“ผมนำหน้า ผมไม่เคยอยู่ข้างหลังลูกน้อง เวลามีอะไรผิดพลาดก็รับผิดแทนลูกน้อง ลูกน้องเขาก็ปลอดภัย มีกำลังใจว่า เออ... อยู่กับนายคนนี้ ปกป้องเราได้ ไม่ใช่เวลามีคดีสำคัญ มีอะไรก็วิ่งหนี แต่พอเอาความดีก็บอกกูทำเอง อย่างนี้ก็เจ๊งแล้ว”
มีครั้งไหนยากที่สุดหรือว่าเสี่ยงที่สุด ?
จริง ๆ งานในการต่อสู้ในการปราบปรามมันเสี่ยงทุกครั้ง เพราะเราพลาดเราก็ตายเหมือนกัน ดังนั้นใครบอกคดีนี้ไม่เสี่ยง ไม่จริงหรอก ต้องมาอยู่ในสถานการณ์นั้นจะรู้ว่าชนหัวลุกทุกที แต่บอกยากว่า เสี่ยงมากเสี่ยงน้อย เอาเป็นว่าถ้ามันมีเกิดเหตุปะทะมันก็ตายตั้งหลายคน สูญเสียตั้งหลายคน โจรก็สูญเสียหลายคน แต่เราดีอย่าง เพราะเรามีการเตรียมพร้อม เรามีการฝึก มีการวางแผนมากกว่า คนร้ายอาจจะวางแผนไม่รัดกุม แต่เราในการจะจับกุมเรามีการวางแผนมีอะไรมากกว่า เราจึงรัดกุมมากกว่า เราก็ได้เปรียบกว่า
ก่อนออกไปจับกุมคนร้ายแต่ละครั้งต้องวางแผนรัดกุมแค่ไหน ?
การวางแผนต้องมีอยู่แล้ว การจะจับกุมคนร้าย สำคัญต้องมีการวางแผนในการที่จะเข้าจับกุม แม้แต่คำจาหรือสถานการณ์ต่าง ๆ สมมุติเรารู้ว่าจะจับกุมตรงจุดนี้ เราก็ต้องสำรวจว่าพื้นที่ตรงนี้มันมีทางหนีทีไล่ยังไง ประชาชนจะเดือดร้อนหรือไม่ มีผลกระทบอะไรไหม จะจับช่วงเวลาไหนดี อาจจะจับตอนเช้ามืด หรือจับตอนช่วงเวลาที่คนน้อย ถ้าเกิดไปเฝ้าตรงนี้ คนร้ายมาอีกแบบ งงกันหมดไม่ใช่ สมมุติถ้าเกิดคนร้ายมาอย่างนี้ ทุกคนต้องรู้หน้าที่ เราก็ไปประเมินสถานการณ์ว่าคนร้ายจะทำแบบไหน
มีครั้งไหนที่เกือบเพลี่ยงพล้ำไหม ?
ก็หลายครั้งนะ อย่างเวลาไปจับบางทีเราขาดความระมัดระวัง แล้วปล่อยโอกาสให้คนร้ายตั้งตัวได้ อย่างเช่นผมไปจับคดีหนึ่ง เราจับกุมคนร้ายได้หร้อมปืนกระบอกหนึ่ง คนร้ายเป็นตำรวจ เขาขออนุญาตเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เราเห็นว่าเป็นตำรวจด้วยกันก็เลยอนุญาต ปรากฎว่าเขาขึ้นไปบนห้องปิดประตู คว้าปืนอีกกระบอกหนึ่งยิงตัวตาย ซึ่งวันนั้น ถ้าเกิดคนร้ายคนนี้เอาปืนนั้นยิงตำรวจคงตายกันหลายคน นี่คือความบกพร่อง ประมาท ดังนั้น ช่วงโอกาสอะไรต่าง ๆ มันอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราไม่ประมาท คนร้ายก็ฉวยโอกาสนั้นไม่ได้ เวลาทำงานปราบปรามผมจึงไม่ไว้ใจคนร้ายทั้งสิ้น จับกุมต้องใส่กุญแจมือ ไม่ใช่มาปล่อย เดี๋ยวถึงโอกาสมันอาจจะชักปืนตำรวจยิงเราก็ได้ มีโอกาสหนีก็ได้ หรือชักปืนตำรวจวิ่งหนีไปเอาพ่ค้าแม่ค้าเอาประชาชนเป็นตัวประกัน ดังนั้นไว้ใจคนร้ายไม่ได้
Credit : ZOGZAG
By Admin Park