Panasonic Lumix GH-4 ใช้เซ็นเซอร์ภาพแบบ Live MOS Sensor ฟอร์แมท 4:3 ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล ตัวกล้องตอบสนองการทำงานที่รวดเร็วด้วยประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล Venus Engine ให้ไฟล์ภาพคุณภาพสูง มีระบบการจัดการ Noise ที่ยอดเยี่ยมและมีการไล่โทนภาพที่นุ่นนวลเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย

จุดที่โดดเด่นของ Panasonic Lumix GH-4 อยู่ที่บันทึกวีดีโอด้วยคุณภาพระดับ 4K: 4096 x 2160 พิกเซล เฟรมเรท 24 fps และ QFHD 4K: 3840 x 2160 ปรับเฟรมเรทได้ถึง 30 fps ด้วยฟอร์แมท MOV , MP4 และ AVCHD พร้อมบันทึกเสียงระบบ Stereo แบบ LPCM (Linear Pulse Code Modulation) นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกรูปแบบการบันทึกแบบมืออาชีพได้หลายรูปแบบ อาทิ Time Code เพื่อให้ง่ายสำหรับการตัดต่อวีดีโอจากหลาย ๆ ไฟล์ หรือเมื่อต้องบันทึกเสียงแยกต่างหาก , Color Bars & 1KHz Test Tone เพื่อกำหนดมาตรฐานของโทนสีแสง , ความสว่างและระดับเสียง , Synchro Scan ปรับควบคุมการแสดงผลเมื่อถ่ายภาพภายใต้แสงฟลูออเรสเซ็นต์ หรือ Master Pedestal ปรับความสว่างเพิ่มหรือลดได้ 15 ระดับ โดยยึดจากสีดำเป็นหลัก

Panasonic Lumix GH-4 สามารถบันทึกวีดีโอด้วยบิตเรทสูงพิเศษที่ 200 Mbps (ALL-Intra) หรือที่ 100 Mbps (IPB) โดยบันทึกได้สูงสุด 29.59 นาที และควรเลือกใช้เมมโมรี่การ์ดความเร็วสูงแบบ USH Speed Class 3 หรือ U3 ขึ้นไป และยังสามารถถ่ายภาพนิ่งไปได้พร้อมกันที่ความละเอียด 8.8 ล้านพิกเซล และระบบ Full Time AF และ Tracking AF จะโฟกัสติดตามซับเจคต์ตลอดเวลา ซึ่งช่วยให้ได้ภาพที่คมชัดตลอดการบันทึก ไม่ว่าจะวางองค์ประกอบใหม่ หรือจะเปลี่ยนมุมกล้องใหม่ก็ตาม

สำหรับระบบโฟกัสนั้น ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงระบบโฟกัสให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากรุ่นเดิม โดยเพิ่มจุดโฟกัสเป็น 49 จุด ครอบคลุมการวางองค์ประกอบบนเฟรมภาพได้ทั้งหมด และยังสามารถเลือกพื้นที่นอกกรอบโฟกัสได้จากฟังก์ชั่น Custom Multi Mode ได้อีกด้วย การเลือกจุดโฟกัสสามารถและลงไปที่ตำแหน่งใด ๆ บนจอมอนิเตอร์ได้เลย หรือจะเลือกด้วยปุ่มฟังก์ชั่น 3 (Fn3) ก็ได้

Panasonic Lumix GH-4 ใช้จอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 1,036,000 พิกเซล ควบคุมด้วยระบบสัมผัสที่ออกแบบใหม่ ช่วยลดการสะท้อนแสงได้ดีขึ้น และสิ้นเปลืองพลังงานน้อยกว่าแบบเดิม และสามารถปรับหมุนได้รอบ เพื่อให้ถ่ายภาพในมุมมองต่าง ๆ ทั้งมุมสูงเหนือหัว หรือมุมตำติดพื้นได้อย่างสะดวก ส่วนวิวไฟน์เดอร์ LVF (Live View Finder) นั้นมีความละเอียดสูงถึง 2,359,000 พิกเซล เลือกสลับการใช้งานระหว่างจอมอนิเตอร์กับวิวไฟน์เดอร์ และเมื่อละสายตาออกจากวิวไฟน์เดอร์ หรือเมื่อเลื่อนกล้องออกห่างจากใบหน้า กล้องจะตัดการแสดงผลมาที่จอมอนิเตอร์โดยอัตโนมัติ

และเช่นเดียวกับกล้องพานาโซนิครุ่นใหม่ ๆ ที่มีฟังก์ชั่น Wi-Fi ในตัว ให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ สมาร์ทโฟน หรือแทบเล็ต เพื่อส่งไฟล์ภาพ และอัพโหลดไปยังโซเซี่ยลเน็ตเวิร์คต่าง ๆ เพื่อแบ่งปันภาพถ่ายสุดสนประทับใจให้กับเพื่อน ๆ ได้เชยชม และสำหรับอุปกรณ์ที่รองรับระบบ NFC ก็สามารถเลือกแตะ เพื่อเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย

แอปพลิเคชั่นที่รองรับการเชื่อมต่อทั้งผ่าน Wi-Fi หรือ NFC คือ Panasonic Image App ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีจาก iTunes Store สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple และ Google Play สำหรับระบบปฏิบัติการณ์ Android โดยการทำงานแอปพลิเคชั่น Panasonic Image App นี้ไม่เพียงเฉพาะดาวน์โหลดไฟล์ภาพจากกล้องเท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมตัวกล้องในการถ่ายภาพ อาทิ การเลือกจุดโฟกัส การลั่นชัตเตอร์ถ่ายภาพ การปรับ ความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง หรือปรับชดเชยแสงได้อีกด้วย

Credit : fotoinfo , Panasonic , imaging-resource

By Admin Park