8 เทคนิควิธีสลายความเครียด ที่คุณควรรู้ไว้ และ
3 ข้อดีของความเครียด ที่ไม่น่าเชื่อว่ามี ??
กรุณาอย่าปล่อยให้ความเครียดเป็นบ่อนทำลายชีวิตและสุขภาพของคุณ เรามาทำการปราบความเครียดด้วย 8 วิธี สุดแสนง่าย และคุณสามารถทำได้เอง ??
มาดูวิธีการกำราบฮอร์โมนความเครียดตัวร้ายที่ทำลายสุขภาพของคุณ เพื่อให้ชีวิตของคุณกลับมาสดใสยิ่งกว่าเดิม ซึ่งตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดที่สุดของ "ความเครียด" นั้น ก็คงจะเป็นคนในแวดวงบันเทิงนั่นเอง เพราะถึงแม้ว่าชีวิตความเป็นอยู่จะเริ่ดหรูอลังการ สะดวกสบาย รายได้มหาศาล ก็จริง แต่ความมีชื่อเสียงก็เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เหล่าดาราดัง-นักร้องสุดฮอต นั้นมีความเครียดมากกว่าพวกเรา ๆ เสียอีก อย่างเช่น “บริตนีย์ สเปียร์ส” ราชินีนักร้อง คนหนึ่ง ที่ต้องเผชิญกับปัญหาส่วนตัวเสียจนเคยสติแตกไปพักใหญ่ ๆ และตอนนี้ก็ยังดูเหมือนเธออาจจะสติแตกได้ทุกเมื่อ จนศาลต้องสั่งให้พ่อของเธอเป็นผู้ดูแลเธอตามกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีนักร้องสาวใหญ่ "ลูกเป็ดขี้เหร่" ซูซาน บอยล์ ที่โด่งดังทะลุฟ้าในเวลาอันรวดเร็ว และชื่อเสียงที่ถาโถมเข้ามาหา ก็ทำให้มีข่าวว่าซูซานเครียดจนต้องเข้าโรงพยาบาล หรือ “ลินเซย์ โลฮาน” ดารา เซเลป ชื่อดัง ที่โด่งดังตั้งแต่เด็กๆจนขาดชีวิตวัยรุ่นวัยเด็ก จนติดปาร์ตี้และสติแตกอยู่บ่อยครั้ง และขึ้นโรงขึ้นศาลมาอย่างต่อเนื่องจนวันนี้ เป็นต้น
อีกทั้งปัจจุบันในโลกแห่งการแก่งแย่งแข่งขันนั้น ก็ทำให้อัตราความเครียดของคนไทยพุ่งสูงมากขึ้น ซึ่งเมื่อนับรวมกับเรื่องส่วนตัวทั้งหลายแหล่แล้ว คงสามารถกล่าวได้ว่า ความเครียดเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญของคนไทยที่ต้องให้ความใส่ใจกันเป็นอย่างมากกันเลยทีเดียว
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณเครียด !!
ความเครียดจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า "คอร์ดิซอล" ออกมา ความจริงแล้วฮอร์โมนตัวนี้ก็มีข้อดีอยู่บ้าง นั่นคือมันเป็นกลไกหนึ่งในการเอาตัวรอดของคนเรา ในภาวะที่ร่างกายต้องเผชิญกับภาวะวิกฤต มันจะทำหน้าที่ในการปรับระดับความดันโลหิตและระบบภูมิคุ้มกัน ดึงเอาพลังงานสำรองในร่างกายออกมาใช้ และช่วยร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ แต่ปัญหาก็คือ ความเครียดอาจทำให้กลไกการเอาตัวรอดนี้อยู่ในระดับสูงไปเรื่อย ๆ และระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับ กดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน น้ำตาลในเลือดผิดปกติ และแม้แต่สะสมน้ำหนักที่รอบเอว
แต่ยังโชคดีที่ว่า ร่างกายของเราได้พัฒนากลไกในการต่อสู้กับปฏิกิริยาต่อสู้ของร่างกายขึ้นมา นั่นก็คือการสร้างความผ่อนคลาย และต่อไปนี้ คือวิธีสุดแสนง่าย อันน่าแปลกประหลาดใจ 8 ข้อ จากงานวิจัย ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองในการจัดการกับความเครียด และในบางกรณีก็สามารถที่จะลดระดับของคอร์ดิซอลลงได้ถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
8 เทคนิค วิธีสลายฮอร์โมนความเครียด ^_^
1. ทำสมาธิ : ลด คอร์ติซอล 20%
ก่อนหน้านี้ในบ้านเราเคยมีการศึกษาโดยใช้เวลา 6 สัปดาห์ พบว่าผู้ที่ฝึกสมาธิตามวิถีพุทธ จะสามารถลดทั้งความดันโลหิตและระดับคอร์ติซอลได้ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาจาก Maharishi University ในสหรัฐฯ ที่ผู้เข้าร่วมการศึกษาที่นั่งสมาธิทุกวันเป็นเวลา 4 เดือน จะมีคอร์ติซอลลดลงโดยเฉลี่ย 20% แต่คนที่ไม่ได้นั่งสมาธิเลย จะมีระดับคอร์ติซอลและความดันโลหิตสูงขึ้นเล็กน้อย
2. ฟังเพลง : หยุดไม่ให้ คอร์ติซอลเพิ่ม 66%
เสียงเพลงสามารถทำให้หัวใจ และสมองของเราผ่อนคลายได้จริง ๆ สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว เมื่อแพทย์จาก Osaka Medical Center ทดลองเปิดเพลงให้คนใช้ฟังในขณะที่กำลังส่องกล้องตรวจลำไส้ แล้ววัดระดับคอร์ติซอลเปรียบเทียบกับคนไข้ที่ส่องกล้องเช่นเดียวกัน แต่อยู่ภายในห้องเงียบ ๆ ผลก็คือคนไข้ที่ฟังเพลง มีระดับคอร์ติซอลพุ่งขึ้นน้อยกว่าคนไข้ในกลุ่มหลัง แต่นี่เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น คุณอาจนำวิธีนี้มาประยุกต์ใช้ในเวลาอื่น ๆ ที่เครียดพอกัน เช่น เมื่อพาแฟนมากินข้าวกับคุณพ่อคุณแม่เป็นครั้งแรก หรืออาจจะเปิดเพลงกล่อมเบา ๆ ก่อนนอนแทนการดูโทรทัศน์ ก็จะช่วยให้หลับฝันหวานได้เช่นกัน
3. นอนแต่หัวค่ำ : ลด คอร์ติซอล 50%
ทราบไหมว่า ความแตกต่างระหว่างการนอนหลับ 6 ชั่วโมง และ 8 ชั่วโมง นั้นคืออะไร ? คำตอบก็คือความต่างเพียง 2 ชั่วโมง จะทำให้กระแสเลือดของเราเต็มไปด้วยคอร์ติซอลมากกว่าถึง 50% ซึ่งการศึกษาจาก Germany’s Institute for Aerospace Medicine เปิดเผยว่า เมื่อนักบินนอนหลับ 6 ชั่วโมง (หรือน้อยกว่า) ติดต่อกัน 7 คืน นักบินกลุ่มนี้จะมีระดับคอร์ติซอลพุ่งสูงขึ้นมาก และจะเป็นเช่นนั้นถึง 2 วัน การนอนหลับพักผ่อนวันละ 8 ชั่วโมง จะทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองจากความเครียด แต่ถ้าคุณนอนไม่พอวันต่อมาลองหาเวลางีบในช่วงกลางวัน จะช่วยลดคอร์ติซอลที่สะสมจากการอดนอนได้
4. จิบชาดำ : ลด คอร์ติซอล 47%
ชาดำเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้คุณเบิกบาน และมีความเกี่ยวข้องลึกซึ้งกับความผ่อนคลาย สบายใจ ซึ่งสามารถยืนยันได้ทางวิทยาศาสตร์ เมื่ออาสาสมัครจาก University College London ต้องทำกิจกรรมที่เพิ่มความเครียดภายในหนึ่งชั่วโมงที่ทำงานเสร็จ คนที่ดื่มชาดำจะมีระดับคอร์ติซอลลดลงถึง 47% ส่วนคนที่ดื่มชาหลอกจะลดลงเพียง 27% เท่านั้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคิดว่า สาเหตุที่ชาเป็นเครื่องดื่มเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ น่าจะเป็นเพราะสารเคมีตามธรรมอย่างโพลีเฟอนอลและฟลาวานอยด์
5. แฮงเอาต์กับเพื่อนสาวสุดฮา : ลด คอร์ติซอล 39%
เพื่อนสาวที่ช่วยให้เราหัวเราะได้ อาจช่วยได้มากกว่าหันเหความสนใจของเราออกจากปัญหาทั้งปวง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโลมาลินดาบอกว่า เพียงแค่ได้หัวเราะก็ทำให้ระดับคอร์ติซอลลดลงเกือบครึ่งแล้ว หรืออาจดูหนังตลก ก็ทำให้คุณคลายเครียดได้เช่นกัน
6. นวดเฟ้นคลายเครียด : ลด คอร์ติซอล 31%
นาน ๆ ครั้ง ลองให้ของขวัญตนเองเป็นการนวดบ้างก็ดี เพราะการนวดสามารถขับไล่ความเครียดได้ โดยการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยไมอามีชี้ว่า การนวดบำบัดเพียงไม่กี่สัปดาห์ สามารถลดระดับคอร์ติซอลโดยเฉลี่ยได้ถึง 1 ใน 3 การนวดยังช่วยกระตุ้นสารโตพามีนและเซโรโทนิน ซึ่งสารทั้งสองชิดคือฮอร์โมนแห่งความสุขที่หลั่งออกมา เมื่อเราอยู่กับเพื่อนฝูงหรือได้ทำเรื่องสนุกๆร่วมกัน
7. หันหน้าเข้าหาศาสนา : ลด คอร์ติซอล 25%
กิจกรรมทางศาสนานั้น ทำให้คนมีพลังที่จะสู้กับความกดดันในชีวิตประจำวัน และยังสามารถลดการผลิตคอร์ติซอลได้อีกด้วย นอกจากนี้ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปียังชี้ว่า คนที่เข้าวัดบ่อย ๆ มักจะมีระดับความเครียดต่ำกว่าคนที่ไม่เข้าวัดเลย แต่ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับกิจกรรมด้านศาสนา ก็ลองฟื้นฟูจิตวิญญาณด้วยการไปเป็นอาสาสมัครดูก็ได้
8. เคี้ยวหมากฝรั่ง : ลด คอร์ติซอล 12-16%
ครั้งต่อไปหากรู้สึกเครียดจัด ลองหยิบหมากฝรั่งมาเคี้ยวเพื่อระบายความเครียดดูนะครับ สำหรับคนที่มีความเครียดระดับปานกลาง การเคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยให้ระดับคอร์ติซอลในน้ำลายลดลงถึง 12% และยังกระปรี้กระเปร่ามากกว่าคนที่ไม่เคี้ยวหมากฝรั่งเลย นี่อาจเป็นเพราะการเคี้ยวหมากฝรั่ง จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และการทำงานของระบบประสาทในสมองบางส่วนก็เป็นได้
แต่ก็ใช่ว่า คอร์ติซอล นั้นจะมีแต่สิ่งที่ไม่ดีเสมอไป ในบางสถานการณ์ "คอร์ติซอล" อาจจะสามารถ ทำให้ความเครียดนั้นเกิด .. !!
ข้อดี 3 ข้อ จากงานวิจัย ที่ไม่น่าเชื่อว่ามีด้วยหรือ ??
3 ข้อดีของ ความเครียด *_*
1. เพิ่มความต้องการทางเพศ
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคลิฟอร์เนียที่เมืองเบิร์กลีย์ ทดลองให้หญิงสาวสูดกลิ่นเหงื่อของผู้ชายจากในขวด ผลก็คืออารมณ์ดีขึ้น ฟีโรโมนสูงขึ้น พร้อมกับระดับคอร์ติซอลและความต้องการทางเพศขึ้น
2. ลดอาการปวด
นักวิจัยคาดว่า คอร์ติซอลอาจจะกระตุ้นระบบผลิตฮอร์โมนบางอย่างให้ทำงานมากขึ้น จึงทดลองให้สารคอร์ติซอลเป็นพิเศษ สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง หรือมีอาการปวดกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อพังผืด ปรากฏว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ถึงร้อยละ 75 เลยทีเดียว
3. ทำให้ความจำดี
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ในเมืองเมดิสันพบว่า เมื่อกลุ่มตัวอย่างชาย 90 คน คน มีคอร์ติซอลในระดับปานกลางแล้ว จะทำข้อสอบวัดความจำได้ดีขึ้น แต่ถ้ามีมากเกินไปผลก็จะตรงกันข้าม นั่นคือความจำจะแย่ลงนั่นเอง
โดยความเครียดนั้นถือเป็นสิ่งที่บั่นทอนทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต อย่างยิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าการเป็นโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง หรือ โรคหัวใจ ดังนั้นเราควรรักษาสุขภาพของจิตใจให้ดีโดยไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเครียดหรือความทุกข์นานจนเกินไป เพราะการมีจิตใจที่แจ่มใสนั้นจะส่งผลดีต่อสุขภาพกายของเราเองโดยตรง ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆทุกคนเลิกเครียดและมีแต่ความสุขกันถ้วนหน้านะครับ ^ ^
ทีมงาน tartoh.com เรียบเรียงนำเสนอ
ขอขอบคุณข้อมูลโดย kapook.com และภาพประกอบเพิ่มเติมจาก beautiful4you.com ,
miraclebeautystemcell.blogspot.com , dailynews.co.th , flickr.com
momypedia.com , board.palungjit.org , sanook.com และ blog.th.88db.com