ใครว่าผู้ชายเถื่อนๆ ไม่มีหัวใจ ถึงแม้จะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นฆาตกรโหดของโลก แต่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำแห่งพรรคนาซีเยอรมัน ก็ยังมีผู้หญิงที่รักมากที่สุดถึงสองคน คนหนึ่งคือแม่ผู้ให้กำเนิด และ อีวา บราวน์ หญิงคนรักที่อยู่กับฮิตเลอร์ในเวลาที่เขาตาย
คลารา แม่ของฮิตเลอร์เป็นเพียงลูกสาวชาวนาจนๆ ไม่มีการศึกษา แต่เธอก็ทุ่มเททุกอย่างในชีวิตเพื่อลูก ความเอาใจใส่ของเธอเป็นตัวแปรสำคัญที่หล่อหลอมให้ฮิตเลอร์เป็นผู้ชายรักสะอาด เจ้าระเบียบ และมีเมตตากับสาวๆ เป็นพิเศษ จนพาลเป็นโรคแพ้ผู้หญิงไปเลย ทหารคู่ใจของฮิตเลอร์เขียนไว้ในบันทึกว่า ฮิตเลอร์เป็นพวกเจ้าชู้หน้าตาย เห็นสาวสวยเป็นต้องจีบดะ เช่น ถ้าเลขาสาวคนไหนป่วย ฮิตเลอร์จะไปเยี่ยมถึงบ้าน แต่ถ้าทหารผู้ชายป่วย ฮิตเลอร์กลับไม่สนใจ
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์และอีวา บราวน์
แต่สำหรับ อีวา บราวน์ (Eva Braun) เธอควบตำแหน่งนางบำเรอ, นกน้อยในกรงทอง, ภรรยา และคู่ทุกข์คู่ยากเพียงหนึ่งเดียวของฮิตเลอร์ไว้ครบถ้วน อีวายอมทิ้งชีวิตอิสระในโลกกว้างมาเป็นนางบำเรอในเซฟเฮ้าส์ของฮิตเลอร์ตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี เพราะรักผู้ชายคนนี้สุดหัวใจ แต่ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ของเธอไม่ได้ราบรื่นนัก อีวาพยายามฆ่าตัวตายถึงสองครั้ง เนื่องจากทนความเจ้าชู้ของฮิตเลอร์ไม่ไหว ครั้งแรกเธอยิงตัวเอง ส่วนครั้งที่สองเธอกินยานอนหลับเข้าไปถึง 35 เม็ด โชคดีว่าทหารคนสนิทของฮิตเลอร์เข้ามาช่วยไว้ได้ อีวาจึงรอดชีวิตไปจนถึงวันที่ฮิตเลอร์หมดสิ้นทุกสิ้นทุกอย่าง และต้องหลบหนีไปอยู่ในที่มั่นแห่งสุดท้าย รอเวลาที่กองทัพศัตรูจะเข้ามาประหัตประหาร
ฮิตเลอร์พยายามอ้อนวอนให้อีวาหนีไป แต่เธอเลือกที่จะตายเคียงข้างเขา ฮิตเลอร์จึงตัดสินใจที่จะตอบแทนความภักดีของสาวคนรักเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการแต่งงานกับเธอ พิธีแต่งงานที่อีวารอคอยมาชั่วชีวิต มีเพียงบาทหลวงแก่ๆ กับทหารคนสนิทของสามีร่วมเป็นสักขีพยาน แต่แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว หลังจากแต่งงานได้เพียงวันเดียว จุดจบของฮิตเลอร์กับผู้หญิงที่สละชีวิตเพื่อเขาก็มาถึง ทั้งสองกรอกยาพิษเข้าปาก จากนั้นก็นั่งพิงกันเงียบๆ อยู่บนโซฟาจวบจนนาทีมรณะเดินทางมาถึง
ทว่าประวัติเกี่ยวกับผู้หญิงของฮิตเลอร์จบลงเพียงเท่านี้ จึงไม่เคยมีใครรูเลยว่าในมุมที่ลึกที่สุดของหัวใจ ฮิตเลอร์ยังมีผู้หญิงอีกสองคนแอบซ่อนไว้อย่างลับๆ แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้การยอบรับว่าเป็นคนรักของเขา ไม่แม้แต่จะมีชื่ออยู่ในบันทึกประวัติของฮิตเลอร์ แต่เขาก็ยังคงจดจำพวกเธอไม่เคยเสื่อมคลาย ผู้หญิงคนที่สามในชีวิตของฮิตเลอร์ เป็นสาวน้อยวัยใสชื่อ เจลี่ รัวบาล (Geli Raubal) ความน่าสนใจนั้นอยู่ที่เจลี่นั้นเป็นลูกของพี่สาวต่างมารดาของฮิตเลอร์ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเข้าข่ายรักต้องห้ามนั่นเอง
ฮิตเลอร์ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาหลานสาวคนนี้เลยจนกระทั่งเขาอายุ 40 ปี เป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในพรรคนาซีแล้ว เขาได้ชวนพี่สาวมาทำงานเป็นแม่บ้านให้ และเจลี่ก็ตามแม่ของเธอมาอาศัยร่มเงาน้าชายด้วย พอเห็นความสดใสอิ่มเอิ่มเหมือนดอกไม้แรกผลิของหลานสาว งูเห่าบนหัวฮิตเลอร์ก็เริ่มออกสเต็ปทันที ฮิตเลอร์โอ๋หลานสาวคนสวยจนออกนอกหน้า ทั้งส่งเสียให้เรียน ให้เงินเดือนใช้ และยังตามใจให้เธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง ทั้งที่ปกติฮิตเลอร์ต่อต้านความฟุ่มเฟือยสุดลิ่มทิ่มประตู เนื่องจากมันขัดกับภาพลักษณ์ของพรรคนาซี ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของผู้ใช้แรงงาน ผู้บริหารทุกคนจึงต้องทำตัวสมถะให้มากถึงมากที่สุด
ตอนแรกเจลี่ยังไม่คิดจะตกร่องปล่องชิ้นกับน้าชาย เพราะสาวสวยอย่างเธอย่อมสนใจคนหนุ่มๆ มากกว่า ชายหนุ่มที่เธอมีใจให้มีชื่อว่าเอมิล เป็นองค์รักษ์ประจำตัวของฮิตเลอร์นั่นเอง ขณะเดียวกันเธอก็มีกิ๊กไว้แก้ว่างอีกหลายคน จนครั้งหนึ่งเอมิลทนเห็นภาพบาดตาขณะแฟนสาวกำลังหัวร่อต่อกระซิกกับชายอื่นไม่ได้ เลยเข้าไปประเคนกำปั้นใส่กิ๊กของเจลี่ถึงขั้นสลบ ทำให้เรื่องที่เขาแอบคบกับเธอรู้ไปถึงหูฮิตเลอร์จนได้ เปลือกนอกฮิตเลอร์ไม่แสดงอาการอะไร ทว่าในใจนั้นเดือดปุดๆ ที่คนสนิทบังอาจมาเจาะไข่แดงไก่วัดแสนสวย เลยแกล้งไม่ยอมจ่ายเงินเดือนให้เอมิล หรือบางทีก็จ่ายช้าจนอีกฝ่ายแทบไม่มีกิน เอมิลเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือแผนบีบให้เขาลาออกของเจ้านาย ครั้นเขาจะฮึดสู้ก็คงไม่แคล้วต้องเจอไข้โป้งเข้าสักวัน ในที่สุดทหารหนุ่มจึงต้องขอย้ายไปทำงานในหน่วยงานอื่น
พอทางสะดวกฮิตเลอร์ก็เดินหน้าลุยจีบเจลี่เต็มที่ ส่วนเจลี่ซึ่งติดนิสัยฟุ่มเฟือยเข้าไปเต็มเปาแล้ว ก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่ามีแต่น้าชายนี่แหละที่จะบันดาลเครื่องเพชร เสื้อผ้างามหรู และความสะดวกสบายให้เธอได้ แม่สาวน้อยร้อยชั่งจึงโอนอ่อนตามใจฮิตเลอร์แต่โดยดี แม้เธอจะเคยเล่าให้เพื่อสนิทฟังว่าฮิตเลอร์ชอบสั่งให้เธอทำอะไรที่แปลกพิลึกกึกกือ จนบางครั้งเธออยากจะอาเจียนเสียให้ได้ และก็เพราะเจลี่นี่เองที่ทำให้ฮิตเลอร์ซึ่งกำลังมีปัญหาสมรรถภาพทางเพศ หายดิบหายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ความรักของผู้ชายวัย 40 กับสาวน้อยอายุแค่ 20 ปีย่อมไม่ง่าย ยามหวานทั้งคู่จะชวนกันนั่งรถเปิดประทุนไปปิกนิค บางครั้งก็ไปดูหนัง ละครหรือโอเปร่า แต่ยามร้ายวึ่งเกิดขึ้นบ่อยมาก ทั้งคู่จะเถียงกันหน้าดำหน้าแดง ฮิตเลอร์นั้นรู้ทันนิสัยเจ้าชู้ของหลานสาวจึงไม่ชอบให้เธอออกไปเที่ยวตามลำพัง เวลาเขาต้องไปปราศรัยตามเมืองต่างๆ ฮิตเลอร์จะกักบริเวณเจลี่ไว้ในบ้าน โดยมีองครักษ์เดินยามเฝ้าราวกับมักโทษก็ไม่ปาน ถ้าเจลี่อยากจะไปงานเต้นรำโดยไม่มีเขาไปด้วย ฮิตเลอร์จะบังคับให้หลานสาวแต่งตัวมิดชิด ห้ามโชว์เนื้อหนังมังสาเป็นอันขาด แถมยังส่งลูกน้องไปคุมเธอที่งาน เจลี่จะเต้นรำกับผู้ชายหน้าไหนไม่ได้เลย ยกเว้นสองเกลออ้วนผอมขี้เหร่คู่นี้เท่านั้น
ทั้งนี้เจลี่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ อีวา บราวน์ แต่ต่างกันตรงที่อีวาเย็นเป็นน้ำ ส่วนเธอกลับร้อนเป็นไฟ อีวา บราวน์ ทนสภาพเมียเก็บที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันได้นานถึง 12 ปี แต่สำหรับเจลี่แค่ไม่ได้ออกไปเที่ยวเพียงเดือนเดียวเธอก็ไม่ไหวแล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงมีปากเสียงกับฮิตเลอร์บ่อยมาก สงครามระหว่างน้าหลานมาถึงขีดสุดในวันที่ 18 กันยายน 1931 เมื่อเจลี่อยากไปเยี่ยมญาติที่กรุงเวียนนาแต่ฮิตเลอร์ไม่ยอม ทั้งคู่จึงตะโกนใส่หน้ากันอย่างดุเดือด สุดท้ายฮิตเลอร์ตะโกนว่า "ไปยิงตัวตายซะไป๊"
พอหลานสาวเลือดร้อนได้ยินอย่างนั้น อารมณ์อยากประชดประชันก็พรั่งพรู เธอวิ่งเข้าไปในห้องนอนคว้าปืนขึ้นจ่อยิงเข้าที่หน้าอกตัวเอง จนขาดใจตายทันที นับจากวันนั้นเป็นต้นมาฮิตเลอร์ก็เลิกกินเนื้อสัตว์ เขาให้เหตุผลว่าทุกครั้งที่เขาเห็นเนื้อดิบๆ ชุ่มเลือด เขาจะนึกถึงสภาพของเจลี่ที่แน่นิ่งจมกองเลือด เลือดเนื้อถูกแรงระเบิดกระจายอยู่บนพื้น
ส่วนผู้หญิงคนสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่ในความทรงจำของฮิตเลอร์ เป็นสาวน้อยบ้านนอกที่แตกต่างจากอีวาและเจลี่โดยสิ้นเชิง ชาร์ล็อต โลบ์ฌัวเอ (Charlotte Lobjoie) เป็นเพียงหญิงชาวบ้านในแคว้นไกลปืนเที่ยงที่ชื่อนอร์ปาเดอกาแลในฝรั่งเศส ความสัมพันธ์ของทั้งสองต้องเรียกว่าเป็นแบบเปิดปุ๊บติดปั๊บ เพราะแต่ออกเที่ยวด้วยกันเพียงครั้งเดียว ฌอง มารี (Jean-Marie) ลูกชายของทั้งคู่ก็ลืมตาดูโลกในอีกเก้าเดือนต่อมา หลังจากที่ทั้งสองมีสัมพันธ์กันในค่ำคืนที่ต่างฝ่ายต่างเมากันทั้งคู่ หลังจากวันนั้นฮิตเลอร์ก็ติดต่อชาร์ล็อตเป็นครั้งคราว แต่เขาไม่เคยยอมรับว่า ฌอง มารี เป็นลูกเลย เด็กชายจึงโตขึ้นมาในสภาพลูกกำพร้าที่ถูกเด็กๆ ที่โรงเรียนกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่องที่เขาเป็นลูกไม่มีพ่อนั้น เป็นอาหาปากอันโอชะของพวกเด็กเกเรเลยทีเดียว
ชาร์ล็อต โลบ์ฌัวเอ (Charlotte Lobjoie)
พอโตเป็นหนุ่มโชคชะตาก็ชักพา ฌอง มารี เข้าสู่โลกของสงคราม เขาเข้าร่วมกับกองทัพฝรั่งเศสทำสงครามกับเยอรมัน รวมทั้งเป็นสมาชิกขบวนการฝรั่งเศสเสรี (French Resistance) เพื่อต่อต้านการรุกรานของนาซี โดยไม่รู้สักนิดว่าผู้นำฝ่ายปรปักษ์ที่เขาและเพื่อนทหารทุกคนอยากกำจัด ก็คือบิดาบังเกิดเกล้าของตัวเอง ชาร์ล็อตต้องทนฟังลูกชายเล่าถึงปฏิบัติการของเขาและเพื่อนๆ อย่างไม่สบายใจ ยิ่งลูกชายประกาศกร้าวว่าจะเด็ดหัวอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีให้จงได้ เธอก็อกสั่นขวัญแขวนด้วยว่ากลัวลูกชายอาจกลายเป็นฆาตกรฆ่าพ่อเข้าสักวัน สุดท้ายเธอจึงบอกความจริงให้ฌอง มารีรู้
ภาพวาดชาร์ล็อต
หลังจากชาร์ล็อตเสียชีวิตไปในวัยชรา ฌอง มารี ก็พบภาพวาดรูปของเธอที่วาดโดยฮิตเลอร์ ถูกเก็บไว้อย่างดีในห้องใต้หลังคา เป็นหลักฐานเพียงชิ้นเดียวที่ยืนยันความสัมพันธ์ของทั้งสอง และเป็นสิ่งที่บอกให้รู้ว่า แม้ฮิตเลอร์จะไม่ยอมรับลูกชาย แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกดีๆ ต่อชาร์ล็อตอยู่เสมอ เพราะเธอคือแม่ของลูกชายเพียงคนเดียวของเขา เธอจึงเป็นเหมือนเงาดำที่ฮิตเลอร์ไม่มีวันสลัดหลุดตลอดไป ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ที่มา: นิตยสาร LIVE และ megatopic.blogspot.com