เมื่อผมได้พูดกับผีสึนามิ ตอนที่ 2 [เรื่องเล่า]
2015-06-10 12:23:56

กลิ่นศพที่คลุ้งอย่างรุนแรงทำให้เราต้องไปขอนอนที่ลานจอดรถใต้ถุนของชาวบ้านที่อยู่ไกลออกไปหลังจากหาไปแล้วหลายชั่วโมง แล้วสาย ๆ ของวันรุ่งขึ้นพวกเราก็พบศพอาอี๊จนได้ น้ำตาพวกเราไหลไม่รู้ตัว ไม่มีเสียงสะอื้นใด ๆ มีแต่น้ำตาที่พรั่งพรู ทางวัดบอกว่าจะมีการเผาศพที่หาญาติเจอแล้ว เพื่อที่จะสะดวกในการเคลื่อนย้าย เพราะขืนรอไปศพก็ยิ่งเป็นภาระ แล้วเส้นทางขนส่งก็ยังไม่ดีพอ ผมกับญาติจึงตัดสินใจอนุญาตให้เผาก่อนได้ ไม่รอศพญาติคนอื่น ๆ

 

ผมเดินทางกลับมากรุงเทพฯ บอกข่าวนี้กับแม่ แม่ฟังแล้วก็เหมือนปลง นั่นเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว ยังเหลือญาติอีกที่เรายังไม่พบศพ แล้วแม่ผมก็พูดขึ้นว่าตอนพ่อผมตาย เคยเข้าร่างทรงเรียกพ่อมาคุยแล้วมันเคยได้ผล เรียกชื่อญาติถูกหมด ตอนนั้นผมยังเด็กเลยจำอะไรไม่ได้ ผมรู้แล้วว่า แม่อยากหาที่พึ่งที่เป็นอะไรก็ได้ ให้หาญาติเจอก็พอ ผมเลยตามใจ ไปหาแม่หมอกับแม่ ตามที่แม่ให้พิกัดบ้าน สมัยที่เคยมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน

 

โชคดีที่แม่หมอร่างทรงไม่ได้ย้ายบ้านไปไหน ยังมีอาชีพรับเข้าทรงอยู่ด้วย พอเริ่มพิธีเท่านั้นแหละ แม่หมอเล่นผมคนแรกด้วยการทักชื่อเล่น แล้วเรียกแม่ผม น้ำตาไหลพราก แม่ถามตายยังไง ร่างทรงตอบว่ายังไม่อยากตาย พร้อมเข้ามากอด แม่ถามว่าอยู่กันยังไงตอนนี้ ร่างทรงบอกว่า มีคนอยู่มาก มีชาวต่างชาติเยอะ เดินกันไปมาไม่รู้จักกัน บางคนไปรอรถที่ลานขาว ๆ ฝรั่งยืนเยอะ ยืนรอโบกรถ ตลอดเวลาที่เข้าทรง ร่างทรงจะร้องไห้และบ่นว่าร้อน ๆ ๆ

 

พอแม่ผมถามว่า ต้องการให้ส่งอะไรไปมั้ย ร่างทรงก็ขอ “เสื้อผ้าสองชุด” และก็ร้องไห้หนัก บอกว่าไม่อยากตาย ร่างทรงหันมาเรียกชื่อผมอีก ถามว่าสบายดีมั้ย ผมน่ะสบายดีมาตลอดจากบ้าน พอร่างทรงเรียกชื่อถูกก็เริ่มไม่สบายตัว ได้แต่พยักหน้า ไม่ตอบ ผมรู้สึกอยากลองของจึงถามไปว่าอี๊รู้มั้ยว่าเราไปหาอี๊ที่นั่นด้วย “รู้ ใส่เสื้อสีฟ้า อาหยก (ลูกสาวอี๊) ใส่เสื้อสีดำ” ซึ่งวันนั้นผมใส่เสื้อสีฟ้าแขนสั้น ใส่ยีนส์สีดำไป แม่ถามอีกครั้งว่า ตายยังไง ตื่นหรือยัง ร่างทรงเรียกชื่อตัวเองแล้วบอกว่า “ทำกับข้าวอยู่หันหลังให้ทะเล อาหยกไปตลาด ส่วนที่เหลือยังนอนไม่ตื่น แล้วคลื่นก็โถมซัดบ้านพักไปหมด ถัดจากนั้นก็ไม่รู้อะไรเลย” คนแก่ที่นั่งเฝ้าร่างทรงทำมือว่า วิญญาณจะออกแล้ว แม่สัญญาว่าจะส่งเสื้อผ้าสองชุดไปให้แล้วก็ร้องไห้กันหมด

 

ผมบอกทุกคนว่า คงจะต้องพอกันที ให้พวกเขาไปเกิดใหม่ตามวีถีเถอะ ผมเดินออกมาจากสถานที่นั้น ท่ามกลางคำถามว่า ร่างทรงทำไมเรียกชื่อผมถูก และทายสีเสื้อถูกอีก แน่นอน ผมไม่เชื่อทั้งหมด แต่จากที่เจอเองโดยตรง จะไม่เชื่อเลยก็ดูจะหลอกตัวเองไปหน่อย หลังจากนั้นญาติผมที่พังงาก็โทรมาแจ้งว่าเจอศพญาติที่เหลือครบแล้ว

 

จากนั้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากจัดการเรื่องงานศพญาติแล้ว ผมกับแม่ก็ไปทำบุญที่วัด มีโอกาสเจอหลวงตา ผมคิดว่าช่วงนั้นแม่ค่อนข้างทำใจได้แล้ว ผมเลยเล่าเรื่องคนทรงให้ท่านฟัง หลวงตาก็บอกว่า “ตอนที่โยมนั่งเฝ้าศพในลานวัด วิญญาณของน้ำก็ยืนรักษาร่างอยู่ตรงนั้น เห็นหมดทุกอย่าง แต่สื่อสารไม่ได้ อยู่กันคนละภพ” ผมฟังแล้วรู้สึกเลยว่า โลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกมาก แล้วเราควรเรียนรู้มันไปตลอดชั่วชีวิตของเรา เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายว่ามันจริงเท็จแค่ไหน เอาเป็นว่า คุณอ่านจบแล้ว เชื่อเรื่องแบบนี้มากขึ้นหรือเปล่า

 

THE END

 

By Admin Park


Admin :
view
:
11642

Post
:
2015-06-10 12:23:56


ร่วมแสดงความคิดเห็น