ตำนานพระราหู
2014-09-10 15:00:00
ตำนานพระราหู
พระอิศวรสร้างพระราหู
ในตำนานแรกนั้นจะแสดงถึงตำนานทางคติพราหมณ์ ในตำราไสยศาสตร์ หรือศิวะศาสตร์ของพราหมณ์นั้นแสดงไว้ถึงการกำเนิดเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 พระองค์ไว้ดังนี้ เทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 นั้นพระองค์ล้วนบังเกิดขึ้นจากเทวะบัญชาของพระอิศวร เมื่อบังเกิดนั้น พระอิศวรทางเป็นผู้สร้างด้วยพระองค์เองทุกพระองค์ ดังนั้นเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 จึงล้วนมีฤทธิ์มีศักดานุภาพมากนัก
ในเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 นี้มีองค์หนึ่งทรงเป็นเทพอสูร ที่มีฤทธิ์เดชร้ายกาจมากนัก อานุภาพเป็นที่ยำเกรงของทวยเทพเทวาทั้งหลายด้วย ไม่อาจต้านทานพลานุภาพของพระองค์ได้ นั้นคือ “พระราหูจอมอสุรินทร์” ซึ่งพระอิศวรเจ้าได้นำหัวผีโขมด จำนวน 12 หัวมาป่นให้เป็นเถ้าธุลี จากนั้นห่อด้วยผ้าสีดำ เสกเป่าแล้วพรมลงด้วยน้ำอมฤต บัดดลบังเกิดขึ้นเป็นอสูรเทพนามว่า “พระราหู”บ้างก็เรียกว่า “อัมพรปีศาจ ภารณีภู กรหะ” พวกราหูมีร่างกายใหญ่โตเหลือประมาณ ครึ่งบนเป็นเทพอสูร ครึ่งล่างเป็นงู ทรงเดชานุภาพครอบงำได้ทั้งสามโลก เป็นที่เกรงกลัวต่อพระสุริยเทพ พระจันทราเทพ นับเป็นเทพนพเคราะห์อันดับที่8 มีกำลังนพเคราะห์เป็น 12 เป็นเทพแห่งวันพุธกลางคืน
กล่าวว่า อิทธิฤทธิ์ของอสูรเทพราหูนั้นพิสดารอย่างยิ่ง เมื่อแรกกำเนิดนั้นมีร่างกายครึ่งบนเป็นยักษ์ ครึ่งล่างเป็นพญานาค มีร่างกายสีทองอมดำสัมฤทธิ์ พาหนะที่ใช้นั้นกล่าวว่าทรงครุฑเป็นพาหนะ บ้างว่าทรงเมฆหมอก แสดงเห็นว่าพระราหูนั้นเป็นควบคุมธาตุน้ำ และธาตุลม บ้างก็ว่าพระราหูทรงพาหนะเป็นยักษ์ก็มีเหมือนกัน พระราหูจึงเป็นหนึ่งเทพยดาที่มีฤทธิ์มากนิสัยนักเลงไม่กลัวใคร ทางโหราศาสตร์ถือว่ามีพระเสาร์เป็นเพื่อนสนิท เมื่อพระราหูกำเนิดมาแล้วยังมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นอีกมากมาย
เล่าในกาลต่อมา พระราหูได้แอบขโมยน้ำอมกฤตเพื่อดื่มกินให้ตนเองเป็นอมตะ มีอำนาจเหนือเทพยดาทั้งหลาย แต่พระอาทิตย์และพรจันทร์ซึ่งคอยระวังเรื่องนี้อยู่แล้วแอบรู้เห็นการกระทำของพระราหูเข้าจึงทูลต่อพระนารายณ์ เมื่อพระนารายณ์ทรงทราบว่าพระราหูอาจเป็นภัยต่อทั้งสามโลก จึงทรงกริ้วนัก ขว้างจักรเข้าตัดกลางกายของพระราหู แต่ดีที่ว่าพระราหูนั้นได้ดื่มกินน้ำอมกฤตเข้าไปแล้วจึงหาสิ้นใจลงไม่ แม้มีครึ่งกายก็มีอำนาจท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นท่อนล่างมีลักษณะเป็นงูนั้น ได้กลายเป็นเทพยดาขึ้นใหม่อีกพระองค์หนึ่งนามว่าพระเกตุ ทรงฤทธิ์เดชไม่แพ้กัน ถือว่าพระเกตุนี้เป็นเทพคุ้มครองดวงชะตาใครมีพระเดชกุมลักษณ์คนนั้นมักปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งหลายทั้งปวง
ส่วนพระราหูนั้นคิดแค้นใจในพระอาทิตย์และพระจันทร์มาเสมอที่แอบนำเรื่องที่ตนดื่มกินน้ำอมฤตไปทูลฟ้อง จนเป็นเหตุให้ตนเองต้องโดนจักรพระนารายณ์ตัดร่างขาดเป็นสองท่อนเช่นนี้ เมื่อได้โอกาสเหมาะเมื่อใดพระราหูจึงเข้าจับพระอาทิตย์พระจันทร์มากลืนกินทุกครั้ง แต่เมื่อได้ยินเสียงตีเกราะเคาะไม้ก็คายพระอาทิตย์พระจันทร์ออกมา การกลืนพระอาทิตย์พระราหูก็เรียกว่าสุริยคราส การกลืนพระจันทร์ก็เรียกว่า จันทรคราส คือปรากฏการณ์อันน่าตื่นเต้นทางดาราศาสตร์ทุกวันนี้
พระราหูในพระพุทธศาสนา บุพกรรมของพระราหู
ในวรรณคดีทางพระพุทธศาสนาได้เล่าเรื่องพระราหู พระอาทิตย์และพระจันทร์ เกี่ยวกับบุพพกรรมที่ทั้งสามได้เคยสร้างร่วมกันมา จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวแห่งพระราหู พระอาทิตย์และพระจันทร์มาจนทุกวันนี้ เล่าครั้งหนึ่งว่าทั้งสามคือ พระอาทิตย์ พระจันทร์และพระราหูเกิดเป็นพี่น้องกันมีพระอาทิตย์เป็นพี่คนโต พระจันทร์เป็นคนรองพระราหูเป็นน้องเล็ก พระอาทิตย์และพระจันทร์นั้นนิสัยดีชอบทำบุญใส่บาตร เลือกเอาของดีถวายพระภิกษุสงฆ์เสมอๆ แต่พระราหูนั้นนิสัยออกเกเร เป็นนักเลง เจ้าโทสะ ไม่ค่อยประดิษฐ์ประดอยเหมือนพี่ๆเขา ครั้งหนึ่งพระอาทิตย์ชวนน้องทั้งสองใส่บาตร พระอาทิตย์เลือกใช้ขันทอง พระจันทร์เลือกใช้ขันเงิน แต่พระราหูนั้นเลือกเอากะลาเป็นขันใส่ข้าว รวมทั้งทัพพีตักข้าวด้วย
ด้วยกรรมดังนี้พระอาทิตย์ตั้งจิตอธิษฐานให้ตนเองเกิดเป็นสุริยเทพผู้มีรัศมีสองแสงเป็นสีทองส่องสว่างแก่มนุษย์ยามกลางวัน พระจันทร์ตั้งจิตขอไปเกิดเป็นจันทราเทพผู้มีรัศมีเย็นตา ให้ความสว่างแก่มนุษย์ยามกลางคืน ส่วนพระราหูนั้นต้องการมีเดชอำนาจเหนือพี่ทั้งสองด้วยอำนาจจิตดังกล่าวเมื่อสิ้นใจไปแล้วทำให้เกิดเป็นเทพอสูรนามว่า พระราหู มีร่างกายดำทะมึนมีอำนาจสามารถดับความสว่างของพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้ เมื่อใดที่พระราหูเจอพระอาทิตย์พระจันทร์เป็นต้องเข้าไปอมบ้าง ไปหนีบไว้ที่รักแร้บ้าง ซ่อนไว้ใต้คางบ้างเป็นเช่นนี้เสมอไป และลักษณะการบดบังพระอาทิตย์และพระจันทร์ดังกล่าวนี้ ครูบาอาจารย์ชั้นต่อๆมาจึงนำมาวาดเป็นยันต์พระราหู หรือมาแกะลายพระราหูบังพระอาทิตย์ แต่ส่วนมากมักเลือกเอากิริยาที่พระราหูอมพระอาทิตย์พระจันทร์มากที่สุด
พระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทร์ราหู
มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น พระราหูได้เคยเข้าจับพระอาทิตย์ บังเกิดเป็นสุริยคราส ครั้งนั้นเทพยดาทั้งหลายทูลขอให้พระพุทธองค์เข้าช่วยด้วยเป็นที่พึ่ง พระพุทธองค์ทรงกล่าวพระพุทธคาถาแก่พระราหู เมื่อพระราหูได้ฟังแล้วบังเกิดขนพองสยองเกล้ารีบคายพระอาทิตย์ออก เพราะศีรษะของตนดั่งว่าจะระเบิดออกมาเป็นเจ็ดเสี่ยง รีบกลับเข้าเมืองอสูรทันใด ไปเล่าให้เพื่อนอสูรของตนฟังว่า พระพุทธเจ้านี้มีฤทธิ์มากนักไม่อาจต้านทานฤทธานุภาพพระพุทธองค์ได้ นี้คือการที่พระพุทธเจ้าทำการทรมานพระราหู
ในพระไตรปิฏกเล่าอีกว่า พระราหูนั้นเคยคิดเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่ดำริในใจว่าตนเองนั้นร่างกายใหญ่โต ไฉนเลยจะเข้าไปกราบพระพุทธองค์ได้ พระพุทธองค์สามารถรู้ถึงความคิดของพระราหูทุกประการ ได้เนรมิตร่างกายตนให้ใหญ่กว่าพระราหูหลายร้อยหลายพันเท่า อยู่ในกิริยานอนประทับปางไสยยาสน์ เมื่อราหูมาถึงที่ประทับยังนึกในใจอยู่ว่าพระองค์คงร่างเล็กนิดเดียว ก้มลงมองหาเท่าไหรก็ไม่พบ จนท้อใจคิดจะกลับอยู่แล้วจึงได้ยินเสียงพระพุทธเจ้าตรัสทัก เมื่อมองขึ้นไปจึงพบว่าร่างกายของพระพุทธเจ้าใหญ่โตยิ่งกว่าตนมากมายนัก ทั้งประทับนอนสีหไสยยาสน์ พระราหูจึงเกิดความเกรงในพระพุทธบารมี และเชื่อมั่นในพระพุทธคุณของพระพุทธองค์ ขอเอาพระไตรสรณคมณ์เป็นที่พึ่งและถือว่าพระรูปปางสีหไสยยาสน์นั้นเป็นปางปราบอสุรินทร์ราหู ผู้ที่มีราหูเข้าแทรกในดวง ได้บูชาพระพุทธรูปปางนึ้จะดีกับตนเองยิ่งนัก
ในครั้งนั้นพระพุทธองค์ยังได้กล่าวถึงบุพกรรมแต่หนหลังของพระราหูว่า เคยตั้งปณิธานไว้ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งการบำเพ็ญบารมีของพระราหูทุกภพชาติที่ผ่านมานั้นก็เพื่อพระโพธิญาณนี้และจะสำเร็จแน่นอนในอนาคตกาล พระราหูจะสำเร็จเป็นพระโพธิญาณ หรือ บรรลุเป็นอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณนี้ เป็นสิ่วที่ทำให้พระราหูปลาบปลื้ม พระราหูมีความเลื่อมใสในพระพุทธองค์ยื่งๆขึ้น และตั้งใจบำเพ็ญเพียรทางพระโพธิญาณให้มากยิ่งๆขึ้น ทั้งพระไตรปิฎกล่าวว่า พระราหูจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านาม่า พระนารทพุทธเจ้า นับเป็นองค์ที่ห้าถัดจากพระศรีอารยเมตไตรพุทธเจ้า จากคติดังกล่าวนี้จึงถือว่าพระราหูนั้นมีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์ และเป็นหน่อเนื้อพระพุทธางกูรแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่น่าเคารพกราบไหว้ของชาวพุทธเรา การกราบไหว้พระโพธิสัตว์นันเป็นคตินิยมอยู่แล้วของมหายาน แต่ฝ่ายหินยานหรือในบ้านเรานั่นรู้จัดเรื่องพระโพธิสัตว์น้อย พระโพธิสัตว์นั้นบางครั้งมีรูปกายสวยงาม บางครั้งในรูปกายน่ากลัว และสามารถบังเกิดในภพภูมิใดก็ได้ อย่างพระราหูเป็นพระโพธิสัตว์ที่รูปกายน่ากลัว และเป็นพระโพธิสัตว์ที่เกิดขึ้นในแดนอสูร ทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา ให้พรคนดี ย่ำยีคนชั่ว บำเพ็ญบารมีสร้างภพชาติเพื่อสืบพระพุทธวงศ์มิให้สิ้นสูญ โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นมหาบารมีมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่ สมควรที่จะได้รับการกราบไหว้บูชาเช่นเทพยเจ้าองค์อื่นๆ
นอกจานนี้หลายท่านคงไม่เคยทราบว่าคำกล่าวขึ้นต้นก่อนสวดมนต์บทใดๆ ก็ตาม คือ นะโมตัสสะ นั้นเป็นคำกล่าวนอบน้อมพระพุทธเจ้าที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น จนกลายเป็นประโยค “นะโม ตัสสะ” ที่เราสวดกัน ในบทดังกล่าวพระราหูเป็นบุคคลสำคัญที่ร่วมรจนาบทคาถา “นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหัตโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” โดย คำว่า
“นะโม” ผู้กล่าวคือ พญายักษ์สันตาคีรี
“ตัสสะ” ผู้กล่าวคือ องค์สุรินราหู
“ภะคะวะโต” ผู้กล่าวคือ ท้าวมหาราชทั้งสี่ ได้แก่ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักษ์ และท้าวเวสสุวัณ
“อะระหัตโต” ผู้กล่าวคือ พระอินทร์ เป็นคำนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
“สัมมาสัมพุทธะสะ” ผู้กล่าวคือ ท้าวมหาพรหมสหัมปติ
ทั้งหมดนี้ทวยเทพทั้งหลายทั้งหลายทั้งยักษ์ และเทวดาต่างกล่าวนอบน้อมพระพุทธองค์ในวันแรกที่ตรัสรู้ได้อนุตรธรรมคือพระนิพพนานธรรม ดังจะเห็นได้ว่าในบรรดาผู้กล่าวคำกล่าวนอบน้อมนั้นมีอสุรินทร์ราหูร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีพญายักษ์ ที่ชื่อสาตาคิรีอีกหนึ่ง และท้าวเวสสุวัณผู้เป็นจอมยักษ์อีกหนึ่ง ซึ่งท่านเหล่านี้ล้วทรงบุญญาธิการทั้งสิ้น ครูบาอาจารย์ ของผู้เขียนกล่าวผู้ที่ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยดีแล้ว และเคารพในคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีเทพเทวดาทั้งหลายเป็นอาทิหากทำการท่องคำว่า “นะโมตัสสะ” ด้วยความเคารพศรัทธาก็สวามารถกันภูตผีปีศาจได้ เพราะเป็นคำกล่าวของพระราหู มีบารมีธรรมแห่งพระรากูอยู่ ภูติผีปีศาจทั้งหลายย่อมเกรงกลัวพระราหูฉันใดผู้ทีมีความเคารพพระราหูย่อมได้บารมีข้อนี้ตามไปด้วย นอกจากนี้นะโมที่เราสวดนั้นยังมีเทพเทวาอีกหลายพระองค์จึงเป็นคำกล่าวที่ศักดิ์สิทธิ์มาก การท่องทุกครั้งหากได้ระลึกถึงเทพเทวาทั้งหลายนี้แล้วย่อมเป็นสิริมงคลสูงสุด
ไตรภูมิพระร่วง นับเป็นคัมภีร์เก่าแก่ของไทยเรามีเรื่องราวทั้งทางพระพุทธศาสนาและทางพราหมณ์ เข้าไว้ด้วยกัน ผู้แต่งคือพญาลิไทกษัตรย์สมัยกรุงสุโขทัย ในคัมภีร์เล่มนี้บรรยายถึงเมืองอสูรและลักษณะของพระราหูไว้โดยละเอียดดังนี้
ที่อยู่ของพระราหูคือดินแดนที่เรียกว่า อุตรกุรุทวีป เป็นดินแดน ลี้ลับที่มนุษย์มาสามารถเห็นไม่สามารถเข้าไปได้ แต่จะรู้เห็นและเข้าไปได้ก็แฉพาะผู้สำเร็จณานสมาบัติเท่านั้น ในดินแดนนี้มีพญาอสูรผุ้เป็นใหญ่ ๒ ตน ตนหนึ่งคือพระราหู อีกตนหนึ่งคือ ท้าวพรหมทัต พระราหูนั้นมีร่างกายและกำลังมากกว่าบรรดาอสูรและพญาอสูรทั้งหลาย ยามเมื่อพระราหูเห็นพระอาทิตย์ก็ดี พระจันทร์ก็ดีสุกสว่างครั้งใดก็มักมีใจโกรธแค้นต้องขึ้นไปบนภูเขาชื่อยุคันธรจากนั้นก็อ้าปากอมพระอาทิตย์พระจันทร์ไว้เสีย บางครั้งก็เอาคางปิดไว้ บางครั้งก็หนีบไว้ไต้รักแร้ดังนี้เป็นต้น
พระโพธิสัตว์ราหูเทพอสุรินทร์
ในบรรดาเทพนพเคราะห์ทั้ง 9 องค์นั้นมีเพียงพระราหูพระองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นพระโพธิสัตว์และได้รับรับการพยากรณ์แล้ว แม้พระอาทิตย์และพระจันทร์ผู้มีบุญญาธิการอันสูงส่ง ก็มิได้เป็นพระบรมโพธิสัตว์ เช่น พระราหูและยังไม่ปรากฏเป็นคำพุทธพยากรณ์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นจะมีเพียงอสูรเทพพระราหูเท่านั้นที่มีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์และได้รับพุทธพยากรณ์จากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน พระบารมีแห่งเทพอสุรินทร์ราหูจึงมีอยู่มากมายมหาศาลบุคคลผู้ที่จะได้รับพุทธพยากรณ์เช่นพระราหูนั้น ถือว่าได้บำเพ็ญบารมีเข้าสู่เส้นชัยแล้ว หมายความว่า บารมีที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลเบื้องหน้านั้นสำเร็จอย่างแน่นอน แสดงว่าบุญบารมีของพระราหูสามารถโปรดผู้ตกทุกข์ได้ยากให้ได้ดีมีสุข พ้นทุกข์พ้นภัย ด้วยอาศัยบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ญาณที่พระราหูได้บำเพ็ญเพียรมานับชาติไม่ถ้วน
การนับถือจึงมิได้หมายความว่าเรากำลังบูชาภูตผีปีศาจแต่อย่างใด แต่เรากำลังบูชาพระโพธิสัตว์ในรูปกายแห่งเทพอสูร อันเป็นคติสอนให้พิจารณาว่า อย่ามองที่รูปกายภายนอก แม้ว่ารูปกายแห่งพระราหูจะดูดุดันน่ากลัว แต่คุณธรรมภายในนั้นกลับตรงข้าม พระราหูเป็นเทพอสูรที่บำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุพระโพธิญาณมานับชาติไม่ถ้วน ภายในจิตใจนั้นมีแต่ความปรารถนาดีต่อมวลมนุษย์ สิ่งเลวร้ายในชีวิตมนุษย์นั้นไซร์ย่อมเกิดจากผลกรรมเก่าและใหม่ที่ตนก่อไว้ เมื่อถึงเวลา กรรมนั้นย่อมเป็นไปตามกลไกของมัน พระราหูเทพอสุรินทร์เป็นเทพยเจ้าผู้เป็นพยานแห่งการกระทำกรรมของมนุษย์ หาได้ให้ร้ายต่อใครไม่
วิธีอธิษฐานถึงอสูรเทพราหู
เรื่องอิทธิฤทธิ์ของพระราหูนี้มีมากนัก แม้ว่าต่อมาจะเหลือร่างกายเพียงครึ่งเดียวแต่ก็ทรงตบะเดชะไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน ยังสามารถเข้าบดบังพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้ อำนาจในการบดบังพระอาทิตย์นี้ ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวสรรเสริญไว้ว่า แม้ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงก็ยังมีพระราหูมาบดบังให้เยือกเย็น ท่านจึงว่าพระราหูนั้นมีคุณในการดับร้อนให้เป็นเย็น หรือมีอำนาจในการบังตาเป็นที่น่าอัศจรรย์
ในการอธิษฐานขอบารมีพระราหูที่ถูกต้องนั้นให้อธิษฐานอ้างเอาคุณพระศรีรัตนตรัยขึ้นก่อน จากนั้นอธิษฐานถึงพระราหูว่า ขออำนาจบารมีพระอสุรเทพบรมโพธิสัตว์เสด็จพ่อพระราหู จงมาโปรดแก่ลูกด้วยแล้วทำการอธิษฐาน ทั้งนี้เพราะพระราหูนั้นมีเพศเป็นยักษ์และอยู่ในระดับอสูรเทพ และยังมีบารมีธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่าจะต้องสำเร็จมรรคผลโพธิญาณอย่างแน่แท้ พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์เช่นนี้จากพระพุทธเจ้าถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้ บำเพ็ญบารมีถึงเส้นชัยแล้วจึงได้รับการขนานพระนามเป็นเกียรติว่า พระบรมโพธิสัตว์ การอธิษฐานอ้างถึงคุณงามความดีของพระราหูดังกล่าวมาสี้ถือว่าเป็นอาราธนาคุณของพระราหูทั้งด้านบุญฤทธิ์ และอิทธฤทธิ์ พร้อมกันในตัว เป็นสิริมงคลแก่ผู้ระลึกถึงยิ่งนัก
เครื่องรางพระราหู
คติธรรมต่างๆเกี่ยวกับพระราหูนั้นเห็นได้ว่าพระราหูเป็นผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ พลังอำนาจแห่งพระราหูเป็นพลังงานอันเร้นลับ แม้รูปเคารพแห่งพระองค์ปรากฏอยู่ ณ สถานที่ใด สถานที่นั้นย่อมปลอดภัยจากภูตผีปีศาจ ด้วยเดชบารมีอันน่าเกรงขามแห่งพระราหู
อิทธิคุณของพระราหูนั้นเรียกว่าครอบจักรวาล ดังนี้
1.เด่นเรื่องมหาอุตม์คงกระพัน ผู้ครอบครองย่อมไม่มีวันตายโหง
2.คุ้มครองให้พ้นจากอัคคีภัย โจรภัย ฟ้าฝ่า
3.คุ้มครองให้พ้นภัยจากอำนาจภูตผีปีศาจมนต์ดำ คุณไสยทั้งปวง
4.เรียกทรัพย์สินเงินทองทำให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี
5.ทำให้พืชพรรณที่ปลูกบริบูรณ์ให้ผลดี
6.เป็นเมตตามหานิยม
7.ทำให้ผู้บูชามีสุขภาพแข็งแรงห่างจากโรคพยาธิ
8.ค้ำชูดวงชะตาไม่ให้ตกต่ำ แม้ยามพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกก็ตาม
วิธีบูชาพระราหู
การบูชาพระราหูนั้นคตินิยมมักทำบูชากันในวันพุธกลางคืน เพราะถือว่าเป็นวันเวลาแห่งพระราหู เพราะราหูเป็นเทพนพเคราะห์ประจำวันพุธกลางคืนนั่นเอง การบูชาจึงมักเริ่มในวันพุธ หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว หรือในเวลาค่ำ ของถวายจะใช้เป็นของดำ เพราะถือว่าเป็นสีแห่งพระราหูเช่นกันทั้งนี้เนื่องจากคติที่พระราหูมีกายดำ เป็นคราสหรือเงามือนั่นเอง ของดำที่ถวายพระราหูนั้นมักใช้ 8 อย่าง ที่เป็นเลข8 นั้น เพราะเลข8 หมายถึงพระราหู (พระราหูเป็นเทพนพเคราะห์องค์ที่8 ในจำนวน 9 พระองค์ด้วยกัน)
ของดำ 8 อย่างนั้นได้แก่
1. ข้าวเหนียวดำ
2. งาดำ
3. ถั่วดำ
4. ขนมเปียกปูน
5. เฉาก๊วย
6. องุ่นดำ หรือลูกหว้า (ผลไม้ที่มีสีดำ)
7. ช็อกโกแลต
8. เหล้าดำหรือ กาแฟ (เครื่องดื่มที่มีสีดำ)
นอกจากเครื่องสังเวยพระราหูทั้ง 8 อย่างนี้อาจมีอย่างอื่นอีกก็ได้ เช่นไก่ดำ หรือไข่เยี่ยวม้า หรือของคาวอื่นๆขนมหวาน ผลไม้อื่นที่ท่านหาซื้อได้ แต่มักเอาแค่ 8 อย่างเท่านั้น ตั้งบูชากลางแจ้ง จุดธูป 8 ดอกบอกกล่าวท่องพระคาถาตามที่ให้ไว้ และระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ พระฤาษีผู้ทรงคุณ และคุณพระราหูเป็นที่สุดขอจงอวยพรแก่ข้าพเจ้าผู้กระทำบวงสรวงนี้ จากนั้นปรารถนาสิ่งใดก็บอกกล่าวไป หากสำเร็จตามที่มุ่งหวังแล้วควรให้ทำบุญใส่บาตรอุทิศให้ครูบาอาจารย์และองค์พ่อพระราหูด้วยท่านจะเกิดลาภผลยิ่งๆขึ้นๆไป
ตำนานพระคาถาสุริยะประภาและจันทรประภา
เกี่ยวกับเครื่องรางของขลังที่เนื่องด้วยพระราหูนั้น จะมี มหายันต์สุริยะประภาและมหายันต์จันทรประภา ยันต์ทั้งสองนี้ กล่าวว่ามีพระฤาษี 2 ตน อยู่ ณ เขายุคนธร ในยุคโบราณท่านทั้งสองสำเร็จพระเวทย์เจนจบทางธรรม ได้ฌานสมาธิชั้นสูงสุด บรรลุถึงไกวัลย์ภูมิ มีจิตเป็นหนึ่งกับพระเป็นเจ้าแล้วอย่างสมบูรณ์ เป็นมหาโยคีผู้ประเสริฐ ทรงไว้ด้วยเมตตาพรหมวิหาร เมื่อท่านส่องดูด้วยญาณหยั่งรู้จากอำนาจฌานสมาบัติ ว่าในอนาคตกาลภายภาคหน้านั้น โลกจะมีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวาย คนจะฆ่ากันตายด้วยราคะ โทสะ โมหะ ข้าวยากหมากแพง คนแล้งน้ำใจ มีคนอธรรมมากว่าคนมีศีลธรรม ด้วยจิตอันมีเมตตากรุณาของมหาโยคีในอดีตนั้น ท่านจึงคิดทำสิ่งหนึ่งอันเป็นที่พึ่งแก่กุลบุตรกุลธิดาที่จะมาเกิดในยุคต่อไป ซึ่งต้องผู้ที่มีจิตใจเคารพในพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านจึงอนุเคราะห์ด้วยการผูกผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นมหายันต์อันประเสริฐผู้ใดบูชาไว้ย่อมไม่มีอดอยากยากจน แต่บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทองข้าวปลาอาหารและพ้นจากภยันอันตรายในกลียุค ยันต์ดังกล่าวเรียกว่ายันต์สุริยะประภาและยันต์จันทรประภาให้ใช้คู่กันถือว่าประเสริฐดีนัก
พระคาถาบูชาพระราหู
พระคาถาสุริยะประภา
โอม เอกะจักขุนาฬิเกลา สุริยะประภา ราหูคาหา สัตตะรัตนะ สัมปันโณ มณีโชติระโสยะภา สุวัณณะรัชตะสมิทธา อะ
หัง วันทามิ เมสะทา โอม กุเสโต มะมะ กุเสโต โตราโม มะมะ โตราโม คุยหะโม มะมะ คุยหะโม
คุติโม มะมะ คุติโม
พระคาถาจันทรประภา
โอม เอกะจักขุนาฬิเกลา จันทรประภา ราหูคาหา สัตตะรัตนะ สัมปัณโณ มณีโชติระโสยะภา สุวัณณะรัชตะสมิ
ทธา อะหัง วันทามิ เมสะทา โอม ยะถาตัง มะมะ ตังถายะ ตังวะตัง มะมะ ตังวะตัง ตังเสถา มะมะ ถาเสตัง
กาติยะ มะมะ ยะติกา
พระคาถาบูชาพระราหู
นะ ตะ ภะ อะ สะ ทุ กะ ภะ กรุ อะ ระ ขุ สะ ชนะใจมนุษย์ ทั้งบุรุษสตรี สมณะพราหม์ชี มีเมตตากรุณัง
สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิวาจัง สิทธิชัยยัง สัพพะปาปัง สัพพะศัตรู วินาศสันติ สิทธิลาภัง ภวันตุเมฯ
Admin : Rapin
view
:
6737
Post
:
2014-09-10 15:00:00
ร่วมแสดงความคิดเห็น