ตำนาน แดร๊กคูล่า ที่เชื่อไหมว่าคุณอาจเพิ่งรู้ครั้งแรก !!!
ตำนานของแดร็กคูล่านั้นมีมากมายหลากหลายตำนานกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันนั่นคือจุดกำเนิดจะมาจาก วลาด เทเปสแห่งอาณาจักรวัลลาเชีย ปัจจุบันคือ โรมาเนีย นั่นเอง
จุดเริ่มต้นนั้นกำเนิดจากการที่ได้มี เจ้าชายผู้กล้าท่านหนึ่ง ซึ่งมีพระนามว่า เจ้าชายวลาด เทเปส (Vlad Tepes) ได้ทำการปฏิบัติการรุกรบต่อต้านการโจมตีของพวกเติร์กอย่างแข็งขัน จนเป็นที่เลื่องลือในความเก่งกล้า บ้าบิ่น และเหี้ยมโหดต่อศัตรูผู้รุกราน อันกลายมาเป็นเจ้าของตำนานแห่งความโหดเหี้ยมดังกล่าว จนในท้ายที่สุดพระองค์ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรวัลลาเชีย พร้อมๆกับตำนานเล่าขานที่ถูกส่งต่อไปทั่วทุกแดนดิน
ภาพเขียนสมัยเก่าของ Vlad III of Wallachia ( Vlad Tepes - The Impaler or Dracula)
ชาวบ้านมักเรียก เจ้าชายวลาดว่า "วลาด แดรคูล" (แปลว่า วลาด เจ้ามังกรหรือบุตรแห่งมังกร) เพราะพ่อของวลาด ได้รับการแต่งตั้งจากพระจักรพรรดิซิกิสมุนด์ แห่งนูเรมเบิร์ก ให้เป็น "อัศวินมังกร" (Knight of Dragon's Order) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตกทอดถึงทายาทด้วย เมื่อวลาดขึ้นครองวัลลาเชีย และยังเป็นเจ้าชายนักรบผู้กล้า ผู้คนจึงเรียกเขาอย่างภูมิใจว่า "วแลด แดรโค" (Vlad Draco) คำว่า "แดรโค" เป็นภาษาละตินแปลว่า "Dragon" หรือมังกรนั่นเอง ภายหลังจึงเพี้ยนเสียงเป็น "วแลด แดรคูล" (Vlad Dracul)
ภาพวาดที่จินตนาการถึงความโหดเหี้ยมของ วลาด
ด้วยการที่เป็นนักรบที่โหดเหี้ยม วลาด มักจับเชลยศึกมาทรมานโดยการเสียบกับเสาไม้ทั้งเป็น แล้วเฝ้ามองไปด้วยทานอากหารจนกว่าเชลยจะตาย บางตำนานเล่าขานกันว่า วลาด นั้นชอบดื่มเลือดจึงให้ทหารคนสนิทนำถังไปรองเลือดที่ไหลลงมาตัวเชลย แล้วนำมาให้ วลาด ดื่ม ถึงขนาดที่เก็บใส่ถังไว้ดื่มแทนไวน์กันเลยทีเดียว
ภาพวาดจินตนาการ วลาด ไม่ได้รู้สึกแย่กับการสังหารหมู่เชลยศึก แต่กลับกันดูจะภาคภูมิ ซะด้วยซ้ำ
ภาพเขียนแสดงถึง วลาด มีจิตใจชื่นชอบการชมเชลยตายอย่างช้าๆ
ท้ายที่สุดมนุษย์มิอาจรอดพ้นจากความตายได้ วลาด ถูกสังหารในที่สุด แต่เรื่องตำนานของวลาดนั้นจบลง แต่ตำนานใหม่ตอน แดร็กคูล่า กำลังเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เพราะว่า วลาดเป็นกษัตริย์ที่เคร่งเรื่องศาสนามากคนหนึ่ง อีกทั้งยังคาบเกี่ยวด้านการเลือกนิกายระหว่างโปร์แตสแตนท์ กับแคทอริก แต่ด้วยการกระทำกับเชลยศึกอย่างโหดเหี้ยมนั้น จึงทำให้วาระสุดท้ายของวลาด ถูกบาตรหลวงขับออกจากศาสนาคริสต์ อย่างเด็ดขาด ไม่มีนิกายใดยอมรับ วลาด เข้าสู่พระศริสต์ศาสนา ส่งให้วลาด เหมือนเป็นผู้ถูกสาปให้มิอาจลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ ตายก็ไม่ได้ เกิดใหม่ก็ไม่ได้ กล่าวกันว่าหลัง วลาดตายนั้น ได้นำพระศพบรรจุลงใส่โลงหินแกะสลักสวยงาม แต่เมื่อเปิดโลงหินกลับไม่มีพระศพของวลาด แต่พบเพียงเศษกระดูกสัตว์อยู่ในโลง นี่จึงเป็นตำนานที่กล่าวขานกันมา
ภาพวาดตามจินตนาการ หลังจาก วลาด ถูกสาป
ภาพจินตนาการ วลาด เมื่อกลายสภาพเป็นผีดิบเต็มตัว
ต่อมา เกิดมีนักเขียนนิยายชื่อดังชาวไอริช นามว่า บราม สโตเกอร์ นำเอาเค้าเรื่องในประวัติศาสตร์ ที่ว่าเคยมีเจ้าชายนักรบชื่อ วแลด เทเปส มาพักที่ปราสาทนี้ แล้วไปผูกเรื่องกับ"ท่านเคาท์แดร๊กคูล่า" ที่กลางวันนอนโลงศพ กลางคืนลุกขึ้นมาดูดเลือดเหยื่อที่มักเป็นสาวสวย ครั้นเมื่อนิยายถูกนำไปสร้างเป็นหนังผีสยองขวัญ ที่มีคริสเตอร์เฟอร์ ลี สวมบทเป็นเคาท์แดร๊กคิวล่า ก็สามารถทำเงินถล่มทลายเพราะคนดูแน่นตรึม โลกก็เลยรู้จักปราสาทบราน ในฐานะ"ปราสาทแดร๊กคิวล่า" แล้วก็พาลเข้าใจเอาว่า นี่เป็นปราสาทผีดิบจริงๆ ทั้งๆที่มันเป็นเพียงตำนานจากนวนิยาย
ภาพแดร๊กคูล่า ที่ทำเป็นภาพยนต์ จากนิยายของบราม สโตเกอร์
ปัจจุบันมีข่าวว่า ทายาทผู้ครองปราสาท ประกาศจะขายปราสาทบราน (ปราสาทของ วลาด) ให้แก่รัฐบาลโรมาเนีย เป็นเงินถึง 60 ล้านยูโร หรือประมาณ 2,800 กว่าล้านบาท เลยทีเดียว ว้าว !!!
ใครสนใจในตำนานของผีดูดเลือด ก็ลองแบ่งปันข้อมูลให้เพื่อนๆได้ทราบกันบ้างนะครับ เพราะมีหลายตำนานเหลือเกิน โดยทีมงาน เวปไซต์ตาโตดอทคอม ได้นำตำนานที่มีกล่าวถึงและความเป็นไปได้ทางศาสนา เรียบเรียงเป็นตำนานของผีดูดเลือด ฉบับ ตาโตดอทคอม มาให้เพื่อนๆทุกท่านแล้ว ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะครับ เพื่อนๆท่านใดมีเกล็ดความรู้เกี่ยวกับตำนาน ผีดูดเลือด ก็สามารถแนะนำกันเข้ามาได้เลยนะครับ ^ ^