ตุ่นปากเป็ด (Platypus) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่แปลกและประหลาดที่สุดในโลก !!!
2014-09-17 13:25:00

ตุ่นปากเป็ด (Platypus) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่แปลกและประหลาดที่สุดในโลก !!!

 

 

"Mammal" สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มนุษย์เองก็เป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่อาจจะมีบางท่านแย้งว่าปัจจุบัน มนุษย์ได้มีการวิวัฒนาการ ก้าวข้ามไปสู่การเป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน...!! บ้างแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ยังไม่แปลกเท่าไรนัก และถ้าหากจะมีการตั้งคำถามว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดไหน ที่ออกลูกเป็นไข่ , เป็นสัตว์ที่มีพิษ , อีกทั้งสามารถอาศัยได้ทั้งบนบก และในน้ำ ติกต๊อกๆ ติกต๊อกๆ เฉลยเลยแล้วกัน ก็ ตุ่นปากเป็ด ไงครับ ..?? หากไม่เชื่อ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูข้อมูลของ "ตุ่นปากเป็ด" กันตามนี้ได้เลยครับ ^ ^

 

 

"ตุ่นปากเป็ด" (อังกฤษPlatypus) เป็น สัตว์ประจำท้องถิ่นของ ออสเตรเลีย แม้ว่าตุ่นปากเป็ดจะมีเพียงสปีชีส์เดียว แต่มีชื่อเรียกมากมายหลายชื่อ เช่น watermole, duckbill, duckmole, duck-billed platypus และมีชื่อที่ชาวอะบอริจินตั้งให้อีกหลายชื่อ ได้แก่ mallangong, boondaburra และ tambreet พบตุ่นปากเป็ดเฉพาะในแถบตะวันออกของออสเตรเลียเท่านั้น ตุ่นปากเป็ดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับโมโนทรีมาตา (Monotremata) เช่นเดียวกับอีคิดนา

 

 

รายละเอียดเกี่ยวกับ "ตุ่นปากเป็ด"


  • ตุ่นปากเป็ด ( Platypus ) เป็นสัตว์ประจำถิ่นของออสเตรเลีย
  •  
  • ตุ่นปากเป็ด ยังถูกเรียกอีกมากมายหลายชื่อ เช่น ตุ่นน้ำ(watermole) ปากเป็ด(duckbill) ตุ่นเป็ด(duckmole) และduck-billed platypus
  •  
  • ตุ่นปากเป็ด มีลักษณะรูปร่างที่แปลกประหลาด คือ มีรูปร่างคล้ายตัวนาก(แต่แบนกว่า) มีปากคล้ายเป็ด(แต่ยืดหยุ่นคล้ายยาง) มีหางแบนคล้ายตัว บีเวอร์(แต่ใช้เพื่อควบคุมทิศทางในการว่ายเท่านั้น ส่วนบีเวอร์ใช้โบกไปมาเพื่อเคลื่อนที่)
  •  
  • ตุ่นปากเป็ด มีมือ และเท้าเป็นพังพืด ที่จะกางออกเมื่ออยู่ในน้ำเพื่อใช้ว่ายน้ำ แต่จะหุบเก็บเวลาเดินอยู่บนบก
  •  
  • บริเวณเท้าหลังของ ตุ่นปากเป็ด จะมีเดือย ที่ มีรูตรงกลางเชื่อมไปยังต่อมพิษ แต่พิษนั้นไม่ร้ายแรงพอจะทำให้มนุษย์เสียชีวิต
  •  
  • ตุ่นปากเป็ด มีท่าเดินบนบกที่แปลกประหลาด ต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป คือ เดินขากางออกนอกลำตัว คล้ายสัตว์เลื้อยคลาน(ลองนึกถึงจระเข้เดิน) ซึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะเดินขาขนาดลำตัว(ลองนึกท่าเดินของ น้องหมา)
  •  
  • ตุ่นปากเป็ด เป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงไม่กี่ชนิดที่ออกลูกเป็น ไข่
  •  
  • ตุ่นปากเป็ด ยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีจำนวนโคโมโซมเพศ มากที่สุด ถึง 10 แท่ง โดยมนุษย์มีเพียง 2 แท่ง ( XY เป็นเพศชาย , XX เป็นเพศหญิง)
  •  
  • ตุ่นปากเป็ด มีวิธีหาอาหารที่แปลกคือ ใช้ปากคุ้ยพื้นดิน แล้วใช้ประสาทสัมผัสในการตรวจหาคลื่นไฟฟ้า จากเหยื่อที่ปล่อยออกมา
  •  

ความไม่เหมือนใครของ "ตุ่นปากเป็ด" คือรวมความเหมือนของสัตว์ชนิดอื่นไว้ในตัวเอง

 
ตุ่นปากเป็ด เหมือนพวกนก คือ ออกลูกเป็นไข่ 
ตุ่นปากเป็ด เหมือนพวกสัตว์เลื้อยคลาน คือมีพิษ
ตุ่นปากเป็ด เหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม คือ ที่อยู่อาศัย และการเลี้ยงลูกอ่อนด้วยนมแม่
 
 
 

ดูหน้ากันให้เห็นจะๆ "ตุ่นปากเป็ด" สิ่งมีชีวิตที่มี วิวัฒนาการอันแตกต่าง และแปลกประหลาดไม่เหมือนใครในโลกนี้ !
 
 

ตุ่นปากเป็ดเพศผู้ ที่ข้อเท้าหลังจะมีเดือยยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ยื่นออกมา เดือยของตุ่นปากเป็ดมีรูกลวงต่อไปยังต่อมพิษที่ต้นขา บริเวณใกล้ท่อสืบพันธุ์และขับถ่ายเวลาถูกคุกคามจากสัตว์อื่น ตุ่นปากเป็ดมักจะหลบหนีมากกว่าต่อสู้ นอกจากจวนตัวหนีไม่พ้นจริงๆ ในการต่อสู้ตุ่นปากเป็ดตัวผู้จะใช้เดือยพิษแทงและปล่อยพิษใส่ศัตรู สำหรับคน พิษตุ่นปากเป็ดไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ทำให้แผลบวม และเจ็บปวดสาหัสอยู่เป็นเวลานาน ว่ากันว่าอาจจะนานเป็นเดือนๆเลยทีเดียว แต่สำหรับสุนัข แมว และสัตว์ขนาดเล็กอื่นๆ พิษนี้ทำให้ถึงตายได้
 
---------------------------------------------------------------------------------------
 
ลักษณะทางชีววิทยา
 
 
 
ลำตัว
 
ตุ่นปากเป็ดมีลำตัวแบน หัวเรียวท้ายเรียว ในตัวเต็มวัย ตัวผู้มีความยาวเฉลี่ย 50 เซนติเมตร หนัก 1.7 กิโลกรัม ตัวเมียมีความยาวเฉลี่ย 44 เซนติเมตร หนัก 0.9 กิโลกรัม นอกจากบริเวณปากและเท้าแล้วตุ่นปากเป็ดมีขนปกคลุมตลอดตัว ตุ่นปากเป็ดมีขนสองชั้น ขนชั้นนอกยาว (hair) หยาบ สีน้ำตาลเข้ม ชั้นล่างเป็นขนอ่อน (fur) เส้นละเอียด หนาแน่น มีตั้งแต่สีเทาจนถึงสีน้ำตาลเข้ม ขนชั้นล่างกันน้ำได้ ช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ยามตุ่นปากเป็ดดำลงไปในน้ำที่เย็นจัดจนเกือบจับตัวเป็นน้ำแข็ง
 
หาง
 
หางตุ่นปากเป็ดแบนกว้าง เช่นเดียวกับลำตัว สร้างมาจากไขมัน เพราะตุ่นปากเป็ดสะสมไขมันไว้ที่หางเพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้ในฤดูหนาว ในขณะที่บีเวอร์ใช้หางขับเคลื่อนยามว่ายน้ำ ตุ่นปากเป็ดเพียงแต่ใช้หางในการบังคับทิศทางเท่านั้น ตุ่นปากเป็ดจะม้วนหางจับใบไม้เอาไว้ขณะขนใบไม้ไปสร้างรัง ประโยชน์ของหางอีกอย่างคือใช้ห่มร่างกายตอนกกลูก นักวิทยาศาสตร์สามารถวัดระดับสุขภาพของตุ่นปากเป็ดได้จากการบีบหาง
 
ปาก - จมูก
 
ปากของตุ่นปากเป็ด มีรูปร่างคล้ายปากเป็ด ยืดหยุ่นคล้ายยาง ปากบนเป็นสีน้ำเงินเทา มีรูจมูกอยู่ถัดมาจากปลายปากบนเล็กน้อย การที่รูจมูกอยู่ตำแหน่งนี้ช่วยให้ตุ่นปากเป็ดหายใจได้ดีขณะลำตัวอยู่ใต้น้ำ ปากล่างมีขนาดเล็กกว่าปากบน ใต้ปากล่างเป็นสีชมพูอ่อน หรือเป็นจุดๆหลากสี ด้านหลังของปากส่วนที่ต่อกับหัวมีกะบังยกขึ้นเล็กน้อยเหนือหน้าผาก
 
ตา - หู
 
ตาของตุ่นปากเป็ดอยู่หลังจงอยปาก หูอยู่ด้านข้างหัว เป็นเพียงช่องเปิด ไม่มีใบหู ขณะดำน้ำตุ่นปากเป็ดจะปิดหู ปิดตา จึงจำเป็นต้องใช้อวัยวะอื่นในการนำทางตอนอยู่ใต้น้ำ แต่เวลาอยู่บนบก ตาและหูของตุ่นปากเป็ดใช้งานได้ตามปกติ ตุ่นปากเป็ดหูไวตาไวมาก และมองเห็นได้ไกล แต่เพราะตำแหน่งของตาอยู่หลังกะบังปากจึงมองสิ่งที่อยู่ "ใต้จมูก" ไม่ถนัด
 
ขา - เท้า
 
ตุ่นปากเป็ดมีขาสั้น อุ้งเล็บแข็งแรง ใช้ขุดดินได้ดี เท้าคู่หน้าเป็นพังผืดติดกันทุกนิ้ว ตุ่นปากเป็ดใช้เฉพาะขาหน้าในการดึงตัวไปขณะว่ายน้ำ ขาหลังซึ่งมีพังผืดเพียงบางส่วนทำหน้าที่ร่วมกับหาง เป็นเพียงหางเสือบังคับทิศทางเท่านั้น คงเพราะเท้าพังผืดนี่เองที่ตุ่นปากเป็ดมีชื่อสามัญว่า platypus (เท้าแบน)  เมื่อลงน้ำ พังผืดระหว่างอุ้งเท้าจะแผ่ออก เปลี่ยนเท้าเป็นพายที่มีประสิทธิภาพ แต่เมื่อตุ่นปากเป็ดอยู่บนบกมันจะพับพังผืดเก็บไว้ จะได้ใช้กรงเล็บขุดอุโมงค์ยาวๆได้ โดยพังผืดไม่เสียหาย ที่ข้อเท้าหลังของตัวผู้มีเดือยยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ยื่นออกมา เดือยของตุ่นปากเป็ดมีรูกลวงต่อไปยังต่อมพิษที่ต้นขา บริเวณใกล้ท่อสืบพันธุ์และขับถ่าย (ท่อเดียวกัน : ดูคำอธิบายเพิ่มเติมในโมโนทรีมาตาเวลาเดิน เท้าของตุ่นปากเป็ดกางยื่นออกมานอกลำตัว คล้ายกับสัตว์เลื้อยคลาน แต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ แม้แต่อีคิดนา สัตว์ร่วมอันดับโมโนทรีมาตา (Monotremata) กับตุ่นปากเป็ด เวลาเดินเท้าจะอยู่ใต้ลำตัว
 
 

การหาอาหาร

ตุ่นปากเป็ด เป็นสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืน แม้ตุ่นปากเป็ดจะเกิดและอาศัยอยู่บนบก แต่หากินและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในน้ำตามแหล่งน้ำจืดทั่วไป เช่น ลำธาร แม่น้ำ ทะเลสาบ ด้วยลำตัวที่เพรียว มีขาสั้น อุ้งเล็บแข็งแรง ใช้ขุดดินได้ดี เท้าคู่หน้าเป็นพังผืดติดกันทุกนิ้ว ตุ่นปากเป็ดใช้เฉพาะขาหน้าในการดึงตัวไปขณะว่ายน้ำ ขาหลังซึ่งมีพังผืดเพียงบางส่วนทำหน้าที่ร่วมกับหาง เป็นเพียงหางเสือบังคับทิศทางเท่านั้นเมื่อลงน้ำ พังผืดระหว่างอุ้งเท้าจะแผ่ออก เปลี่ยนเท้าเป็นพายที่มีประสิทธิภาพ แต่เมื่อตุ่นปากเป็ดอยู่บนบกมันจะพับพังผืดเก็บไว้ จะได้ใช้กรงเล็บขุดอุโมงค์ยาวๆได้ โดยพังผืดไม่เสียหาย ด้วยลักษณะดังกล่าวทำให้ตุ่นปากเป็ดว่ายน้ำและดำน้ำได้ดีมาก ขณะดำน้ำหาอาหารมันจะส่ายปากไปมา เนื่องจากบริเวณปากมีหน่วยรับความรู้สึกเชิงประจุไฟฟ้าในการตรวจจับเหยื่อ

การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย

ตุ่นปากเป็ด ต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดปี ทั้งบนบกและในน้ำ และเนื่องจากตุ่นปากเป็ดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จึงเป็นสัตว์เลือดอุ่น สัตว์เลือดอุ่นมีระดับอุณหภูมิของร่างกายคงที่ ไม่เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมเหมือนสัตว์เลือดเย็น ในฤดูหนาว แม้ในวันที่หนาวเย็นมาก ตุ่นปากเป็ดก็ยังออกว่ายน้ำหาอาหาร ความจริงข้อนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ตัดข้อสงสัยที่ว่ามันอาจจะเป็นจำพวกสัตว์เลื้อยคลานออกไปได้ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า เวลาอากาศหนาวเย็นสัตว์เลื้อยคลานจะลดอัตราเมแทบอลิซึมลง ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายของมันลดลง และทำให้มีอาการเซื่องซึม หากตุ่นปากเป็ดลดอัตราเมแทบอลิซึมลงด้วย มันก็คงไม่สามารถออกไปหาอาหารที่ก้นแม่น้ำได้

ในทางตรงกันข้าม อากาศยิ่งหนาว ตุ่นปากเป็ดก็ยิ่งต้องเพิ่มอัตราเมแทบอลิซึม เพื่อรักษาสมดุลระหว่างอุณหภูมิปกติของร่างกายและอุณหภูมิภายนอกเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เมแทบอลิซึมหรือการเผาผลาญอาหารนี้ต้องอาศัยพลังงาน ซึ่งปกติได้มาจากอาหาร แต่ในฤดูหนาวอาหารมักจะขาดแคลน ตุ่นปากเป็ดจึงต้องดึงไขมันที่สะสมไว้ในหางมาใช้ ตุ่นปากเป็ดใช้ระบบหมุนเวียนโลหิตมาช่วยลำเลียงความร้อน ความร้อนที่ได้จากการเผาผลาญอาหาร จะลำเลียงผ่านเส้นเลือดไปสู่อวัยวะสำคัญ และลดการหมุนเวียนไปยังส่วนที่ไม่จำเป็น เช่น ขาหลัง หาง และปาก นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ช่วยเก็บกักความร้อนไว้ได้มากก็คือขนหนานุ่มของมันนั่นเอง นอกจากกันน้ำแล้ว ยังเป็นฉนวนกันไม่ให้ความร้อนระบายออกจากร่างกายได้อีกด้วย นับว่าตุ่นปากเป็ดมีผ้าห่มกันหนาวที่ดีเยี่ยม

 

เป็นอย่างไรครับน่าทึ่งไหมครับ กับความรู้เกี่ยวกับสัตว์โลกแสนประหลาดชนิดนี้ ^ ^

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก th.wikipedia.org , wowboom.blogspot.com ภาพประกอบเพิ่มเติมโดย zoo.org.au , cesaraustralia.com และ phenomenalanimal.blogspot.com : ตาโตดอทคอม เรียบเรียงนำเสนอ
 

Admin : Tartoh
view
:
7753

Post
:
2014-09-17 13:25:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น