ข้ออ้างหรือข้อแก้ตัว คือ ความหวาดกลัวที่เชื่อว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะลงมือกระทำ ข้อแก้ตัวเป็นสิ่งที่ขัดขว้างเป็นกำบังให้ตัวเองไม่พร้อมที่จะก้าวหน้าไปยังอนาคต ลองมองย้อนกลับไป คนเรามักจะใช้เพียงไม่กี่ข้อแก้ตัว ในการปฏิเสธความหวาดกลัวที่ซ่อนเอาไว้ ซึ่งมันเป็น 3 ข้อแก้ตัวที่น่าอับอายที่ออกมาจากปากของคนเหล่านั้นๆซ้ำแล้วซ้ำอีก3 ข้อนั้นมีอะไรละ “ไม่มีเวลา“ , “ไม่มีเงิน” หรือ “กำลังยุ่ง”
1.ไม่มีเวลา
ไม่มีเวลา เป็นข้ออ้างที่ได้ยินบ่อยครั้งที่สุด คุณจะได้ยินเสียงตัวเองเกือบทุกครั้งเมื่อมีใครถามคุณ คุณจะตอบกลับทันทีว่า ไม่มีเวลา(แม้ในขณะนั้นคุณมีเวลาอยู่ก็ตาม)
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันต้องไปวันนี้”
“ฉันไม่มีเวลาสำหรับเตรียมของเลย”
มันเป็นเรื่องง่ายมากที่คุณจะเตรียมตัว เพียงไม่กี่ชั่วโมงในแต่ละวันแต่คุณเลือกที่จะผลัดวันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของการเตรียมตัว ถ้าคุณมองกลับกัน คุณควรเสียสละเวลาล่วงหน้าก่อนวันไปวันละนิดหน่อยเพื่อเตรียมตัวแค่นี้ ก็จะไม่เป็นปัญหาต่อเวลาของคุณเลย ซึ่งเหล่านี้เป็นสิ่งบ่งบอกได้ว่าคุณมีความรับผิดชอบหรือไม่เมื่อใดที่คุณไม่มีเวลา แล้วการงานของคุณจะก้าวหน้าได้อย่างไร และเมื่อใดที่คุณแก้ตัวว่าคุณ “ไม่มีเวลา“ แล้วคู่สนทนาของคุณอยากจะร่วมคุยหรือทำงานกับคุณอีกหรือไม่
2.ไม่มีเงิน
เงินในสมัยนี้ถือเป็นปัจจัยหลักๆ ที่คนนึกถึงเป็นสิ่งแรก ยิ่งถ้าคุณไม่รู้จักบริหารเงินของคุณในยุคที่ข้าวของแพงแล้วเมื่อนั้น ข้อแก้ตัว “ไม่มีเงิน”ที่น่าอับอายก็จะหลุดออกมาจากปากคุณทุกครั้ง
โดยคุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ในการดูแลตัวเอง มีสิ่งของมากมายที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวคุณเอง โดยที่คุณสามารถเสียเงินเพียงนิดเดียว เช่นหากคุณต้องการอ่านหนังสือ คุณพียงหาหนังสือที่มีราคาไม่แพงมาก,หนังสือมือสอง,ยืมจากห้องสมุดต่างๆ หรือเพื่อนๆของคุณ หากคุณต้องการผ่อนคลาย เล่นโยคะหรืออื่นๆ คุณสามารถเล่นได้ใน ท้องถิ่น,ชุมชน หรือการทดลองใช้ฟรี ส่วนลดสำหรับสมาชิกในบางช่วงของเดือน
ถ้าคุณปรับเปลี่ยนมาทันคติการใช้เงินของคุณแล้วข้อแก้ตัวที่น่าอับอายก็จะหมดไป
6 วิธีวางแผนใช้เงินอย่างฉลาด
1.การวางแผนการเงิน
การวางแผนการเงิน ค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับรายได้ของคุณในแต่ละเดือน
2.การจัดการค่าใช้จ่ายส่วนตัว
การทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยรวมรายได้ของคุณเอง แล้วลบด้วยค่าใช้จ่ายทุกวัน หากถ้าในเดือนนั้น ติดลบให้หันกลับมาดูค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นแล้วตัดออกไปทำเลื่อนๆทุกเดือนจนควบคุมค่าใช้จ่ายได้จนไม่ติดลบ
3.ออมเงิน
การเก็บออม โดยควรมีบัญชี หลายประเภท เช่น บัญชีรายจ่ายฉุกเฉิน บัญชีเงินออม และ บัญชีเพื่อการลงทุน
4.ตัดงบเรื่องกินค่าเดินทางไปบ้าง
ตระเวนกินอาหารหรู ๆ จัดบุฟเฟ่ต์ ควรลดจากอาทิตย์ละครั้งเหลือเดือนละครั้ง หรือ ค่าเดินทางจาก นั่งtaxi หันมาตื่นเช้านั่งรถประจำทาง จากรถ2คัน เหลือ1คัน นั่งไปลงที่ที่สะดวกแล้วต่อรถประจำทาง
5.ปาร์ตี้ได้ แต่เบา ๆ
เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะมีสังคม และสังสรรค์กับเพื่อนบ้างในแต่ละเดือน แต่ถ้าคุณลดความถี่ลงจากเดิม หรือเปลี่ยนแนวไปเที่ยวแบบที่ไม่ต้องใช้เงินมากนัก เช่น ปิกนิกในสวนสาธารณะ ดูฟรีคอนเสิร์ต หรือดูหนังในช่วงลดราคา ไม่ก็นัดปาร์ตี้กันที่บ้านเพื่อน แค่นี้ก็ประหยัดเงินในได้บ้างแล้ว
6.ประหยัดพลังงาน เท่ากับประหยัดเงิน
บิลค่าน้ำ และค่าไฟเป็นค่าใช้จ่ายสำคัญในบ้านที่มองข้ามไม่ได้ดังนั้นคุณควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้พลังงาน เช่นปิดทีวีเมื่อไม่ได้ดู ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ไม่ให้ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งที่ไม่ใช้งาน รวมทั้งไม่เปิดน้ำทิ้งไว้ หรือแม้แต่อาบน้ำเย็นแทนการอาบน้ำอุ่น
3.กำลังยุ่ง
หากคุณยังคงใช้ คำว่า “กำลังยุ่ง”เป็นข้อแก้ตัวของคุณ โดยไม่ดูแลตัวเองร่างกายที่ซึ่งชื่อว่าเป็นส่วนเชื่อมต่อกับจิตใจและจิตวิญญาณในตัวคุณแล้วคุณจะมีความสุขได้อย่างไร
“ฉันเหนื่อย” มักเป็นคำที่หลายคนใช้ในเวลาทำงานอย่างหนักหลายคนทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ โดยที่ไม่หยุดพักจนทำให้เกิดความเครียดร่างกายอ่อนแอ จนสุดท้ายเงินที่หามาได้ในการทำงาน7 วันต่อสัปดาห์ถูกใช้ไปกับค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล เมื่อใดที่คุณ “กำลังยุ่ง” นั้นไม่ได้แปลว่าคุณกำลังประสบความสำเร็จ แต่คุณกำลังตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่ากำลังย้ำแย่ต่างหาก คุณจะเป็นมนุษย์หรือเป็นหุ่นยนต์ มันอยู่ที่ความคิดของคุณที่เลือกกระทำ เพราะไม่เพียงแต่คุณจะมีสภาวะที่ย้ำแย่แล้ว คุณอาจจะพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณไปอีกด้วย ลองปรับเปลี่ยนความคิด ใช้เวลาในแต่ละวันให้คุ้มค่า ไปเที่ยวเล่น ทานข้าวกับครอบครัว บ้างเถอะ
ผลเสียของการทำงานหนัก
นักวิทยาศาสตร์ฟินแลนด์เพิ่งได้พบว่า การทำงานหนักทั้งอาทิตย์ ไม่มีวันหยุดวันพักผ่อนเลย อาจจะทำให้สติปัญญาเสื่อมถอยและเกิดสมองเสื่อมได้คณะนักวิจัยของกลุ่มชาติสแกนดิเนเวียศึกษาด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลของข้าราชการอังกฤษวัยกลาง คน จำนวน 2,214 คน พบว่า ผู้ที่ทำงานหนักถึงอาทิตย์ ละไม่ต่ำกว่า 55 ชม. จะมีความคล่องแคล่วของสติ ปัญญาน้อยกว่าผู้ที่ทำงานตามมาตรฐานการทำงานในสัปดาห์ วารสารวิชาการ "วารสารสาธารณสุขศาสตร์ อเมริกัน" เปิดเผยผลของการศึกษาว่าพบว่า ผู้ที่ทำงานหนักจะมีปัญหาในความจำระยะสั้นและการรำลึกถึงถ้อยคำต่าง ๆ ผู้ที่ทำงานหนักมากกว่าเพื่อน จะทำคะแนนในการทดสอบประเมินหาเหตุผลและคำศัพท์ 2 ใน 5 อย่างได้ต่ำกว่าเพื่อน ดร.มาเรียนนา เวอร์ตาเนน แห่งสถาบันการ ชีวอนามัยฟินแลนด์ หัวหน้าคณะนักวิจัย กล่าวให้ ความเห็นว่า ควรให้ความสำคัญในเรื่องการทำงานนาน หลายชั่วโมงกันอย่างจริงจัง แต่ก็ยังไม่อาจรู้ว่า เหตุใดการทำงานหนักถึงได้กระทบกระเทือนกับสมอง นักวิจัยเชื่อว่าสาเหตุสำคัญอาจจะเป็นเรื่องปัญหาในการนอนที่เพิ่มขึ้น ความรู้สึกซึมเศร้า การใช้ชีวิตทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม และความเสี่ยงกับโรคหลอดเลือดหัวใจสูงขึ้น
Cr.Vcharkarn,vanessapetronelli
By : Mamiai