เรื่องราวความลึกลับแห่งท้องทะเลมีตำนานกล่าวเอาไว้มากมาย ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัว แต่เรื่องลึกลับนี้ก็มิใช่จะมีเพียงใต้น้ำอย่างเดียว เพราะยังมีเหตุการณ์ความลี้ลับต่าง ๆ เกิดขึ้นบนพื้นผิวน้ำแห่งท้องทะเลอีกด้วย
ปริศนาเรือแมรี่ เซเลสต์ยังเป็นปริศนาที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบัน โดยเรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1872 เมื่อเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติอังกฤษ เดอี กราเซีย เห็นเรือแมรี่ เซเลสต์ เรือใบสองเสาขนาด 100 ฟุตลำหนึ่งที่ร้างคนและลอยอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายกลางทะเลมหาสุมทรแอตแลนติกตอนเหนือ
ระหว่างประเทศโปรตุเกสกับหมู่เกาะอะซอเรส ซึ่งเรือดังกล่าวแล่นจากนิวยอร์กสู่เจนัวในวันที่ 7 พฤศจิกายน โดยสมาชิกเรือประกอบด้วยกัปตันบริกก์ ภรรยาซาราห์ลูกสาวโซเฟีย และลูกเรือ รวมเป็น 11 คน ในเวลาต่อมาก็มีการสำรวจเรือแมรี่ เซเลสต์ ก็พบว่าไม่มีร่องรอยคนอยู่บนเรือเลย
อีกทั้งสภาพในเรือก็น่าพิศวงเพราะทุกอย่างอยู่ในสภาพที่ราวกับว่าเพิ่งมีคนอยู่ที่นั่นจนถึงเมื่อครู่ ที่โต๊ะอาหารว่างของกัปตันยังพบร่องรอยไข่ลวกกะเทาะเปลือกทิ้งไว้โดยไม่ตักรับประทาน ขนมปังแจะจานชุปยังวางอยู่บนโต๊ะ ไปป์ถูกวางไว้รอจุดไฟ รองเท้าบูทถูกวางทิ้งทั้ง ๆ ที่ยังขัดค้างไว้ สมุดโน้ตภรรยาเปิดคาเหมือนยังเล่นค้างอยู่ รูปการบ่งบอกชัดเจนว่าการสละเรือเป็นไปอย่างเร่งรีบโดยไม่มีการเตรียมตัวมาก่อน
นอกจากนั้นสภาพห้องของเรือส่วนใหญ่ถูกรื้อกระจุยกระจาย ของหลายสิ่งตกแตกเต็มพื้นเหมือนมีเหตุต่อสู้กันบนเรือ แต่กระนั้นสินค้าที่เป็นสุรายังอยู่ปกติ (ปริมาณกว่า 1,500 บาร์เรล) บันทึกเดินเรือถูกฉีกขาดไปหลายหน้า แต่ก็ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นว่าคนทั้ง 10 หายไปไหนและหายไปได้อย่างไรกัน และที่น่าตกใจก็คือ วันสุดท้ายที่มีการบันทึกคือ วันที่ 25 พฤศจิกายน หรือประมาณ 10 วันมาแล้ว หากตำแหน่งเรือปัจจุบันจะพบว่า เรือแมรี่ เซเลสต์ กางใบแล่นมาโดยปราศจากคนบังคับเกือบ 100 ไมล์
มีหลายทฤษฎีที่อธิบาย เรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นกับเรือแมรี่ เซเลสต์ ว่าคนบนเรือถูกฆ่าโดยโจรสลัด หรือได้รับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อราจนประสาทหลอนและเสียสติ หรือเกิดจากผีและสัตว์ปีศาจจากทะเล หรือมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว แต่ทฤษฎีที่หลายคนยอมรับมากที่สุดคือ เรือแมรี่ เซเลสต์เผชิญกับพายุหรือคลื่นลมแรง ทุกคนเลยสละเรือและต่อมาก็เสียชีวิตในทะเลทั้งหมด แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ไม่สามารถไขปริศนาของมันได้จนเรือถูกขายต่อไป และท้ายที่สุดมันก็ถูกจมทิ้งเพื่อหวังเงินประกันใกล้ ๆ เกาะเฮติในปี 1884 จนกลายเป็นปริศนาที่ไขไม่ออกจนถึงปัจจุบัน
By Admin Park