ไม่คดีฆาตกรรมไหนก็ไม่มีใครให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอนโดยเฉพาะกับคนใกล้ตัว เพราะมันคือเหตุการณ์ที่ชวนหดหู่และเศร้าโศกกับการจากไปที่ค่อนข้างทรมานสำหรับผู้ตาย แต่ทว่าบางคดีกลับมีความโหดร้ายเกินที่จิตใจมนุษย์ทั่วไปจะรับได้ อย่างเช่นเหตุฆาตกรรมในฮ่องกงซึ่งขึ้นชื่อว่าโหดร้าย ใจดำ และอำมหิต ที่สุดสำหรับพวกเขา
และคดีที่ว่านี้ที่ว่าคือ
Hello Kitty murder หรือ 'คิตตี้สังหาร' เป็นคดีฆาตกรรมที่โด่งดังในฮ่องกง โดยคดีนี้เริ่มมาจากผู้หญิงคนหนึ่งโดนกลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งลักพาตัวและไปทรมานในอพาร์ทเมนต์ในซึม ชา ซุยเมื่อปี 1999 สุดท้ายเธอก็ขาดใจตายจากการทรมานมานานถึงหนึ่งเดือน
ซึ่งสาเหตุนั้นอาจจะมาจากการกินยาเกินขนาด และหลังการตายของเธอพวกผู้ชายนั้นกำจัดศพเธอโดยตัดหัวเธอแล้วยัดหัวเธอใส่ลงในตุ๊กตาคิตตี้จึงกลายเป็นชื่อที่มาของคดี “คิตตี้สังหาร”
แน่นอนว่าคดีนี้ถือเป็นเรื่องเสื่อมเสียต่อฮ่องกงเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนภายนอกมักคิดกันว่าฮ่องกงนั่นเป็นอดีตอาณานิคมของอังกฤษ เป็นเมืองแห่งความจริงที่แม้จะแออัดแต่ก็ปลอดภัย เพราะจากสถิติคดีฆาตกรรมแล้วคิดเป็น 1.23 ต่อ 100,000 คน ดังนั้นปัญหาอาชญากรรมแบบนี้จึงไม่ควรมีเด็ดขาด ทำให้มีหลายฝ่ายต้องการเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
ส่วนเหตุการณ์ในคดีนี้ก็เริ่มจากที่ ฟาน มัน ยี (อายุ 23 ปี) ถูกลักพาตัวด้วยฝีมือของชายสามคนนั่นคือ ชาน มัน ลก (อายุ 34 ปี), เหลียง ชิง โช (อายุ 27 ปี) และ เหลียง ไหว หลัน (อายุ 21 ปี) โดยทั้งหมดมีอาชีพเป็นแมงดา และสาเหตุที่พวกเขาพาเธอไปยังอพาร์ทเมนต์ในแกรนวิล โลด เกิดมาจากเธอไม่สามารถใช้หนี้ได้ตามกำหนด
ฟาน มัน ยี
โดยตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 1999 ตั้งแต่ที่ ฟาน มัน ยี ถูกลักพาตัว เธอถูกทั้งสามกักขังและทำร้ายร่างกายทุกวันด้วยการตีหัวจนเลือดออก หนำซ้ำยังช่วยกันเตะตามลำตัว แล้วเอาน้ำมันและพริกมาราดบาดแผลและปากของเธอ จากนั้นก็บังคับให้เธอดื่มและกินปัสสาวะและอุจจาระ
บางก็นำเอาพลาสติกที่ละลายด้วยความร้อนไปละเลงที่ตัวอันเปล่าเปลือยของเธอ เมื่อเหยื่อเธอหมดสติก็ผูกกับขื่อนานหลายชั่วโมง จากนั้นก็เฆี่ยนเธอ เอาไฟเผาเท้าเธอ หลังจากที่กักขังมานานจนกระทั่งเดือนเมษายน 1999 เธอก็ถูกขาดใจตายในสภาพใบหน้าบวม เลือดกบปาก ร่างกายเต็มไปด้วยแผลพุพองและหนอง พอเมื่อผู้ชายพวกนี้เห็น ฟาน มัน ยี เสียชีวิตพวกเขาก็ตกใจมากและหาทางกำจัดศพ
คิดได้แบบนั้นพวกเขาเลยเอาศพของเธอไปที่อ่างอาบน้ำแล้วช่วยกันชำแหละร่างกายดังกล่าวเป็นท่อนๆ โดยมีน้ำร้อนลวกเหมือนชำแหละหมู (มีการทำให้สุกเหมือนปรุงอาหารด้วย) เครื่องในจำพวกหัวใจ ตับ ปอด และกระดูกบางส่วนถูกนำมาใส่พลาสติกที่จะถูกนำไปทิ้ง
โดย เหลียง ชิง โช รับผิดชอบในการชำแหละเครื่องในออกจากท้องของเธอ ซึ่งเมื่อเขาเห็นลำไส้ออกจากท้องก็อาเจียน ขณะที่อีกคนได้ก็ตัดหัวของเธอยัดลงไปในตุ๊กตาฮัลโล คิตตี้ โดยเอาผ้าฟ้ายออกแล้วยัดกระโหลดศีรษะเข้าไปแทน จากนั้นพวกเขาทิ้งร่างกายส่วนอื่นๆ ไปยังที่ต่างๆ ตามถังขยะ (ส่วนสาเหตุที่ยัดหัวลงตุ๊กตาคิตตี้ไม่ระบุ) นอกจากนี้ผนังในห้องยังตกแต่งใหม่เพื่อกำจัดหลักฐานด้วย
ตุ๊กตาคิตตี้ที่ใช้อำพรางศพ
หลังจากผ่านไปสองเดือนแฟนสาวของหนึ่งในสามของฆาตกรที่ฆ่าหญิงผู้ตาย ได้กลายเป็นโรคประสาท โดยบอกว่าเธอถูกผีผู้ตายเข้าสิงเธอทำให้เธอฝันร้ายตลอดคืน หลังจากเธอพูดคุยกับนักสังคมสงเคราะห์ และก็ได้แจ้งความในวันที่ 24 พฤษภาคม พร้อมทั้งได้เล่าความจริงทั้งหมดให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบว่าภายในส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงและภายในเต็มไปด้วยขยะและเศษเลือดและมีดบางส่วนเห็นได้ชัดว่ามีการฆาตกรรมที่โหดร้ายเกิดขึ้นที่นี้แน่นอน โดยเฉพาะพวกเขาพบตุ๊กตาคิตตี้ที่เปื้อนเลือดส่งกลิ่นเหม็นพิงอยู่ผนังทางเดิน หลังจากตรวจสอบพบว่ามีวัตถุแข็งอะไรบางอย่างและเมื่อเขาพบก็พบว่ามีกะโหลกศีรษะพร้อมฟัน และอวัยวะภายในบางส่วน และที่หม้อสแตนเลสและหม้อดินยังมีเศษเนื้อเน่า ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นการต้มเพื่อกำจัดศพอีกด้วย
สถานที่เกิดเหตุ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้เองต่อมาทั้งสามคนก็ถูกจับและถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเธอเสียชีวิตจากอะไร
และเมื่อเรื่องจวนตัวฆาตกรทั้งสามใช้เรื่องนี้ในการต่อสู้ในชั้นศาล โดยบอกว่าเหยื่อตายเพราะกินยาเกินขนาด และพวกเขาเชื่อว่าศาลไม่มีหลักฐานพอเอาผิดพวกเขา ซึ่งปกติแล้วหากเกิดคดีดังกล่าวที่จีนแผ่นดินใหญ่ ศาลจะตัดสินอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดถึงโทษประหาร แต่ฮ่องกงไม่มีโทษประหาร ทำให้พวกเขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และมีโอกาสที่จะถูกปล่อยตัวเมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี โดยวันที่ 6 ธันวาคม 2000
โดยผู้พิพากษาคดีนี้ก็ได้กล่าวว่า 'ไม่มีคดีไหนในฮ่องกงที่แสดงถึงพฤติกรรมของมนุษย์ที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ที่ โหดร้าย, เลวร้าย, ใจดำ, อำมหิต และน่ากลัวเท่าคดีนี้อีกแล้ว” ซึ่งคดีนี้ได้ถูกนำไปสร้างหนังเรื่อง Human Pork Shop (2001) นั่นเอง
โปรเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง Human Pork Shop (2001)
ที่มา: webboard.sanook.com