เรียนรู้จักการให้สิ่งดีๆ เริ่มต้นที่การกอดกันไว้ให้ใจอบอุ่นและลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรในชีวิต G-H-I Create ways to happiness Give - Hug - Invest
2016-03-07 16:08:00

เรียนรู้จักการให้สิ่งดีๆ เริ่มต้นที่การกอดกันไว้ให้ใจอบอุ่น

และลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรในชีวิต

 

 

G-H-I Create ways to happiness 

(Give - Hug Invest)

 

 

Give เรียนรู้จักการให้สิ่งดีๆ

 

 

   การให้หรือการแบ่งปันเป็นศิลปะของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น และเป็นยาขนานเอกในการประสานรอยร้าวของความขัดแย้งต่างๆ ได้ การให้ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่วัตถุสิ่งของ หรือต้องลงทุนเป็นทรัพย์สินเงินทอง แต่การให้ที่ใช้ต้นทุนของความรัก ความหวังดีซึ่งมาจากจิตใจ และความตั้งใจ ก็เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน หรือบางทีอาจจะมีค่ามากกว่า ดังเช่นการให้ในสิ่งที่เป็นนามธรรม แต่มีพลังมากมายมหาศาลในการขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ การให้ในลักษณะนี้ก็คือ การให้ความหวัง การให้กำลังใจ การให้แนวคิดเพื่อนำไปตริตรอง หรือแม้กระทั่งการให้โอกาส 

 

 

   การให้สิ่งเหล่านี้เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ และผลตอบแทนที่ได้รับกลับคืนมาก็มีคุณค่าจนยากที่จะเปรียบเทียบ เพราะมันอาจหมายถึงอนาคตหรือชีวิตของใครบางคน แต่การให้แบบนี้ก็จัดเป็นการให้ที่ “ยาก” กว่าการให้ทรัพย์สินเงินทองหรือวัตถุสิ่งของ เพราะต้องออกมาจากจิตใจและสติปัญญาที่ได้รับการฝึกฝนบ่มเพาะมาเป็นอย่างดี จิตใจที่หวังดีอย่างแท้จริงต้องเป็นจิตใจที่มีคุณธรรมสูง มิใช่สักแต่ให้เป็นคำพูดว่าหวังดีหรือให้โอกาส และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้สติปัญญาที่ดี ก็ต้องออกมาจากสติปัญญาที่พินิจพิเคราะห์เป็นอย่างดีแล้วเช่นกัน ผู้รับจึงจะมีสติปัญญาหรือมีแนวคิดที่ดีไปปรับใช้กับชีวิตได้ ดังนั้น การผลิตต้นทุนความหวังดีหรือต้นทุนทางสติปัญญาอย่างแท้จริง จึงต้องอาศัยการดูแล ใส่ปุ๋ย น้ำและแสงแดงอย่างพอเหมาะพอสม เมื่อถึงเวลาจึงจะเก็บเกี่ยวเอาผลิตผลชั้นเลิศไป “ให้” ใครๆ ได้

 

 

   ถ้าหากเราอยากเป็นผู้ “ให้” ที่มีคุณภาพ เพื่อที่ผู้ “รับ” จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สิ่งที่ให้ก็ต้องเป็นสิ่งที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้วเช่นกัน การให้ในรูปแบบที่กล่าวมานี้ สามารถสั่งสมไปพร้อมๆ กับการสะสมทรัพย์สินเงินทองที่เราขวนขวายหาอยู่ทุกวันได้ การฝึกฝนการให้ควรเริ่มจากสิ่งที่เราให้ได้ง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยให้ในสิ่งที่เราให้ได้ยากหรืออยากจะให้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด อย่าลืมว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะให้ตัวเองก่อน โดยให้อาหารทีดี ให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ให้คุณธรรม ให้ศรัทธา ให้ความเชื่อมั่น ไม่เช่นนั้น เมื่อถึงเวลาที่เราต้องให้อะไรกับใคร การให้นั้นก็จะไม่สมบูรณ์ขึ้นมาได้และไม่เกิดความสุขจากการให้

 

“จงยินดีที่เป็นผู้ให้ มากกว่าจะเป็นผู้รับ”

- ดร. เทียม โชควัฒนา -

 

 

Hug กอดกันไว้ให้ใจอบอุ่น

 

 

    “การกอด” ซึ่งเป็นสิ่งพิเศษสุดที่เราทุกคนสามารถมอบและรับคืนได้ในทันทีโดยไม่ต้องลงทุนอะไร ว่ากันว่าการกอดเป็นการแสดงความรู้สึกในเชิงบวกที่ไม่มีคำพูดใดสื่อแทนได้ เพราะการกอดกันอย่างจริงใจเป็นการแสดงถึงความรัก ความห่วงใย การยอบรับ ความชื่นชม และมองเห็นคุณค่าในกันและกัน

 

 

   มีงานวิจัยทางการแพทย์จากทั่วโลกไม่ว่าจะทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ซึ่งศึกษาผลของการกอดที่มีต่อสุขภาพกายและใจ ซึ่งต่างก็ออกมายืนยันว่า การกอดสามารถลดบรรเทาความเจ็บปวด และบำบัดอาการผิดปกติของร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี เพราะในขณะที่เรากอด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซินเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตจะลดลง ส่งผลให้เรารู้สึกผ่อนคลายมีความสุข และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ การกอดนั้นยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย และชะลอความชรา มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งในสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า การกอดนั้นจะกระตุ้นการทำงานของฮีโมโกลบินสารประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง ซึ่งทำให้ออกซิเจนถูกลำเลียงไปเลี้ยงเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งรวมไปถึงผิวหนัง ส่งผลให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ผิวพรรณสดใส ดูดีทั้งภายในและภายนอก

 

 

   การกอดส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ได้รับการโอบกอดจากพ่อแม่อยู่เสมอ จะมีพัฒนาการทางสมองและอารมณ์ดีอย่างต่อเนื่อง และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือตนเอง หรือผู้สูงอายุที่ได้รับการกอดจากลูกหลานก็จะมีสุขภาพดีขึ้น อาการซึมเศร้าลดน้อยลง และแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดี การกอดที่จะส่งผลดีนั้นจะต้องแสดงออกอย่างจริงใจและปารถนาดี ไม่ใช่ทำตามมารยาททางสังคม ซึ่งเราทุกคนสามารถสัมผัสได้ทางความรู้สึก  เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมใช้สองแขน หนึ่งหัวใจ โอบกอดผู้อื่นอย่างจริงใจอย่างน้อยวันละ 4 ครั้ง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทั้งกายและใจให้แก่กันและกัน

 

 

Invest ลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรในชีวิต

 

 

   ถ้าหากย้อนเวลากลับไปเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารในบ้านเราเป็นตัวเลข 2 หลัก ดังนั้นคนไทยที่พอจะมีเงินเก็บต่างก็นิยมนำเงินไปฝากธนาคารมากกว่านำไปลงทุนด้านอื่น แต่เมื่อกาลเวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุดเหลือเพียงตัวเลขเดียวและต่ำสุดจนเหลือแค่หลักทศนิยม ดังนั้นการจะหวังพึ่งพาผลประโยชน์จากดอกเบี้ยทางเดียวจึงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย โชคดีที่ช่องทางการลงทุนในบ้านเราได้พัฒนาให้ประชาชนได้มีโอกาสเลือกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การซื้อพันธบัตร การซื้อหุ้นกู้ การซื้อตราสารหนี้ ลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ ลงทุนในทองคำ ลงทุนในเพชร ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยงและมีให้เลือกมากมาย ดังนั้นก่อนจะนำเงินที่มีอยู่ไปลงทุน เพราะฉะนั้นเราจึงควรทำความรู้จักและศึกษารูปแบบการลงทุนต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของเรามากที่สุด ผู้เชี่ยวชาญในด้านการลงทุนท่านหนึ่งมีคำแนะนำในการลงทุน โดยประเมินจากความเสี่ยงที่เรารับได้ดังนี้

   - รับความเสี่ยงได้น้อยมาก อาจจะไม่เลือกลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้น แต่ลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือกองทุนตลาดเงินร้อยละ 50 และฝากธนาคารร้อยละ 50

   - รับความเสี่ยงได้น้อย อาจลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้นร้อยละ 10 ลงทุนในตั๋วเงินคลังร้อยละ 30 ลงทุนในตราสารหนี้หรือกองทุนตราสารหนี้ร้อยละ 20 ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 10 และฝากธนาคารร้อยละ 30

   - รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้นร้อยละ 30 ลงทุนในตั๋วเงินคลังร้อยละ 10 ลงทุนในตราสารหนี้หรือกองทุนตราสารหนี้ร้อยละ 40 ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 10 และฝากธนาคารร้อยละ 10

   - รับความเสี่ยงได้มาก อาจลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้นร้อยละ 50 ลงทุนในตราสารหนี้หรือกองทุนตราสารหนี้ร้อยละ 20 ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 20 และฝากธนาคารร้อยละ 10

 

 

   เมื่อเราได้ใคร่ครวญเรื่องระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ารายละเอียดของการลงทุนแต่อย่างนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เงินขั้นต่ำในการงทุน ระยะเวลาในการลงทุน การซื้อ – ขายหน่วยลงทุน สิทธิ์ของผู้ลงทุน หรืออื่นๆ เพราะการศึกษารายละเอียดก่อนการลงทุนจะทำให้เราเลือกลงทุนได้เหมาะสมกับตัวเอง สิ่งสำคัญที่ผู้ลงทุนทุกคนควรตระหนักก็คือ การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ แม้เราจะศึกษาข้อมูลมาดีเพียงใด แต่ในความเป็นจริงความสำเร็จในอดีตไม่ได้เป็นเรื่องรับประกันความสำเร็จของปัจจุบันและอนาคต นอกจากการลงทุนในทรัพย์สินแล้ว ยังมีการลงทุนในด้านอื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน เช่น การลงทุนในการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้นและมีมูลค่าเพิ่มทุกวัน เริ่มทำการลงทุนเสียแต่วันนี้ เพื่อรอรับดอกผลที่งอกเงยเป็นทรัพย์ให้เราใช้สอยในยามต้องการ เราจะได้สบายใจและเกษียณอย่างเกษมสำราญ

 

 

   “การให้” เป็นโอกาสเพื่อแสดงความรักความปรารถนาดี และเมื่อเราคิดถูกเช่นนี้แล้ว เราก็ย่อมจะเลือกถามตัวเองต่อไปว่า “การให้สิ่งใดที่จะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อผู้รับ” แล้วกระบวนการเลือกให้ก็เต็มไปด้วยความหมาย เพราะเราย่อมได้รู้จักผู้รับมากขึ้นจากการใคร่ครวญถึงความเป็นเขา “การกอด” ไม่ได้จำกัดขอบเขตไว้เพียงกับเด็กหรือระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ผู้สูงอายุก็ต้องการการโอบกอดด้วยความรักจากคนใกล้ชิด เพราะการกอดคือภาษากายที่สื่อสารออกไปว่า คุณยังรักและเห็นความสำคัญของท่านอยู่เสมอ และอย่างที่คุณทราบดีว่ายิ่งสูงวัยก็ยิ่งขี้เหงา การกอดจึงช่วยเติมความรู้สึกอ้างว้างภายในจิตใจของผู้สูงวัยได้ดี และที่สำคัญของขวัญชิ้นนั้นย่อมเป็นประโยชน์เป็นเครื่องให้ความสุขแก่ผู้รับ และถ้าสามารถนำมาทั้งความสุขและความเจริญด้วยก็ยิ่งน่ายินดี ทังหมดนี้ก็คือการลงทุนเพื่อได้ความรักจากผู้คนรอบข้างตัวเรานั้นเอง

 

…………………………………………………………………………………

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือเส้นทางแห่งความสุข / healthtoday.net  และ etrade.one-asset.com

ขอบคุณรูปภาพจาก : saisawankhayanying.com / swhappinessss.blogspot.com / manager.co.th / entertain.enjoyjam.net / gotoknow.org / proton.rmutphysics.com / tbp.co.th / bam.co.th / imoneythailand.com / stocktipsdd.com / jobdst.com / healthandtrend.com

ทีมงานตาโตเรียบเรียงนำเสนอ


Admin :
view
:
2287

Post
:
2016-03-07 16:08:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น