สำหรับใครหลายคนที่ต้องประสบปัญหากับการนั่งห้องน้ำในช่วงเช้าเป็นระยะเวลานานๆ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องระบบขับถ่ายที่ผลิตผลภายในร่างกายดื้อดึงไม่อยากจะออกสู่โลกภายนอกเสียที วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ เพื่อให้การเข้าห้องน้ำของคุณ ไม่ต้องเผชิญกับสภาวะการรอคอยที่แสนเนิ่นนานอีกต่อไป มาฝากกัน ...
1. เปลี่ยนพฤติกรรมการ กิน!!
- ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว หลังตื่นนอน และค่อยๆจิบน้ำระหว่างวัน อีกวันละ 6-8 แก้ว
- งดดื่มชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะกระตุ้นการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ
- หมั่นกินอาหารที่มีปริมาณกากใยอาหารมากๆ เช่น ธัญพืชบางชนิด (ข้าวก้อง) หรือพวกพืชผักผลไม้ (กล้วยน้ำว้า, มะละกอ, ฟักทอง, ฝรั่ง, ลูกพรุน) เพื่อช่วยในการขับถ่าย
- ลดปริมาณอาหารจำพวกแป้งหรือเนื้อสัตว์ ซึ่งทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานยากยิ่งขึ้น
2. หลีกเลี่ยงการใช้ "ยา" ถ้าไม่จำเป็น
เนื่องจากยาบางตัวมีผลข้างเคียงเกี่ยวกับเรื่องระบบขับถ่าย ทำให้ระบบบย่อยอาหารทำงานช้าลง หรือแม้กระทั่งการกิน "ยาถ่าย" ที่สามารถเห็นผลได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่หากมี การใช้ยาอย่างต่อเนื่อง จะมีผลทำให้ร่างกายของคุณไม่สามารถขับถ่ายเองได้ เนื่องจากลำไส้ทำงานผิดปกติ
3. ปรึกษาแพทย์
เพราะอาการท้องผูก อาจมาจากความผิดปกติของทางเดินอาหารหรือทวารหนัก ตลอดจนป่วยเป็นโรคที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องผูก เช่น โรคเบาหวาน, ต่อมไธรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ, ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง, บาดเจ็บหรือเป็นโรคที่สมอง/ไขสันหลัง, มะเร็งอุดกั้นลำไส้, ลำไส้ตีบตัน เป็นต้น
4. พักผ่อนและออกกำลังกาย
เนื่องจากความเครียดหรือการพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุที่มีผลต่อฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกาย รวมถึงเรื่องระบบขับถ่าย ดังนั้นการพักผ่อนที่เพียงพอและการรู้จักออกกำลังกาย นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วยทำให้ลำไส้ทำงานได้ปกติดีมากยิ่งขึ้นด้วย
5. ปรับเปลี่ยนลีลาท่านั่งระหว่างขับถ่าย
เนื่องจากตามธรรมชาติของมนุษย์แล้ว โครงสร้างร่างกายถูกออกแบบให้เวลาขับถ่ายต้อง "นั่งย่องๆ แบบเข่างอ" แต่เพราะโลกพัฒนามากขึ้น การนั่ง "ชักโครก" จึงถูกเข้ามาแทนที่
ด้วยลักษณะการนั่งแบบ 90 องศา บนชักโครกไม่ใช่มุมที่เหมาะสำหรับการขับถ่าย เนื่องจากทำให้กล้ามเนื้อ Puborecalis ที่ทำหน้าที่ปิดกั้นอัจจาระไม่เกิดการผ่อนคลาย
ดังนั้นจึงควรปรับเปลี่ยนวิธีนั่งให้เข่าทำมุมงอ 35 องศา โดยการเสริมเก้าอี้เล็กๆ ใต้ฝ่าเท้า เพื่อให้ช่วงขายกขึ้นนั่นเอง วิธีนี้จะช่วยทำให้ กล้ามเนื้อ Puborecalis ผ่อนคลาย และทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
ที่สำคัญ!! หลังจากคุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่ายทั้ง 5 ข้อข้างต้นแล้วนั้น คุณควรฝึกขับถ่ายให้เป็นกิจวัตร โดยเฉพาะในช่วงเวลา 5.00 - 7.00 น. ของทุกวัน ถือเป็นนาทีทองสำหรับการขับถ่ายที่ง่ายที่สุดอย่างยิ่ง ซึ่งหากคุณพลาดช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว ร่างกายจะดูดซึมน้ำจากของเสียเหล่านั้นกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง
อย่าลืมรู้สึกผ่อนคลายกับทุกๆครั้งของการเข้าห้องน้ำของคุณ :)
สามารถชมคลิปรายการเพื่อเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับระบบขับถ่าย
จากคลิปนี้กันได้เลย...
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 101 เคล็ดลับ, คณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่ ม.เชียงใหม่ และ youtube.com
By Admin@no