่น่าทึ่งมากมาย เช่น ผลงานศิลปะของไมเคิล แองเจโล งานช่วยคนยากจนของแม่ชีเทราซาในเมืองกัลลัตตา ประเทศอินเดีย ธนาคารคนจนของนายมูฮัมหมัด ยูนุส ในประเทศบังกลาเทศ สิ่งสำคัญที่เกี่ยวกับความรักที่เราพึงตระหนักคือ การมอบความรักโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ กลับมา และไม่รู้สึกว่าคุณค่าของเราลดลงตรงกันข้าม เมื่อเรารักใครหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแท้จริง หัวใจเราจะพองโตและเต็มอิ่มกับความรักนั้น เราจะรู้สึกว่าตัวเรามีคุณค่าเสมอ
นอกจากเราจะมอบความรักให้กับคนหรือสิ่งของที่อยู่ใกล้และอยู่รอบๆ ตัวแล้ว ก็จงอย่าลืมมอบความรักให้กับตนเอง ด้วยการดูแลใส่ใจสุขภาพทั้งกายและใจ มอบสิ่งดีๆ ให้กับร่างกาย เลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ งดเว้นสิ่งทำลายหรือบั่นทอนสุขภาพ รวมถึงเติมพลังใจให้ตัวเองเสมอๆ เมื่อเรารักตัวเองได้อย่างมีความสุขแล้ว ผู้ที่ได้รับความรักจากเราก็จะมีความสุขไปพร้อมๆ กัน
……………………………………………………………………………
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือเส้นทางแห่งความสุข
ขอบคุณรูปภาพจาก : bloggang.com / anantaravacationclub.com / travel.mthai.com / goosiam.com / kengaikidsshop.com / sites.google.com / momypedia.com / weezaa.com
ทีมงานตาโตเรียบเรียงนำเสนอ