A-B-C Create ways to happiness
(Attitude - Balance - Creative)
Attitude เริ่มต้นความสุข เริ่มที่มุมมอง
จากคำกล่าวของผู้มีประสบการณ์ว่ามีคำพูดที่ว่า "คนเราจะสุขจะทุกข์นั้นก็ด้วยความคิด"
ฉะนั้นความคิดคือต้นหนนำเป็นสิ่งที่ทำให้เราพูดหรือกระทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ด้วยความคิดที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคลจึงอาจจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต่างกันไป แม้ว่าจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกันก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญได้ทำการรวบรวมความคิดที่บั่นทอนความสุขในชีวิตโดยไม่รู้ตัวไว้ 40 ความคิด ซึ่งแต่ละความคิดเป็นเสมือนกับดักที่ทำให้คนที่หลงติดในกับดักนี้ตกอยู่ในวังวนของความทุกข์ อาทิเช่น :
- กับดักความคิดที่เชื่อว่า การพักผ่อนหย่อนใจเป็นการใช้เวลาที่สูญเปล่า คนที่เชื่อในความคิดนี้จะไม่ยอมแบ่งเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อนทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดความตึงเครียดสะสม และล้มป่วยในท้ายที่สุด
- กับดักความคิดที่เชื่อว่า หากต้องการให้งานออกมาดี ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง คนที่คิดเช่นนี้จะไม่ยอมแบ่งงานให้ใครช่วยทำ เพราะเกรงว่าจะทำได้ไม่ดีเท่าตน ทำให้งานตามหน้าที่ไม่สำเร็จตามกำหนดเกิดความตึงเครียดและเหนื่อยกับภาระหน้าที่ ที่ต้องลงมือทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ตนเองพอใจ
- กับดักความคิดที่เชื่อว่า ปัญหาจะหมดไป หากเลิกใส่ใจกับมัน คนที่คิดเช่นนี้จะไม่เผชิญหน้าปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเอง แต่จะใช้วิธีหลีกหนีหรือประวิงเวลาให้ยืดออกไปให้นานที่สุด โดยหวังลึกๆ ว่าเมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขก็ยังเป็นปัญหาอยู่เช่นเดิม และอาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้นและสร้างความทุกข์ให้กับผู้ที่หนีปัญหาไม่รู้จบสิ้น
- กับดักความคิดที่เชื่อว่า เมื่อลงแข่งขันแล้วต้องชนะทุกครั้ง คนที่คิดเช่นนี้จะมีแต่ความวิตกกังวลสูง กลัวว่าตนเองจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่แข่ง เพราะคิดว่าคุณค่าของตนเองจะเกิดขึ้นหากได้รับชัยชนะ เมื่อตอกย้ำความกังวลอยู่เป็นนิจ ก็จะทำให้พ่ายเวลาลงสนามแข่ง เพราะร่างกายและจิตใจจะขาดความมั่นใจจนแสดงความสามารถได้ไม่เต็มที่
- กับดักความคิดที่เชื่อว่า การทำให้ทุกคนพึงพอใจเป็นเรื่องสำคัญ คนที่คิดเช่นนี้จะเอาความต้องการของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง และยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้อื่นพึงพอใจ แม้ว่าบางครั้งจะต้องทนจำใจฝืนใจตนเองก็ตาม เมื่อต้องอยู่ในสภาวะนี้นานๆ ความรู้สึกภูมิใจในตนเองก็จะถดถอยลง และเกิดความทุกข์ตามมา
- กับดักความคิดที่เชื่อว่า คนที่เรารักจริงต้องรู้ใจเราทุกข์เรื่อง คนที่คิดเช่นนี้มักจะมีนิสัยหงุดหงิดตลอดเวลา อารมณ์ฉุนเฉียว เพราะคนข้างตัวไม่รู้ใจ ทำให้เกิดอาการน้อยใจและอาจจะพาลโกรธกันได้ง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถรู้ใจใครไปเสียทุกเรื่อง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่บางเวลาคนที่รักเราอาจจะไม่เหมือนไม่รู้ใจไปบ้าง
ดังนั้นแล้วในชีวิตจริงของคนเรานั้นยังมีกับดักความคิดอีกมากมายหลากหลายประเด็น ซึ่งล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดความไม่สบายใจ วิธีแก้ไขนั้นทำได้ไม่ยากเพียงเราหัดคิดพิจารณาเรื่องราวบางอย่างให้รอบด้าน มองหลายๆ มุมมอง แล้วเราจะมองเห็นว่าความคิดใดที่ไม่ดีเป็นพิษร้าย เราจะได้ไม่ตกหลุมกับดักความคิดนั้นๆ อีก ที่สำคัญคือต้องคิด พูด ทำ แต่ในสิ่งที่ดี แล้วจะเกิดความสุขจากการคิดดี พูดดี และทำแต่ในสิ่งดีๆ
Balance ต้องจัดแบ่งชีวิตให้สมดุล
คุณเคยเดินบนท่อกลมๆ หรือเดินไต่ไปบนไหล่ทางแคบๆ บ้างหรือไม่ ? สิ่งที่ต้องทำขณะที่ค่อยๆ เดินไปก็คือ ต้องพยายามทรงตัวอยู่บนนั้นให้ได้โดยไม่ตกลงมา
ในชีวิตจริงแล้ว การดำเนินชีวิตของคนเราก็ไม่ต่างไปจากการเดินบนท่อกลมๆ สักเท่าไหร่นัก เพราะแต่ละคนจะต้องมีภาระหน้าที่หลากหลายที่ต้องรับผิดชอบ จนบางครั้งเรานั้นเผลอทำหน้าที่บางอย่างมากเกินไปและไม่ได้ทำหน้าที่อื่นซึ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน อย่างเช่น คุณแม่นักบริหารที่ต้องรับผิดชอบโครงการใหญ่จนไม่มีเวลาดูแลลูกที่บ้าน พนักงานบางคนทุ่มเทกับงานมากเสียจนไม่ยอมลุกไปไหน เมื่อลุกจากโต๊ะทำงานถึงได้รู้ว่าตนเองนั้นปวดหลัง ปวดไหล่ หรือนักเรียนบางคนกลัวจะเรียนไม่ทันเพื่อน เลยเอาแต่อ่านหนังสือทั้งวัน ไม่ออกไปเล่นหรือเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง จนในสุดท้ายตัวเองต้องเจ็บป่วย
การที่คนเรานั้นทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป อาจจะทำให้เสียสมดุลในชีวิต ซึ่งเห็นได้จากครอบครัวขาดที่ความอบอุ่น เพราะแทบไม่เคยได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากัน ร่างกายทรุดโทรมล้มป่วยเพราะไม่ได้ออกกำลังกาย เกิดความเครียดเพราะทำแต่ในสิ่งซ้ำๆ เดิมๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน จนขาดสีสันชีวิตชีวาเพราะไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ชีวิตที่ขาดสมดุลก็เหมือนเราเดินทรงตัวไม่ได้และพลัดตกลงมาบาดเจ็บ หากเรารู้ตัวหรือเริ่มรู้สึกว่าความสุขในชีวิตลดน้อยลง ก็ถึงเวลาที่จะกลับมาคิดทบทวนบทบาททุกบทของตัวเองใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่เราต้องเกี่ยวข้องกับผู้อื่นที่อยู่รอบๆ ตัว เราแบ่งเวลาได้เหมาะสมแล้วหรือไม่ รวมถึงบทบาทที่เราเล่นเพียงลำพัง เราแบ่งเวลาให้งาน การเรียน การดูแลสุขภาพ การพักผ่อน การประทานอาหาร ได้เหมาะสมแล้วหรือไม่ มีบทบาทใดที่เรานั้นให้ความสำคัญมากเกินไป บทบทไหนที่เรามองข้ามทั้งๆ ที่เป็นบทบาทที่ละเลยไม่ได้ เมื่อได้คำตอบแล้ว ให้ลองวางแผนเสียใหม่ว่า เราจะใช้เวลาอันจำกัดทำสิ่งใดบ้าง เพื่อไม่ให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง แผนที่เขียนขึ้นนี้ควรเป็นแผนที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม เพราะอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้เราไม่สามารถทำตามแผนได้
Creative รู้จักคิดแบบสร้างสรรค์
ปัจจุบันไม่ว่าใครจะทำอะไรก็มักพูดถึงการคิดนอกกรอบ คิดกลับหัว คิดต่าง หรือจะเรียกด้วยคำใดก็แล้วแต่ คำเหล่านั้นล้วนแทนการมีความคิดสร้างสรรค์ เพราะจะทำให้เกิดผลงานดีๆ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ไว้คอยจรรโลงโลกให้มีสีสันขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ความคิดสร้างสรรค์ใช่ว่าจะสรรค์สร้างกันได้ง่ายๆ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะเคยชินและติดอยู่กับความคิดและการใช้ชีวิตแบบซ้ำๆ เดิมๆ ซึ่งทำให้รู้สึกว่ามีความมั่นคงและสบายใจ การที่จะให้คิดอะไรใหม่ๆ แปลกๆ อาจทำให้มีผลต่อความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย และนี่เองที่เป็นศัตรูร้ายกาจคอยขัดขวางความคิดสร้างสรรค์ไม่ให้เติบโตขึ้นมาในมันสมองของเรา
หากเราอยากมีความคิดสร้างสรรค์เป็นของตัวเอง ก่อนอื่นก็ต้องทำลายอุปสรรคเหล่านี้ โดยเลิกยึดติดกับมุมมองหรือรูปแบบการใช้ชีวิตแบบซ้ำๆ เดิมๆ ที่คอยบีบรัดและจำกัดความคิดใหม่ๆ ซึ่งอาจดีกว่า แล้วลองใช้คำแนะนำต่อไปนี้ควบคู่กันไป
ทำตัวเป็นเหมือนแก้วไม่มีน้ำ แม้แนวคิดนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีการแนะนำให้ปฏิบัติกันมาเนิ่นนานแล้วอยู่พอสมควร แต่ว่าน้อยคนนักที่จะทำตามได้ เพราะธรรมชาติของคนเราชอบเป็นผู้พูดมากกว่าผู้ฟัง ซึ่งทำให้รู้สึกว่ามีความสำคัญและเป็นที่ยอมรับ แต่การเป็นผู้พูดมากกว่าผู้ฟังมักจะทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้เพิ่มพูนความรู้ หรือได้แง่คิดและมุมมองใหม่ๆ เหล่านี้เองที่จะสะสมผสมผสาน และเชื่อมโยงเข้ากับความคิดที่เรามีอยู่ แล้วกลั่นกรองออกมาเป็นความคิดใหม่ๆ เมื่อถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เหมาะสม
พาตัวเองออกไปยังสถานที่ใหม่ๆ การได้ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินจะช่วยสรรค์สร้างความคิดได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าเขาลำเนาไพรหรือชายทะเล เพราะไอดิน กลิ่นต้นไม้ เสียงคลื่น และพื้นทรายขาวนุ่ม จะช่วยกระตุ้นสมองให้เกิดการเรียนรู้และหลั่งสารเคมีแห่งความสุขทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง สงบสบาย ซึ่งเป็นภาวะที่เรามักคิดอะไรดีๆ ได้หรือแก้ปัญหาได้ดีที่สุด แต่ถ้าไม่มีเวลาหรือมีอุปสรรคในการเดินทางการได้อ่านหนังสือดีๆ สักเล่มก็ส่งผลดีได้เช่นกัน
สร้างกิจวัตรประจำวันพัฒนาสมอง เรารู้กันดีว่าความคิดดีๆ ความคิดสร้างสรรค์มักจะโลดแล่นอยู่ในสมองที่มีคุณภาพ สั่งการอย่างฉับไว ดังนั้นเราจึงต้องทำกิจวัตรประจำวันที่ส่งผลดีกับสมองอยู่เสมอ เช่น สร้างนิสัยรักการอ่าน เพราะการได้อ่านหนังสือดีๆ เป็นประจำจะกระตุ้นสมองให้คิด จิตนาการ และประมวลข้อมูล ทั้งยังช่วยเพิ่มคลังความรู้เก็บไว้สร้างสรรค์ความคิดดีๆ อีกด้วย เล่นเกมที่ใช้สมองและความคิด ไม่ว่าจะเป็นรูบิด ซูโดคุ ปริศนาอักษรไข้ว หมากฮอส หมากรุก ฯลฯ เกมเหล่านี้เป็นที่นิยม หาง่าย และราคาไม่แพง หรือถ้าว่างๆ จะลองเขียนหนังสือกลับหัว หรือเขียนด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด ก็ช่วยฝึกสมองได้เช่นกัน หาเรื่องสนุกให้หัวเราะ โดยเฉพาะการหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง เพราะนอกจากจะช่วยบำบัดความเครียดได้แล้ว ยังช่วยทำให้สมองปลอดโปล่งโล่งสบายเช่นกัน
นอกจากการทำกิจกรรมดีๆ เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์แล้ว ที่สำคัญเราจะต้องสร้างนิสัยในการดูแลตนเองให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นกิจวัตรประจำ รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ให้ครบทั้ง 5 หมู่ และหาเวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อผ่อนคลายจิตใจเพราะความคิดดีๆ และสร้างสรรค์ย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และจิตใจที่เข้มแข็งไร้มลพิษ
จากสิ่งต่างๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้นเป็นการเสนอแนวทางการปฏิบัติอย่างกว้างๆ ในรูปแบบของการขยายคำออกมาเป็นแนวคิดเพื่อเป็นแนวทางในการทำให้ตนเองมีความสุข แต่ผลที่ได้รับมีเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตน ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์การเรียนรู้ และการพิจารณาหาวิธีการ แล้วนำไปดัดแปลง ปรับปรุงให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการและประสบการณ์จริงของผู้ที่ต้องการแสวงหาความสุขของตนนั่นเอง
................................................................................................
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือเส้นทางแห่งความสุข / med.mahidol.ac.th และ createhappinessofday
ขอขอบคุณรูปภาพประกอบจาก : med.mahidol.ac.th / thaihealth.or.th / th.jobsdb.com / women.sanook.com / l3nr.org / aseanthai.net
ทีมงานตาโตเรียบเรียงนำเสนอ