นางสาวณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้ ยังคงติดตามเศรษฐกิจของสหรัฐฯและอังกฤษที่กำลังค่อยๆฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ประเทศกลุ่มยูโรโซนและยุโรปตะวันออกนั้นเกิดการชะลอตัว ทางด้านเศรษฐกิจของจีนก็ยังมีความเสี่ยงและอาจต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมทั้งญี่ปุ่นที่กำลังฟื้นตัวขึ้น แต่การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มทำให้การใช้จ่ายบริโภคอ่อนตัวลง และขัดขวางการเติบโตในระยะสั้น ทำให้ยังต้องใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและมีผลทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามการใช้นโยบายเพิ่มสภาพคล่องของธนาคารกลางยุโรป ญี่ปุ่นและจีน ทำให้สภาพคล่องของเศรษฐกิจโลกสูง ซึ่งมีผลช่วยหนุนราคาหุ้นแต่ด้านราคาทองคำไม่ได้รับประโยชน์จากสภาพคล่องที่มีล้นเกินในขณะนี้ ความไม่สมดุลในเรื่องการฟื้นตัวในแต่ละภูมิภาคได้ส่งผลให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้นมาก จึงเป็นปัจจัยที่กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ และน้ำมัน นอกจากนั้นประเด็นปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในหลายภูมิภาค เช่น ยูเครนกับรัสเซีย สหรัฐและกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรีย อิรัก และการประท้วงในฮ่องกง มีส่วนช่วยหนุนราคาทองคำอยู่บ้าง
ด้านแนวโน้มการลงทุน ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องในเดือนกันยายน หลังจากหลุดแนวรับบริเวณ 1,280 USDต่อออนซ์ เมื่อเหตุการณ์ในยูเครนเริ่มคลี่คลายและมีการเจรจาเพื่อหยุดยิง นอกจากนี้นักลงทุนมีความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนกำหนด ทำให้มีการขายทองคำก่อนการประชุม FOMC เมื่อวันที่ 16 – 17 กันยายนที่ผ่านมา และราคาทองคำได้ร่วงหลุดแนวรับบริเวณ 1,240/1,220 ลงมาทำ low ที่บริเวณ 1,208 ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาได้และเคลื่อนไหวบริเวณ 1,220 อีกครั้ง เมื่อสหรัฐและชาติพันธมิตรโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรีย แต่ราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือ 1,220 ได้ และปิดตลาดในไตรมาสที่ 3 ที่ระดับราคา 1,208 USDต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม ภาพแนวโน้มราคาทองคำในช่วงนี้คาดว่าจะแกว่ง side way down เมื่อนักลงทุนยังไม่เข้าซื้อทองคำ เพราะภาพทางเทคนิคยังเป็นขาลง และกองทุน SPDR ได้ขายทองคำออกอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวน 25.14 ตันในช่วงเดือนกันยายน ทำให้ความต้องการทองคำในตลาด Physical ลดลงในไตรมาสที่ 2/57 ทั้งจากจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และยุโรป สำหรับแนวโน้มในระยะกลาง-ยาว บริเวณใกล้ 1,200
USDต่อออนซ์ เป็นโซนแนวรับสำคัญซึ่งมีโอกาสที่ราคาทองคำจะแกว่งตัวสร้างฐานบริเวณนี้ก่อนที่จะดีดกลับ แต่ถ้าหลุดบริเวณนี้ราคาทองคำมีโอกาสลงต่อไปที่บริเวณ 1,050 USDต่อออนซ์
ด้านฝ่ายวิจัยคาดว่า แนวโน้มราคาทองคำในไตรมาสที่ 4 ราคาทองคำจะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ 1,180 ซึ่งเป็น low เดิมที่เคยลงไปในเดือนธันวาคม 2013 หากสามารถดีดกลับได้ จะแกว่ง side way ในกรอบระหว่าง 1,200 – 1,350 แต่ถ้าแนวรับ 1,180 ไม่สามารถรับอยู่ คาดว่าราคาจะปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าเดิมบริเวณ 1,100 – 1,080 USDต่อออนซ์ จากนั้นจะแกว่ง side way ในกรอบระหว่าง 1,080 – 1,250
ในส่วนปี 2015 คาดการณ์ว่าราคาทองคำ จะแกว่ง side way ในกรอบกว้างระหว่าง 1,180 – 1,380 USDต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงิน USD และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทำให้ เฟดหรือธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในหลายภูมิภาค อัตราเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้น รวมถึงการซื้อคืนทองคำเมื่อนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อทิศทางราคาทองคำว่าได้สิ้นสุดขาลงแล้ว และจะแกว่งตัว side way ในกรอบ ซึ่งอาจจะยังไม่เป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่การปรับตัวลดลงจะมีกรอบที่จำกัด เนื่องจากระดับราคาใกล้ 1,100 – 1,200 USDต่อออนซ์ เป็นราคาที่เป็นแนวรับในระยะยาวของราคาทองคำ นักลงทุนระยะยาวจะกลับมาซื้อทองคำ ทำให้ราคามีโอกาสดีดกลับได้สูง จากนั้นราคาจะแกว่ง side way ในกรอบระหว่าง 1,180 – 1,380 USDต่อออนซ์
ล่าสุด กลุ่มบริษัท คลาสสิก โกลด์ เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจในเรื่องการลงทุนทองคำ ร่วมเข้าฟังสัมมนาฟรี!!ในหัวข้อ “มองทะลุวิกฤตทองคำปี 57 แนะกลยุทธ์เด็ดปี 58” ร่วมวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญพร้อมเรียนรู้กลยุทธ์การลงทุนในทองคำได้ในวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2557 ณ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ชั้น 12 อาคารจัตุรัสจามจุรี ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนสำรองที่นั่งได้ที่ http://classicgold.co.th/th/seminar/ หรือโทร 0-2618-0808
- ถุงซองนิโคติน (Nicotine Pouches) คืออะไร!?
- Snus (สนูส) คืออะไร!?
- โน๊ตบุ๊คและโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแตกต่างกันอย่างไร เลือกใช้ยังไงให้เหมาะสม
- depa x TGA ดีป้า (depa) จับมือ ทีจีเอ (TGA ) บูรณาการความร่วมมือ ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเกม (Digital Content)
- กิจกรรมการอบรมการถ่ายภาพเบื้องต้น WORLD YOUTH PHOTOGRAPHER WORKSHOP