ถ้าพูดถึงเรื่องผีแล้ว คงไม่มีใครอยากเจอเท่าไหร่นัก ยกเว้นพวกที่ล่าท้าผีที่ต้องการพิสูนจ์ความกล้าของตัวเอง ซึ่งผีแต่ละคนก็มีลักษณะแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นผีที่ดีที่ช่วยเหลืองานบ้าน (ที่เจ้าของขนหัวลุก) หรือผีร้ายที่จ้องแต่จะทำร้ายคนไปทั่ว แต่งานนี้เราก็ขอนำเสนอเรื่องของผีที่เฮี้ยนที่สุดในโลกกัน!
อันดับ 10 ปรากฏการณ์แม่มดเบลล์ (The bell witch)
ในปี ค.ศ.1817 สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อปรากฏการณ์หลอนที่มีชื่อที่สุดในอเมริกา ผู้คนทุกสารทิศพากันหลั่งไหลมาชมรวมไปถึงประธานาธิบดีอีกด้วย ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็ไม่เคยผิดหวัง เพราะทุกคนต่างได้เห็นกันทั่วหน้า ที่ว่ากันว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากหญิงชราชื่อ เคท แบทส์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวเบลล์
โดยเคทนั้นเจ็บแค้นมากเมื่อครอบครัวนี้โกงเธอในการซื้อขายที่ดิน ดังนั้นก่อนตายเคทได้สาปแช่งว่าถ้าเธอได้กลายเป็นผี ฉันจะให้พวกเธอได้เห็น และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ครอบครัวของเบลล์ก็ต้องประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นานา จากผีที่มองไม่เห็นไม่ว่าจะเป็นข้าวของแตกกระจาย เข็มทิ่มตามร่างกาย นมหกเลอะเทอะ ดึงผ้าคลุมจากเตียง การทุบตี แถมเสียงหัวเราะสยองแกล้งแบบสะใจ
แม้กระทั่งตอนที่สมาชิกในครอบครัวตาย ผีตนนี้ยังไม่วายที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์ ด้วยการหัวเราะร้องเพลงอย่างเริงร่าและดังยาวนานจนผู้ร่วมพิธีศพคนสุดท้ายออกจากงานฝังศพ
และถึงแม้ว่าทุกวันนี้ครอบครัวเบลล์จะหมดรุ่นไปแล้วเกือบ 200 ปีก็ตาม แต่ทุกวันนี้วิญญาณยังปรากฏตัวอยู่ เนื่องจากมีผู้พบเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ ภายในถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบริเวณครั้งหนึ่งที่เคยเป็นสมบัติของเบลล์
อันดับ 9 ผีที่บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์สแควร์ (50 Berkeley Square)
เรียกได้ว่าผีที่นี่เขาดุจริงๆ เพราะมันทำให้เหยื่อเคราะห์ร้ายต้องสังเวยให้กับมัน แม้ไม่มีใครทราบที่มาแต่หลายคนต่างโดนมันฆ่า หากใครก็ตามที่มานอนพักบ้านร้างหลังนั้น อย่างเช่นในปี 1887 กะลาสีสองคนชื่อเอ็ดเวิร์ด บลันเดน และ โรเบิร์ต มาร์ติน ได้อาศัยบ้านหลังนี้พักชั่วคราวและต่อมากลางคืนบลันเดนก็พบเห็นผีและสู้กับมัน ส่วนมาร์ตินหนีออกมาเพื่อแจ้งตำรวจและเมื่อกลับมาก็พบบลันเดนตายอยู่บันไดชั้นล่างในสภาพคอหัก ดวงตาเบิกโพลง นอกจากนั้น จอร์จ แคนนิ่ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็โดนด้วยและเสียชีวิตในปี 1827 ปัจจุบันคนละแวกแถวนั้นมักตกใจเสียงทุบและเสียงกระแทกปึงปังในบางคืน
ฟังดูแล้วคงต้องเป็นผีที่ห่วงบ้านสุดๆ แน่
อันดับ8 บ้านอมิตี้วิลล์ (Amityville House)
บ้านอมิตี้วิลล์ โอนอเวนิว เป็นบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล หน้าตาเหมือนโรงนาทรงสูงที่ที่สวยงามมากหลังหนึ่ง ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่เมื่อ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 ได้เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่ง จากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็นบ้านผีดุไปในบัดดล
โดยเรื่องที่โด่งดังที่สุดคือกรณีของครอบครัวของ จอร์จ ลัทซ์ ที่อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็น เสียง รอยเท้า ผีอำ ฯลฯ นอกจากนั้นไม่ว่าใครหน้าไหนเอา เรื่องนี้มาแต่งเป็นนิยายหรือทำเป็นหนังล่ะก็จะโดนคำสาป ซึ่งเห็นได้จากว่าเคยมีคนนำเรื่องอมิตี้วิลล์มาสร้างหนังปรากฏว่าหลายคนในกองถ่ายต่างประสบเคราะห์กรรม ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ เจ็บไข้ ได้ป่วย หรือแม้กระทั่งตายอย่างลึกลับ ที่ปัจจุบันเราสามารถหาดูเรื่องนี้จากหนังเรื่องผีทวงบ้าน ดังนั้นระวังจะโดนคำสาบ!
อันดับ 7 เดอะ ฟลายอิ้ง ดัชท์แมน (Flying Dutchman)
เดอะ ฟลายอิ้ง ดัชท์แมน คือชื่อของเรือปีศาจที่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ ในทั่วโลกมาแล้วหลายร้อยปี โดยเดิมคือเรือลำนี้เป็นของกัปตัน Van Der Decken ที่มีนิสัยค่อยจะไม่ดีสักเท่าไหร่
โดยเขาได้หายสาบสูญที่แหลม Good Hope ก่อนหายได้ตะโกนขึ้นว่า "ข้าจะยังคงวนเวียนอยู่ที่แหลมแห่งนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องล่องเรือจนถึงวาระสุดท้ายของโลกก็ตาม" และนับจากนั้นเป็นต้นมาผู้คนทั่วโลกก็พบเรือปีศาจแบบนี้ และว่ากันว่าเรือใดที่เห็นเรือปีศาจนี้จะต้องรับความพินาศ โดยในปี 1881 คนประจำเรือเจ้าชายจอร์จที่ 5 เห็นเรือนี้ จากนั้นไม่นานพวกเขาก็พลัดตกเสากระโดงเรือเสียชีวิต และทุกวันนี้ก็ยังมีคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่าเห็นเรือ ฟลายอิ้ง ดัทช์แมน ยังคงรอนแรมอยู่เดียวดายกลางทะเลด้วยรูปลักษณ์อันเศร้าโศกและสยดสยอง ริชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีชื่อก้องโลกก็ได้อาศัยตำนานปีศาจนี้มาแต่งอุปรากรที่มีชื่อว่า Der Fliegende Hollander
อันดับ 6 วิญญาณที่โบลถ์บอร์ลีย์ (Borley Rectory)
เมื่อปี ค.ศ.1362 นักบวชนิกายเบเนดิกทีนและแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้น ถูกพ่อมด หมอผี และชาวบ้านที่งมงายจับสองคนไปฆ่า โดยนักบวชถูกแขวนคอ ส่วนแม่ชีถูกฝังทั้งเป็นภายในผนังของสำนักชี ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นโบสถ์แห่งบอร์เลย์ในปี 1863 และหลังจากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็เกิด ขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นก้อนหินที่ขว้างไปโดยไม่รู้ที่มา รอยเท้าประหลาด เสียง และภาพหลอนที่ถึงขนาดปรากฏตัวในตอนกลางวันแสดๆ กันเลยทีเดียว โดยในปี 1929 ก็ได้ปรากฏตัวถี่ขึ้นและเริ่มเห็นเต็มตัวโดยในลักษณะแต่งกายเป็นชีและท่าทางใบหน้าเศร้าหมองร้องขอให้มีผู้พบศพเธอเพื่อประกอบ พิธีทางศาสนา และเมื่อมีผู้ถ่ายรูปเธอออกมาเพียบจนกระทั่งคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 ก็เกิดเพลิงไหม้ตอนเที่ยงคืนและเผาโบสถ์จนเหลือเพียงซาก และโบสถ์ก็โดนทุบทิ้งจนผีไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย ซึ่งคาดว่าร่างของแม่ชีคนนั้นได้ถูกเผาและสู่สุคติแล้ว
อันดับ 5 วิญญาณสีชาด
วิญญาณสีชาดตนนี้ไม่มีที่มา แต่มันสำแดงตนเสมอในช่วงเปลี่ยนกษัตริย์ของฝรั่งเศส โดยเป็นร่างของชายสูงใหญ่ใส่เสื้อคลุมสีชาด มีเครายาวสีชาดเช่นกัน ซึ่งร่างนี้ได้ไปปรากฏต่อพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในคืนที 13 พฤษภาคม 1610 ในห้องพระบรรทมของกษัตริย์เฮนรีเลยทีเดียว แล้วมันก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า "พรุ่งนี้เจ้าจะต้องตาย" พระองค์ตกใจมากและรีบเรียกตัวขุนนางผู้ใหญ่มาหารือเพื่อหาทางแก้ไข แต่ในอีก 12 ชั่วโมงต่อมา เฮนรีก็ถูกผลักตกจากบัลลังก์จริงตามคำพยากรณ์ เพราะฟรองซัวราวิลแย็คได้ทำการรัฐประหาร นอกจากนี้วิญญาณตัวนี้ยังสำแดงตนให้นโปเลียน โปนาปาร์ตเห็นถึง 4 ครั้ง และในครั้งที่ 4 นั้นคือคืนวันที่ 5 พฤษภาคม 1821 ซึ่งเป็นวันที่นโปเลียนเสียชีวิตนั้นเอง
อันดับ 4 ผีชุดขาวแห่งเบอร์ลิน (Ghost White of The Berlin)
ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของ อันนา ซิโดว์ ภรรยาลับของกษัตริย์โจอาคิมที่ 2 ในศตวรรษที่ 16 ที่ถูกจับขังจนถึงแก่กรรม ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นวิญญาณหญิงสีขาวเมื่อไร คนในราชวงศ์นั้นจะประสบเคราะห์กรรม เช่นปี 1619 มหาดเล็กของกษัตริย์จอร์น ซิกมุนด์เห็นร่างสีขาวก่อนที่จะตายโดยอุบัติเหตุ จากนั้นกษัตริย์จอห์น ซิกมุนด์ก็สวรรคต และนอกจากนั้นกษัตริย์หลายพระองค์ก็เห็นวิญญาณนี้ปรากฏที่รัสเซีย ปารีส และครั้งสุดท้ายที่ปรากฏคือวันที่ 29 เมษายน 1945 ซึ่งเป็นวันล่มสลายของนาซีเยอรมันที่เบอร์ลินพอดี!
แต่ก็นับว่าเป็นวิญญาณที่เดินทางได้ไกลมาก... เพราะไปทั้งรัสเซียและปารีส
อันดับ 3 วิญญาณที่เรือควีนแมรี่ (Queen Mary)
ควีนแมรี่เป็นเรือใหญ่มากลำหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ ซึ่งเคยถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกปลดระวางในปี 1967 เพื่อนำไปทำโรงแรม ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่าถ้าใครตายในเรือแมรี่มีอันต้องเป็นผีเฝ้าเรือทุกตน โดยมีผู้พบเห็นผีนี้ตามจุดทั่วเรือในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าที่เปียกน้ำ เด็กน้อยตามหาแม่และหายตัวไปต่อหน้า หรือแม้แต่สตรีในชุดราตรีโบราณ
อันดับ 2 วิญญาณของพระนางแคทเธอรีน โฮวาร์ด (Catherine Howard)
แม้พระนางจะโดนสำเร็จโทษหลังอภิเษกกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้เพียง 8 เดือน ไปตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1542 แล้วก็ตาม ระเบียงของพระราชวังแฮมตัน คอร์ท พาเลส ของทุกๆ วันนี้ยังมีเสียงร้องโหยหวนในยามดึกเสมอ นอกจากนี้ยังสิงสู่อยู่ที่อีธอร์น มาเนอร์ ฮอลลิงบอร์น เค้นท์ด้วย
อันดับ 1 วิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn the headless Queen)
อันดับหนึ่งของงานนี้ก็มีต้นเหตุจากพระเจ้าเฮนรีที่ 8 อีกครั้ง เพราะเมื่อพระนางแอนน์ โบลีน พระมเหสีองค์ที่สองถูกสำเร็จโทษ 19 พฤษภาคม ปี 1536 โดยก่อนตายนางกล่าวว่า "โอ้ ความตายนำข้าให้หลับใหล พาข้าให้พักอย่างเงียบสงัดนำข้าไปสู่ที่สุดแสนจะเงียบงันออกไปจากอกของข้าที่ห่วงหาอาทร ย่ำระฆังความตายที่เศร้าสร้อยปล่อยให้มันก้องกังวาน"
และว่ากันว่าวิญญาณของพระนางจะกลับมาที่ บลิคลิง ฮอลล์ ในนอร์ฟอล์ค ซึ่งเป็นวันครบรอบที่พระนางถูกสำเร็จโทษ โดยสถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ที่พระนางเคยใช้ชีวิตในวัยเยาว์จึงผูกพันเป็นพิเศษ ซึ่งมีรายงานปรากฏวิญญาณของพระนางไปยังสถานที่ประสูติไม่ว่างเว้น โดยผู้คนมักเห็นร่างของหญิงสูงศักดิ์ปราศจากศีรษะ นั่งอยู่ในรถม้าที่ลากโดยม้าที่ปราศจากหัวสี่ตัว และคนขับซึ่งไม่มีหัวเช่นกัน รถม้าจะวิ่งช้าๆ ไปยังอาคารโบราณที่บลิงตันและหายลับไปยังประตูหน้า
นอกจากนี้พระนางยังปรากฏอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอนอีกด้วย โดยผู้ใดที่อยู่ตรงข้ามพระนางจะพลอยได้พบหายนะไปด้วย เพราะใครที่พบเจอคนนั้นอาจหัวใจวายตายในเวลาไม่นานหรือไม่ก็เสียสติ
ที่มา: funny.hunsa.com