เรื่องที่จะนำมาเล่าต่อจากนี้ เป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้รับทราบจากการออกเดินทางไปทำงานวิจัย ตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดสงขลา เเน่นอนล่ะว่าการออกเก็บข้อมูลงานทางไทยคดีศึกษาในเรื่องต่างๆ ตามสถานที่ต่างๆย่อมต้องได้รับทราบข้อมูลทั้งเชิงประจักษ์ เเละความเชื่อในเเนวทางเฉพาะถิ่น อาทิ ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องภูติผี เเละดวงวิญญาณ(ลัทธิวิญญาณนิยม)เพื่อนๆ หลายๆ คนของผู้เขียนเลยขอให้ทำการรวบรวมนำมาเล่าสู่กันฟัง(บ้าง) เพื่อเป็นประสบการณ์เเลกเปลี่ยนกัน
ปล. เชื่อก็ได้...ไม่เชื่อก็ได้..เเล้วเเต่จะคิดนะครับ
1. หน้าโรงเรียนอุดมศึกษาพานิช.. สมัยก่อนล่วงผ่านเลยมามีเรื่องเล่ากันปากต่อปากจากผู้สูงวัยว่าที่เชิงสะพานตอนเช้าตรู่(ราวตี 4-6 โมงเช้า)มักจะมีสาวสวยผมยาวผิวขาวมากๆ ใส่ชุดขาวมายืนโบกรถอยู่ หากใครจอดรถรับ เธอจะหายไปพร้อมกับความซวย หรือเรื่องร้ายๆที่เข้ามาเยือนคนดวงซวยคนนั้น...บรื๋ออออ
2. บริเวณถนนศรีภูวนารถ มีซอยหลายซอยมากๆ มีอยู่ซอยหนึ่งคือซอย 12 ซอยนี้เองมีโรงเก็บหัวหอมร้างอยู่ซอยหนึ่ง เล่าลือกันว่าผีดุมากๆ มีเรื่องเล่าว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนมีลูกจ้างโรงเก็บหัวหอมถูกบานประตูเหล็กตกใส่ ทับจนร่างกายเเหลก เละทั้งตัว ไม่มีใครสามารถจะนอนค้างคืนในโรงเก็บหัวหอมร้างซอย 12 ได้เพราะถูกหลอกกันมานับไม่ถ้วนเเล้ว
3. สะพานรถไฟ(มีราวเหล็ก)ที่ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านน้ำน้อย เคยมีคนตายกว่า 400 ศพ ที่สำคัญเป็นการตายโหง ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเชื่อกันว่าที่นี่เฮี๊ยนมาก คนเฒ่าคนแก่หลายคนเรียกสะพานรถไฟแห่งบ้านน้ำน้อยว่าสะพานสายมรณะ บ้างก็ว่าเป็นสะพานผีตายโหง เคยมีเรื่องเล่าในอดีตว่า เคยมีกลุ่มคนมายืนโบกรถอยู่ที่แถวๆสะพานรถไฟดังกล่าว โบกรถเพื่อจะไปสงขลา พอรถให้ขึ้นมาปรากฏว่าระหว่างขับกลุ่มคนดังกล่าวก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำเอาคนขับรถถึงกับจับไข้ไปหลายวัน
4. ซอยๆหนึ่งข้างวัดโคกนาว กับห้างโลตัส เด็กหาดใหญ่เรียกกันว่า..." ซอยคุณยายสปีด " เชื่อกันว่าหากขับรถมอเตอร์ไซด์เข้ามาในซอยคนเดียวหลังเที่ยงคืนในคืนเดือนมืดเเล้วจะเจอกับผีคุณยายสปีดหลอกเอา ด้วยการกระโดดขึ้นมาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ ใครดวงซวยอาจถึงตายได้
5. ถนนสายหาดใหญ่-สงขลา(สายใหม่)ก่อนถึงปั้นน้ำมันมีเรื่องสยองเล่าว่า เคยมีกลุ่มรถซิ่งถูกสายสลิงที่ขึงไว้กับต้นไม้ใหญ่ 2 ข้างทาง ตัดเอาคนนั่งซ้อนท้ายซึ่งเป็นผู้หญิงจนหัวขาดมาเเล้ว...เชื่อกันว่าหากขับรถมาตอนกลางคืนเเล้วเห็นคนขับมอเตอร์ไซด์ไม่มีหัว...อย่ามอง หรือชี้มือไปหา เพราะท่านอาจจะซวยเอาได้
6.บริเวณเปิดท้ายกรีนเวย์(ข้างป่าช้าโคกโพธิ์)...เเต่เดิมเป็นวังน้ำขนาดใหญ่ ชาวบ้านคลองเรียนเรียกกันว่า " วังน้ำดำ " เชื่อว่าเป็นดินเเดนอาถรรณ์ที่ผู้มีวิชาอาคมมักมาลองปล่อยของกัน
7. วัดโคกนาว..สมัยก่อนเรียก " โคกเน่า " เพราะเคยมีการฝังศพกันเป็นจำนวนมาก เเต่ปรากฏว่ามีน้ำท่วมขังในบริเวณดังกล่าวในปีหนึ่ง ชาวบ้านเลยจำต้องนำศพไปผูกติดเอาไว้กับกิ่งไม้ใหญ่ บ้างก็ว่ามีนายพรานหลายคนไปยิงสัตว์ในโคกเน่า ถูกซากศพที่เน่าเปื่อยตกใส่จนขวัญหนีตามๆกัน ผู้เขียนเคยสัมภาษณ์ผู้เฒ่าผู้เเก่ท่านหนึ่ง ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า...หากมืดค่ำจะไม่ยอมเดินทางผ่านโคกเน่าเป็นอันขาดเพราะผีที่นี่หลอกเก่งที่สุด
8. หน้าสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่...เชื่อกันว่าเฮี๊ยนน่าดูชม..เพราะจะต้องมีคนถูกรถชนตาย หรือรถทับตายทุกปี หลายคนบอกว่าเขาต้องการ " ตัวตายตัวเเทน "
9. หน้าวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่....บริเวณใต้สะพานลอยหน้าวิทยาลัย เชื่อกันว่ามีผีเฝ้าอยู่ใต้สะพานลอย...ใครดวงถึงฆาตจะถูกผีผลักให้รถชนเพื่อเป็นตัวตายตัวเเทนตน(เด็กเทคนิคหาดใหญ่เล่ากันภายใน)
10. เจ้าที่ที่ปกป้องรักษาวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่นอกจากจะมีพระวิษณุกรรมแล้ว บริเวณเชิงเขา(ข้างแผนกช่างยนต์)ยังมีเจ้าที่เก่าของที่นี่ปรากฏให้ได้เห็น ครู-อาจารย์ เรียกท่านว่า “ทวดตาเดียว” ส่วนนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่เรียก “เจ้าพ่อตาเดียว” ถือกันว่าท่านนั้นศักดิ์สิทธิ์มากๆ บูชาหรือเซ่นด้วยอะไรก็ได้ ยกเว้นเนื้อสุกร(เพราะท่านเป็นมุสลิม)
11. เจ้าที่ที่มหาวิทยาลัยทักษิณเด็กที่นี่เรียกกันว่า.." ทวดเลียบ " เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ ปรากฏในรูปของต้นไม่ใหญ่ เชื่อกันว่าหากใครขวัญอ่อน หรือต้องการเจริญก้าวหน้าในการเรียน หรือการงานด้านต่างๆให้บูชาท่านด้วยยาคูลท์ เท่านั้น
12. หน้าตึกเรียนอาคาร 13 ภายในมหาวิทยาลัยทักษิณ เชื่อกันว่ามีความเฮี๊ยนระดับสูงมากๆ เเละที่หน้าตึกเรียนอาคาร 13 นี้เองที่มีฮวงซุ้ยขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าตึก(น่าจะเป็นตึกเรียนตึกเดียวในประเทศไทยที่มีฮวงซุ้ยตั้งอยู่ด้านหน้า) เล่าลือกันว่าบางครั้งดึกๆจะมีคนเดินไปเดินมาที่หน้าฮวงซุ้ย มองนานๆเเล้วท่านก็จะหายไป
13. ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา เชื่อกันว่าสระน้ำหน้าอาคารตึกอำนวยการหลังเก่า...เคยมีเด็กผู้หญิงที่มาเข้าค่ายที่นี่จมน้ำตาย เธอมักชอบออกมาเล่นงานคนที่ดวงถึงฆาตด้วยการดึง หรือลากลงไปในน้ำ
14. ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา อาคารหอสมุด(หลังเก่า)...เชื่อกันว่าที่ บล็อก ฮ. นกฮูก มีดวงวิญญาณของนักศึกษาที่นี่สิงอยู่ ท่อนบนเป็นผู้ชายใส่ชุดช่างอุตสาหกรรม ท่อนล่าง.....ไม่มี !!!
15. เเถวๆท้ายวัดคลองเรียน...ในอดีตยังมีต้นยางใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง บนต้นยางปรากฏเป็นฝูง "ชิน" จำนวนมากลอยอยู่(ชิน หลายคนเชื่อว่าเป็นผีชนิดหนึ่ง รูปลักษณะเป็นดวงไฟสีขาวขุ่นใหญ่ประมาณเท่าลูกฟุตบอล-1 เมตร) ปัจจุบันเชื่อว่าต้นยางใหญ่ดังกล่าวไม่มีเเล้ว เเละน่าจะเป็นสถานที่ตั้งของหมู่บ้านร่มเย็น(ตรงบริเวณไหนไม่อาจคาดเดาได้เเน่ชัด)
16.รถเมล์สายหาดใหญ่-สงขลา(เด็กหาดใหญ่เรียก รถโพธิ์ทอง)....เชื่อกันว่ามีรถโพธิ์ทองอยู่คันหนึ่งมักปรากฏหญิงสาวในชุดนักศึกษา ผมยาว เธอมักชอบนั่งอยู่เก้าอี้เกือบท้ายสุดในยามหัวค่ำ พอมองไปนานๆเธอจะหายไป
17. หลังวัดคลองเเห ตำบลคลองเเห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา...เชื่อกันว่ามีเนินดินสูงอยู่เนินหนึ่ง เรียก..." โคกนกคุ่ม " ภายในเนินดินว่ามีทรัพย์สมบัติฝังอยู่ เเละมีผีนานาชนิดเฝ้าดูเเล อาทิ ผีปลาหัวกระโหลก
18.เเถววัดคูเต่า ตำบลเเม่ทอม สงขลา(วัดคูเต่าหลังเเรก...วัดสระเต่า)เคยมี ?เสือสมิง? อาศัยอยู่ใกล้บริเวณวัดได้เข้าทำร้ายสามเณรมรณภาพ 1 รูป คือสามเณรถูกกัดจนศีรษะขาดและถูกกินเป็นอาหารเป็นที่เล่าลืออย่างสยดสยองต่างๆนานา(เสือสมิง คือ เสือร้ายที่เชื่อกันว่าเกิดจากอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณร้ายที่แปลงร่างขึ้นมา)
19. วัดโลการาม บ้านสะทิ้งหม้อ สิงหนคร สงขลา...มีเจ้าที่ประจำวัดเป็นพญางูจงอางขนาดใหญ่ เรียก " ทวดตาหลวงรอง " เชื่อว่าใครบูชาเเล้วจะเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ...นอกจากนี้ยังเชื่ออีกด้วยว่าหากใครจะเข้ามาขโมยทรัพย์สมบัติของทางวัดจะโดนงูทวดเล่นงานจนต้องหนีกระเจิงทุกรายไป
20. หน้าอุโบสถวัดพรุเตาะ หาดใหญ่ สงขลา มีต้นโพธิ์อยู่ต้นหนึ่ง...เชื่อว่าต้นโพธิ์นี้เเต่เดิมคือเจ้าอาวาสวัดพรุเตาะ ครั้งหนึ่งท่านได้ใช้น้ำมันราดเเละเผาตนเองจนมรณภาพ เเล้วท่านก็ได้เกิดใหม่เป็นต้นโพธิ์หน้าอุโบสถ(ชาวบ้านเขาเชื่อกัน)
21. บริเวณหัวเขาแดง-สงขลา เชื่อกันว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยป้องปกดูแลอยู่เรียกว่า ?ทวดหัวเขาแดง? เชื่อกันว่าท่านนั้นมักปรากฏกายให้ได้เห็นในรูปของจระเข้ใหญ่มีนัยตาสีแดงเพลิง
22. น้ำตกโตนงาช้างที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสงขลาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง ปรากฏมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ป้องปกอยู่เรียกว่า “ทวดตาขุนดำ-ทวดโต๊ะปะหวัง” ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงกับน้ำตกเชื่อว่าท่านนั้นมีรูปกายเป็นเสือดำขนาดใหญ่ มีเรื่องเล่าว่าราวปี พ. ศ. 2549 ได้มีนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์คนหนึ่งเดินทางมาเที่ยวน้ำตกโตนงาช้าง จนตกช่วงเย็นชายคนดังกล่าวได้ออกเดินทางปีนขึ้นไปชมทัศนียภาพบนน้ำตกโตนงาช้าง จากนั้นจึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เพื่อนๆที่มาด้วยกันจึงออกตามหาแต่ก็หาไม่พบจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของทางน้ำตกทราบช่วยกันตามหาจนช่วงดึกจึงต้องยกเลิกไปแล้วออกหาตอนเช้าอีกที หาอยู่ 3 วัน 3 คืนก็ยังหานักท่องเที่ยวชายชาวสิงคโปร์คนดังกล่าวไม่พบ จึงได้เชิญหมอไสยศาสตร์มาทำพิธีกรรม “เข้าทรง” และพอได้รับข้อมูลมาว่านักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ที่หลงป่ายังมีชีวิตอยู่ ประทังชีพด้วยการกินยอดไม้ และน้ำเป็นอาหาร เขาเพียงโดน “ผีบังตา” เอาไว้ท่านมิต้องเป็นห่วงแต่ประการใด ถึงเวลาเขาก็จะกลับมาเอง แต่หลังจากนั้นก็ขอให้ช่วยสร้างศาลให้เราอยู่ด้วย หัวหน้าทีมค้นหาจึงสัญญาว่าหากหาเจอก็จะสร้างศาลสถิตบูชาให้ วันที่ 4 ที่ออกค้นหาจึงหานักท่องเที่ยวคนดังกล่าวจนพบแล้วสร้างศาลให้เรียกว่า “ทวดตาขุนดำ-ทวดโต๊ะปะหวัง”
23. ห้องเบอร์ 333 ณ โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่เยื้องๆกับฟาร์มจระเข้เก่า...เชื่อกันว่ามีผีฝรั่งสิงสถิตอยู่ หากใครจิตอ่อนเวลานอนอยู่บนเตียงจะถูกลากขา หรือบีบนวดขาให้ในเวลากลางคืน..ให้แก้เคล็ดด้วยการนำเหรียญบาท 3 เหรียญมาวางไว้ตรงมุมบานประตูทางเข้าห้อง(ด้านใน)แล้วบอกกล่าวขอเช่าห้องกับผีเจ้าของห้องก่อนจึงจะอยู่ได้อย่างปกติสุข(เจอกันหลายคนแล้วห้องเบอร์นี้)
24. ชาวอำเภอเมืองสงขลา เชื่อกันว่า ณ เขารูปช้างมีผีฟ้า-เทวดาป้องปกรักษาอยู่เรียกกันว่า “ทวดช้าง” หรือ“พ่อทวดช้าง” เชื่อว่าเป็นดวงวิญญาณของควาญช้างและพญาช้างใหญ่ 2 เชือก(พ่อพลายแก้ว และแม่พังงา)
25. แถวน้ำตกโตนงาช้าง และย่านหูแร่ในสมัยก่อนเชื่อกันว่ายังมี ?ผีหลังกลวง? อาศัยอยู่เชื่อกันว่าผีหลังกลวงเป็นความเชื่อของชาวไทยภาคใต้มีลักษณะเป็นเหมือนกับคนธรรมดาแบบเราๆท่านๆนี่แหล่ะ แต่มันไม่ชอบใส่เสื้อผ้า(ประมาณว่าใส่แต่กางเกงที่ขาดรุ่งริ่ง)และที่สำคัญคือมันมีสันหลังที่กลวงโบ๋วมีน้ำหนองไหลออกมาอย่างน่ากลัว ผีหลังกลวงชอบอาศัยอยู่ในแถบสถานที่ๆมีอากาศเย็นโดยเฉพาะในบริเวณน้ำตกต่างๆของทางภาคใต้ เชื่อกันว่ามันชอบกินของดิบๆเป็นนิสัย ส่วนกรรมวิธีในการหลอกคนก็คือ มันจะมาทำทีพูดจา-เจรจาเป็นมิตรกับผู้ที่ผ่านถิ่นที่อยู่ของมันในยามค่ำคืน จากนั้นมันจะแกล้งคันหลังแล้วขอให้มิตรใหม่ช่วยเกาหลังให้... หันหลังให้คนที่มันจะหลอกดู(หลายคนพอได้เห็นหลังอันกลวงโบ๋วของมันแล้วก็อาจจะกลัวจนวิ่งหนีไปเลยก็มี) แต่ผีหลังกลวงในบางพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดพัทลุงนั้นมันมีวิธีหลอกโดยการเดินมาตอนกลางคืนแล้วอาสาว่าจะช่วยตำข้าวให้ พอเจ้าของบ้านเผลอมันจะฉวยโอกาสหักคอกับครกตำข้าว(คนพัทลุงในสมัยก่อนเลยไม่ค่อยมีใครนิยมตำข้าวตอนเวลากลางคืน)
26. บ้านคูเต่า อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา ยังเชื่อว่าในเครื่องดนตรีของถิ่นตนมีผีชนิดหนึ่งสถิตอยู่เรียก “โต๊ะเคร็ง” เชื่อกันว่าโต๊ะเคร็งเป็นผีที่สถิตอยู่ในเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งของทางภาคใต้ โดยหากมีการเซ่นสรวงที่ดีโต๊ะเคร็งจะทำให้การประกอบอาชีพทางด้านเป็นนักดนตรีเจริญก้าวหน้า แต่หากทำผิดกฎการเซ่นสรวงบูชาแล้วโต๊ะเคร็งจะนำพาความวิบัติมาให้ได้
27. เชื่อกันว่าในคลองอู่ตะเภาในอดีตยังมีจระเข้ผีสิงสถิตอยู่ มีตำนานเล่าว่า ในอดีตลำคลองอูตะเภายังอุดมสมบูรณ์มีจระเข้อาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น เนื่องด้วยมีปลาอย่างชุกชุมทำให้วิถีทางการดำเนินชีวิตของคน และจระเข้ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน จวบอยู่มายุคหนึ่งเกิดเหตุจระเข้กินคนเกิดขึ้นลือว่าเป็นจระเข้ผีสิง ขึ้นมาจากน้ำ คาบ กัดกินเด็กที่เล่นน้ำบริเวณท่าน้ำวัดท่าแซไปหลายรายจนเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงของผู้คนในสมัยนั้นเป็นยิ่ง จวบจนความเจริญได้เดินทางเข้ามาสู่ชุมชนคลองอูตะเภามากขึ้น ตำนานจระเข้กินคนเลยลบหายไปกับกาลเวลาเหลือเพียงคำเล่าลือจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่า....ในอดีตลำคลองแห่งนี้ยังเคยมีจระเข้ผีสิงที่ชอบกินเด็กเป็นอาหารอาศัยอยู่
28. เชื่อกันว่าทะเลสาบสงขลายังมีนางเงือก(ผีนางเงือก)อาศัยอยู่ ณ ยามใดก็ตามที่เป็นคืนจันทร์เดือนเพ็ญสว่างเต็มท้องน้ำ ผีนางเงือกจะขึ้นมาจากท้องน้ำ นั่งอยู่บนโขดหิน ใช้หวีที่ทำจากก้างปลาหวีผมอย่างน่าดูชม.....ใครดวงถึงฆาตนางจะลากลงไปในท้องน้ำเอาบุรานายนั้นทำสามี
29. ถนนสายบ้านในไร่-เขากลอย(ทางโค้งข้อศอก)...ยามค่ำคืน หากเห็นหญิงสาวรถมอเตอร์ไซด์เสีย ยืนคนเดียว... อย่าชี้นิ้วไปหา-อย่ารับขึ้นรถ...เพราะไม่ใช่คน!!!
30. ต้นไทรใหญ่หน้าวัดคลองเรียน มีอายุนานมากแล้ว(อาจจะถึง หรือเกิน 100 ปี).....ยามค่ำคืนมักปรากฏผู้คนมากมายพร้อมเทียนส่องสว่าง พวกเขามาหาตัวเลขก่อนวันหวยออกกันน่ะ แต่....หากเห็นผู้คนมากมายอันตรธานหายไปในพริบตาที่ชี้มือไปหา...ท่านจะซวยเอาได้!!!
31. พระคเณศ หน้าภาควิชาศิลปะ ว.ค.สงขลา เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ.....หากใครอยากลองดีให้มาตอนเที่ยงคืน พร้อมกับหันก้นเข้าหาและ...เกาใส่หน้าท่าน(เชื่อกันว่าจะโดนดีทุกรายไป)
32. ข้างภาคศิลปะ ว.ค.สงขลา สมัยก่อนยังมีต้นมะพร้าวใหญ่อยู่ต้นหนึ่งข้างสระน้ำ(ปัจจุบันตัดทิ้งแล้ว).....ยามดึกๆเด็กๆที่นี่อาจจะเห็นชายหนุ่มร่างกำยำผิวดำหัวหยิก ไม่ใส่เสื้อผ้า พุ่งดิ่งลงมาจากต้นมะพร้าว ลงสู่สระน้ำข้างภาควิชา...หายลงไปไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย.. ไม่ต้องตกใจ เขาแค่ทักทายเด็กศิลป์น่ะ(สมัยก่อนเจอกันบ่อย)
33. ตำนานบ้านโลงศพ (หน้าซอย 10 ราษฏร์อุทิศ) เคยได้ยินเรื่องเล่าในหาดใหญ่อยู่เรื่องหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนคือเรื่องตำนานบ้านโลงศพ ว่ากันว่ามีบางส่วนของตัวบ้านดังกล่าวที่สร้างออกมาเหมือนรูปโลงศพยังไงยังงั้น เล่าลือกันอีกต่อว่าหลังจากเจ้าของบ้านได้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวไม่นานก็ประสบอุบัติเหตุหมู่ยกครัว (บางคนก็เล่าลือว่ามันเห็นเรื่องแปลกๆเวลาขับรถผ่านบ้านหลังดังกล่าว(ปัจจุบันบ้านโลงศพกลายเป็นร้านถ่ายรูปไปแล้ว)
34. บ้านรูปยิ้ม (ท้ายซอย 7 ราษฏร์อุทิศ)เป็นภาพขาว-ดำ ของหญิงสาวนางหนึ่งที่เล่าลือกันว่าเธอผูกคอตายภายในบ้าน ได้มีการนำรูปภาพดังกล่าวมาแขวนไว้บริเวณหน้าบ้าน ลือกันอีกว่าหากใครดวงซวยเวลาขับรถผ่านหญิงสาวในภาพจะยิ้มให้(รีบไปทำบุญล้างซวยโดยด่วน!!!)
35. ตำนานผีช่องแอร์ที่หาดใหญ่ เชื่อกันว่ามีโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหาดใหญ่ที่เป็นต้นเหตุแห่งตำนานผีช่องแอร์(ฆาตกรรมยัดช่องแอร์) และก็มีการเล่าลือกันว่าห้องดังกล่าวของโรงแรมที่เกิดเหตุมีอัตราความเฮี๊ยนสูงมากๆ!!! ใครมาพักมักเจอดีเข้าแทบทุกราย เส้นผมหญิงสาวร่วงลงมาจากเพดาน เสียงประหลาดยามค่ำคืน กลิ่นศพเน่าโชยมาโดยหาสาเหตุไม่ได้!!! หลายคนมาถามผมว่าแล้วมันที่ไหนกันล่ะโรงแรมนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่โรงแรมกลางเมืองหาดใหญ่แน่ โรงแรมนี้ร้างมากว่า 10 ปีตั้งแต่น้ำท่วงใหญ่คราวนั้นแล้ว หลายคนบอกว่ามันคือโรงแรมหาดใหญ่ออxxxจริงหรือไม่?
36. เรื่องผีที่อาคาร 3 เด็กเทคนิครุ่นเก่าๆเขาเล่าลือกันนักกันหนาว่าแต่เดิมอาคาร 3 ในวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่เคยมีคนตกลงมาตาย(ครูหลายคนยืนยันว่าจริง)หากยืนมองวิวทิวทัศน์อยู่ดีๆมีใครตกลงมาแล้วปรากฏว่าร่างนั้นอันตรธานหายไป ขอร้อง...อย่าไปทักเดี๋ยวซวย!!!
37. ตำนานต้นจามจุรีให้โชค-หาดใหญ่ใน หลายคนเรียกกันว่าทวดแม่จามจุรี หรือทวดไกรสิงห์-ราชสีห์จามจุรีใหญ่อันเป็นที่สิงสถิตของทวดแม่จามจุรีตั้งอยู่ ณ ปากทางเข้าถนนโชคสมาน 1 ตรงข้าม สภ.หาดใหญ่ ลือกันว่าต้นไม้ต้นนี้เคยเป็นที่ประหารชีวิตนักโทษในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (ผู้คอตาย)สืบตำนานพอได้ว่าในราวปี พ.ศ. 2552 ภรรยาของตำรวจชั้นประทวนซึ่งทำงานอยู่ใน สภ.หาดใหญ่ ได้หลับลงด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการปฏิบัติภาระหน้าที่ประจำวันที่บ้านพักใกล้กับต้นจามจุรี ครั้งหลับก็ฝันไปว่ามีเจ้าแม่จามจุรี สถิตอยู่ ณ ต้นจามจุรีใหญ่ใกล้กับที่พักของตน เจ้าแม่จามจุรี หรือทวดแม่จามจุรีบอกว่าจะให้เลขเด็ดแต่มีข้อแม้ว่าขอให้ตั้งศาลให้ที่ใต้ต้นจามจุรีเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ปรากฏว่าถูกหวยจริง แต่ผู้เป็นภรรยาของตำรวจชั้นประทวนนางนี้ก็ยังไม่ปักใจเชื่อเสียเท่าใดนักจึงไปทำการบนกับทวดแม่จามจุรีว่าขอให้ถูกหวยเป็นครั้งที่สองแล้วจะสร้างศาลแก้บนให้ ปรากฏถูกหวยมาเลย์จริงดังที่ทำการบนไว้ ต่อมาจึงมีการสร้างศาลเพียงตาไว้ให้สำหรับเป็นที่สถิตแก่ทวดแม่จามจุรี ครั้งข่าวลือเรื่องทวดแม่จามจุรีให้เลขเด็ดได้อย่างแม่นยำยิ่งนักรู้ถึงหูเซียนหวย นักเลงตัวเลขจากทั่วประเทศจึงแห่กันเดินทางมาเพื่อขอเลขเด็ด ไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างประเทศที่ทราบข่าว อาทิ ชาวมาเลย์ สิงคโปร์ จีน เป็นต้น จามจุรีอันเป็นที่สิงสถิตของทวดแม่จามจุรี ณ ปากทางเข้าถนนโชคสมาน 1 ตรงข้าม สภ.หาดใหญ่จึงแน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อันมีสิ่งมุ่งหวังอันเดียวกันคือ “เลขเด็ด” นั่นเอง นอกจากเรื่องเลขเด็ดที่ชาวบ้านนิยมมาขูด ทาแป้ง ลูบหากันแล้วนี่ยังปรากฏความเชื่ออีกอย่างหนึ่งที่แพร่สะพัดกันไปในวงกว้าง คือเชื่อกันว่าทวดแม่จามจุรีนี้ไม่ชอบให้ใครมาตัดกิ่ง ก้าน ใบโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังเรื่องเล่าลือที่ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเคยมีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครหาดใหญ่ จะทำการตัดแต่งกิ่งไม้ข้างถนน ครั้งตัดแต่งมาเรื่อยๆจนถึงต้นจามจุรีใหญ่ต้นดังกล่าวปรากฏว่าอุปกรณ์สำหรับตัดแต่งกิ่งไม้ไม่ทำงานอยู่นาน พยายามอย่างไรก็ไม่สามารถซ่อมอุปกรณ์ดังกล่าวได้ จึงต้องล้มเลิกการตัดแต่งกิ่งต้นจามจุรีออกไป ครั้งเจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครหาดใหญ่มาทำการตัดแต่งกิ่งไม้ในครั้งที่สองก็ปรากฏว่าอุปกรณ์สำหรับตัดแต่งกิ่งไม้ไม่ทำงานเหมือนครั้งแรก จึงเกิดการเล่าลือกันถึงเรื่องความเฮี๊ยนของต้นจามจุรีใหญ่ ณ ปากทางเข้าถนนโชคสมาน 1 กันอย่างกว้างขวาง
38. ตำนานผีทวดเฝ้าถ้ำ หรือตำนานทวดแหลมจาก เป็นความเชื่อของชาวบ้านตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ตำนานทวดแหลมจากมีดังนี้กล่าวคือ ภายในอาณาบริเวณของหมู่ที่ 1 ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ปรากฏว่ามีถ้ำใหญ่อยู่แห่งหนึ่งที่ซึ่ง ณ ถ้ำแห่งนี้เองชาวบ้านล้วนเชื่อกันว่าภายในถ้ำมีทรัพย์สมบัติ แก้วแหวนเงินทอง ถ้วยชามที่เป็นทองคำฝังเอาไว้อยู่ภายในเป็นจำนวนมาก และภายในถ้ำนี้เองปรากฏว่ามีจระเข้ใหญ่ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นจระเข้เจ้าและศักดิ์สิทธิ์พร้อมทั้งขนานนามให้ว่า “ทวดแหลมจาก” มีหน้าที่เฝ้าปกปักรักษาทรัพย์สมบัติดังกล่าวอยู่ คนแต่ครั้งโบราณหรือชาวบ้านในสมัยก่อนจะสามารถเข้าไปหยิบยืมทรัพย์สมบัติต่างๆของทวดแหลมจากได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องนำมาคืนในระยะเวลาที่กำหนด ครั้งกาลต่อมามีคนพาลเข้าไปหยิบยืมทรัพย์ของทวดแล้วไม่ได้นำไปคืนให้ ทวดแหลมจากจึงโกรธและปิดถ้ำลงด้วยหินก้อนขนาดใหญ่ตรงบริเวณปากทางเข้าถ้ำ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสามารถเข้าไปหยิบยืมทรัพย์สมบัติของทวดได้อีก แต่ชาวบ้านในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวก็ยังเชื่อว่าทวดแหลมจากในรูปของจระเข้ทวดขนาดใหญ่ยังคงสถิตอยู่ภายในถ้ำแห่งนั้นทวดท่าข้าม หรือ ทวดพญาท่าข้าม
39. ตำนานทวดแม่กง ผู้ยิ่งใหญ่แห่งบ้านเกาะหมี มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาอย่างยาวนานถึงรูปแบบ-ความศักดิ์สิทธิ์ของทวดแม่กงเอาไว้ว่า.....เมื่อนานมาแล้วยังมีชายชาวบ้านเกาะหมีคนหนึ่งนั่งคุยกับเพื่อนที่ชานเรือน เขาท้าเพื่อนๆเอาไว้ว่าไม่เชื่อในตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของทวดแม่กง.....“ถ้าทวดแม่กงศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้ขึ้นมาหาเขาบนเรือน เขาจะยอมให้ทวดกัดให้ถึงแก่ชีวิต” ขณะเดียวกันนั้นเองปรากฏว่ายังมีพญาคางคก(แม่กง)ใหญ่อยู่ตนหนึ่ง นั่งอยู่บนโขดหินริมฝั่งน้ำ ณ บ้านเกาะหมี โจนทะยานลงจากโขดหินลงสู่แม่น้ำดังกล่าวเสียงดังสนั่น.....กลายร่างเป็นเข้เจ้า(จระเข้ใหญ่)ในทันทีทันใด ว่ายตรงไปสู่บ้านของชายหนุ่มผู้ท้าทาย ถึงริมฝั่งได้ ทวดแม่กงมองชายผู้ท้าทายด้วยสายตาที่โกรธอย่างถึงที่สุด พร้อมลำเลียงตนขึ้นสู่บนฝั่งพร้อมกลายร่างเป็นงูบองหลาขนาดใหญ่(งูจงอางขนาดใหญ่) เลื้อยตรงรี่เข้าไปจนถึงบ้านของชายผู้ท้าทาย ขึ้นไป ณ เรือนชานได้ก็ตรงเข้าหาชายคนดังกล่าว...เล่นเอาท่านเจ้าของบ้านถึงกับหน้าถอดสี จำต้องยอมขอขมาโทษแก่ทวดแม่กงในทันทีทันใด ทวดจึงยอมกลับลงสู่แม่น้ำ มิทำร้ายเอา(สืบทราบว่าปัจจุบันชา