เมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีข่าวจากทางญี่ปุ่นว่ามีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น โดยคนร้ายคือเด็กวัย 15 ส่วนเหยื่อคือเพื่อนร่วมชั้นของตัวเอง นับว่าเป็นคดีที่สะเทือนใจอยู่ไม่น้อย
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของญี่ปุ่น เพราะเมื่อ 10 ปีก่อนหรือปี 2004 ก็เคยเกิดเหตุเด็กอายุ 12 ทำการฆาตกรรมเพื่อนเช่นกัน และที่น่าตกใจคือสถานที่เกิดเหตุก็อยู่ภายในจังหวัดเดียวกันอีกด้วย
ซึ่งสำหรับคดีที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งได้เรียกเด็กหญิงคนร้ายว่า"เนวาด้าทัน" Nevada-Tan และยังนำคดีนี้มาสร้างเป็นการ์ตูนแนวฆาตกรรมอีกด้วย
แต่เนื่องจากคดีที่คนร้ายยังเป็นผู้เยาว์อยู่ กฎหมายจึงทำการคุ้มครองโดยไม่ให้มีการเผยแพร่ใบหน้าและชื่อจริงออกสู่สาธารณชน ทว่าในปัจจุบันนี้อินเตอร์เน็ตมีความก้าวหน้าและแพร่หลายเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่ข้อมูลของคนร้ายถูกปล่อยออกมาในเน็ต ดังนั้นเลยเป็นการยากที่จะควบคุมได้ทั้งหมด
และในกรณีของเด็กหญิงคนร้ายผู้นี้ รูปที่ถูกเผยแพร่ทางเน็ตและถูกกล่าวว่าเป็นรูปของเด็กหญิงคนร้าย เสื้อที่เธอสวมใส่มีลายคำว่า “NEVADA” จึงกลายเป็นที่มาของชื่อเรียกของเด็กหญิง ในขณะคำว่า ทัน ที่ต่อท้ายแผลงมาจากคำว่า จัง ซึ่งใช้เรียกต่อท้ายชื่อเด็กผู้หญิง และยังมีข่าวว่าชื่อจริงของเด็กคนนี้คือ ซึจิ นัตสึมิ
ส่วนเนื้อหาของคดีนี้มีอยู่ว่า เด็กหญิงประถม 6 ได้ทำการฆาตกรรมเพื่อนร่วมชั้นที่นางาซากิ โดยที่ ซึจิ นัตสึมิ เด็กหญิงคนร้ายและ มิตาราอิ ซาโตมิ ผู้เคราะห์ร้ายซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันต่างก็มีโฮมเพจเป็นของตัวเองและเขียนคอมเมนต์ลงในบอร์ดของฝ่ายตรงข้ามบ่อยๆ ซึ่งนี่เองที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นภายหลัง หากจะเรียบเรียงตามโฮมเพจและคำให้การในภายหลังก็สรุป เรื่องระหว่างเด็กทั้งสองได้ดังต่อไปนี้
27 พฤษภาคม เมื่อซาโตมิเพื่อนของเธอเขียนคอมเมนต์ลงในเว็บบอร์ดของนัตสึมิ
เป็นเชิงล้อเล่นว่า “หนัก” ซึ่งหมายถึงเธอนั้นอ้วนเกินไป เป็นเหตุให้นัตสึมิไม่พอใจและถือว่านั่นเป็นคำหยาบคาย ดูหมิ่น เรื่องเล็กๆ นี้ก่อให้เกิดการโต้ตอบถกเถียงกัน เป็นจุดเริ่มต้นให้นัตสึมิคิดฆ่าซาโตมิขึ้นมา
วันที่ 28 พฤษภาคม นัตสึมิเขียนในไดอารี่ ถึงวิธีฆ่าที่ตนจะเลือกใช้สามแบบคือ ใช้มีดคัตเตอร์ ใช้ที่เจาะน้ำแข็ง หรือไม่ก็บีบคอ พร้อมเขียนว่า "ฉันอยากจะฆ่ามันวันนี้แหละ แต่ทำไม่ได้"
วันที่ 29 พฤษภาคม นัตสึมิพยายามยื่นข้อเสนอให้ซาโตมิ เขียนคำขอโทษตน แต่ซาโตมิไม่ยอม กลับตอบเธอว่า "อวดเก่ง" แม้นัตสึมิจะทำการลบคอมเมนต์ทิ้ง แต่ซาโตมิก็เขียนขึ้นมาใหม่อีกหลายครั้ง จนในที่สุดนัตสึมิก็ตอบโต้ด้วยคำว่า "แกหายไปจากโลกนี้ซะเถอะ!"
วันที่ 31 พฤษภาคม นัตสึมิเขียนไดอารี่ว่า "วันพรุ่งนี้ ฉันตัดสินใจจะฆ่ามันด้วยมีดคัตเตอร์"
วันที่ 1 มิถุนายน นัตสึมิมาเรียนตามปกติ เธอได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกับเพื่อน ๆ และครูในโรงเรียน ตัวเธอสวมเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้ม สกรีนคำว่า "NEVADA" ยืนถ่ายรูปข้างๆ กับซาโตมิ (เด็กเสื้อฟ้าใส่แว่นตา) ด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งคู่
ตอนพักกลางวัน นัตสึมิเรียกซาโตมิเข้าไปในห้องเรียนว่างเปล่าห้องหนึ่งที่ชั้นสาม สั่งให้นั่งเก้าอี้ ปิดม่าน จากนั้นก็พูดกับซาโตมิว่า "ฉันจะฆ่าเธอ" แต่ซาโตมิก็ไม่หนี เพราะไม่คิดว่านัตสึมิจะกล้าทำจริงๆ และไม่คิดว่าเรื่องราวขัดแย้งล้อเล่นในอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ อีกทั้งนัตสึมิเองก็เป็นเด็กไม่ค่อยแสดงออกมากนัก แม้จะมีนิสัยก้าวร้าวรุนแรงอยู่บ้างก็ตาม
และแล้วนัตสึมิก็ได้ดึงแว่นตาออกจากหน้าของซาโตมิ แล้วใช้มือข้างหนึ่งปิดตาซาโตมิไว้ ก่อนที่จะใช้มีดคัตเตอร์เชือดคอเป็นรอยยาว 10 เซนติเมตร และลึกถึง 10 เซนติเมตร ตัดหลอดลมขาด ก่อนจะกรีดที่หลังมือของซาโตมิลึกจนเห็นกระดูก และเมื่อซาโตมิทรุดลงหมดสติทันที เพราะเสียเลือดมาก นัตสึมิก็รอประมาณ 15 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนตายสนิทแล้วจึงออกจากที่เกิดเหตุ
พอเธอเดินเข้าชั้นเรียนตามปกติด้วยเสื้อผ้าที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ก็สร้างความตกใจให้แก่ครูและเพื่อนเป็นอย่างมาก ครูประจำชั้นรีบแจ้งตำรวจทันที มีหลายคนพยายามถ่ายรูปเธอ ซึ่งนัตสึมิก็หันมายิ้มหวานให้กล้อง ส่วนร่างของซาโตมิถูกพบโดยครู แต่ยังพบว่าเธอยังหายใจรวยรินจึงรีบพาส่งโรงพยาบาลแต่สายเกินไปเสียแล้ว เธอเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน
แล้วเมื่อตำรวจมาถึงและควบคุมตัวนัตสึมิ เด็กหญิงก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วพูดว่า "ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ" เธอฟูมฟายอยู่ในสถานีตำรวจทั้งคืนและไม่ยอมกินอะไร หลังจากที่เธอสงบลงก็ได้ให้ปากคำว่า เธอฆ่าผู้ตายเพราะผู้ตายเขียนข้อความใส่ร้ายด่าทอเธอในอินเทอร์เน็ต "เธอเขียนเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับฉันหลายครั้ง ฉันไม่ชอบ จึงเรียกเธอมาและลงมือเชือดคอ ฉันยังประหลาดใจว่าทำไมฉันจึงทำสิ่งนั้น และฉันอยากขอโทษ..." นี่คือคำสารภาพของเธอ
ทั้งนี้นัตสึมิได้ให้การว่าเธอทำเลียนแบบในละครชุดซึ่งดูเมื่อคืนก่อน ทำให้รายการโทรทัศน์ที่มีการนำเสนอเกี่ยวการฆาตกรรมของทุกสถานีต้องระงับการฉายไป แถมเด็กหญิงคนนี้ยังมีความคลั่งไคล้ในหนังเรื่อง Battle Royale มาก เหตุการณ์นี้จึงทำให้กำหนดการฉายของ Battle Royale ภาค 2 ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน
มิตาราอิ ซาโตมิ
หลังจากเหตุการณ์นั้นนัตสึมิก็ถูกส่งตัวให้จิตแพทย์และนักจิตวิทยาเด็กเพื่อตรวจสอบอาการทางจิต เพราะหลายคนเชื่อว่าเธอน่าจะป่วยเป็นโรคแยกตัวจากสังคม เนื่องจากเธอไม่ชอบสุงสิงพูดคุยกับใคร แต่ผลการตรวจพบว่าเธอมีสุขภาพจิตสมบูรณ์ดีไม่มีความผิดปกติใดๆ ศาลจึงตัดสินให้เธอมีความผิดจริงในข้อหาก่อคดีฆาตกรรม
และด้วยคดีนี้เองก็ทำให้หลายคนออกมากล่าวโทษสื่ออินเทอร์เน็ต และมีมาตรการให้มีการอบรมสั่งสอนมารยาทในการใช้อินเทอร์เน็ตแก่เยาวชนชาวญี่ปุ่นอย่างเข้มงวด แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเรื่องแบบนี้มันยากที่จะห้ามปรามได้ เพราะการติดต่อสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตนั้นไม่เห็นหน้ากัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างขาดความเกรงใจต่อกัน ก่อให้เกิดปัญหาตามมาอยู่บ่อยครั้ง
ภาพพิธีศพของซาโตมิ
ซึ่งจากรายงานล่าสุดเกี่ยวกับนัตสึมิระบุว่า เธอยังคงถูกคุมขังอยู่ในโรงเรียนดัดสันดานที่เมืองโตชิกิ และจะมีกำหนดพ้นโทษในปี ค.ศ.2013 ซึ่งเธอจะมีอายุครบ 21 ปี พอดี
ที่มา: Dek-D และ board.postjung.com