ขอบคุณที่ถูกจับได้ ฆาตกรต่อเนื่องสุดสยอง
2014-07-15 10:32:35

          ขึ้นชื่อว่าเป็นฆาตกรยังไงก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับใครหลายคน ยิ่งเป็นพวกฆาตกรต่อเนื่องที่ยังลอยนวลก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนคนนั้นจะใช่ฆาตกรสุดโหดจริงหรือเปล่า แต่ก็มีฆาตกรบางคนที่ไม่คิดว่าจะก่อคดีสะเทือนขวัญจริงๆ

 

 

Katherine Knight เอาสามีมาทำเป็นอาหาร

 

 

          Katherine Knight มีประวัติความของความเสียสติมาอย่างยาวนาน เรื่องเริ่มจากที่เธอพยายามฆ่ารัดคอสามีคนแรกในคืนวันแต่งงานของทั้งคู่ เนื่องจากไม่พอใจที่คืนนั้นเขามีเพศสัมพันธ์กับเธอ แต่ 3 รอบก่อนจะผล็อยหลับไป ซึ่งต่อมาหลังจากที่เขาทิ้งเธอไป Knight ก็เอาลูกสาววัยทารกของทั้งคู่ไปปล่อยไว้บนทางรถไฟ ซึ่งนับว่าโชคดีที่ทารกถูกคนจรจัดช่วยเอาไว้ได้ก่อนจะเกิดเหตุอะไรขึ้น แล้วหลังจากนั้นเธอก็บุกเข้าไปในเมืองแล้วข่มขู่คนที่ผ่านไปผ่านมาด้วยขวาน

          ไม่ใช่แค่นั้นเพราะหลังที่เธอบุกก็ได้ไปฟันหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วบังคับให้ผู้หญิงคนนั้นขับรถพาเธอไปที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนจะจับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งเป็นตัวประกัน จนกระทั่งตำรวจมาถึงและจับตัวเธอไว้ได้ ทว่าเรื่องราวสุดสยองจริงๆ ของเธอเริ่มต่อจากนี้ต่างหาก

          Knight ได้พบกับ John Price ผู้ซึ่งมีลูกชายติดมาด้วย 3 คน ทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันทั้งๆ ที่นาย John คนนี้ก็รู้ประวัติที่ผ่านมาของเธอเป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าไม่น่าแปลกที่ต่อมาเขาก็ไล่เธอออกจากบ้านแล้วขอคำสั่งศาลคุ้มครอง รวมถึงบอกเพื่อนที่ทำงานไว้ด้วยว่า ถ้าวันไหนเขาไม่มาทำงานอาจจะเป็นไปได้ว่าเขาถูกฆ่าไปเรียบร้อยแล้ว แต่หลังจากนั้นเขากลับทำเรื่องไม่เข้าท่าด้วยการยอมให้เธอกลับมาอยู่ในบ้านอีกครั้ง ซึ่งก็เข้าทาง Knight พอดี John ต้องจ่ายค่าความประมาทนี้ด้วยชีวิตของเขาเอง เมื่อเขาถูกเธอแทงด้วยมีดถึง 37 แผล และเมื่อเขาไม่โผล่ไปทำงานในวันถัดไป เพื่อนของเขาจึงโทรเรียกตำรวจ ซึ่งเดินทางไปยังบ้านของเขาและได้พบกับร่างไร้ศีรษะของ John ที่ถูกถลกหนังออกไปด้วยนอนอยู่บนพื้นในห้องนั่งเล่น

          โดย Knight ได้ห้อยผิวหนังที่ถูกถลกออกมาของ John ไว้ที่ตะขอขนาดใหญ่ตรงประตูทางเข้า ส่วนหัวของเขาถูกต้มอยู่ในหม้อ และเนื้อบางส่วนจากบั้นท้ายของเขาก็ถูกนำมาทอดในกระทะพร้อมกับผักและราดน้ำเกรวี่ ทั้งหมดนี้ถูกจัดไว้ในจาน 2 ใบพร้อมกับป้ายชื่อที่แสดงว่า เมนูสุดสยองนี้เตรียมไว้ให้กับลูกชาย 2 คนของ John

          และแน่นอนว่าต่อมา Katherine Knight ถูกตัดสินว่าผิดจริง และได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต

 

 

Russell Williams ขโมยชุดชั้นในผู้หญิงและบันทึกเทปการฆาตกรรม

 

 

          Russell Williams เป็นพันเอกในกองกำลังของประเทศแคนาดา แต่กลับมีนิสัยโรคจิตชอบแอบเข้าไปในบ้านของเพื่อนหรือคนใกล้บ้านที่มีลูกสาวอายุน้อย ก่อนจะไปเอาชุดชั้นในเด็กสาวเหล่านั้นมาใส่เพื่อถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วทำการสำเร็จความใคร่ทิ้งไว้ให้ดูรอบห้อง ซึ่งเขาก็ทำแม้กระทั่งพิมพ์ข้อความลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเด็กอายุ 12 ปีคนหนึ่งที่เขาบุกเข้าไปในห้อง เพื่อขอบคุณสำหรับห้องของเธอ

Williamsได้ทำการขโมยชุดชั้นในผู้หญิงกว่า 80 ครั้ง โดยเขามักจะแอบบุกเข้าไปในบ้านทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านยังอยู่และไม่ทันรู้ตัว อีกทั้งเขายังเก็บและจัดเรียงรูปถ่ายทั้งหมด ที่เป็นภาพของเขาในชุดชั้นในผู้หญิงไว้เป็นอย่างดีในห้องใต้ดินที่บ้าน

 

 

          และแล้วในตอนนั้นเองที่นาย Williams ได้ตัดสินใจยกระดับตัวเองจากคนโรคจิตชอบขโมยชุดชั้นในธรรมดาๆ ไปเป็นการลักพาตัวและฆาตกรรม เขาบุกเข้าไปในบ้านของผู้หญิง 2 คน มัดพวกเธอไว้แล้วบังคับให้โพสท่าถ่ายรูปสำหรับเก็บไว้ในคอลเลคชันของเขา หลังจากนั้นเขาก็บุกเข้าไปในบ้านของสิบตรีหญิงคนหนึ่งที่เขาเคยเจอระหว่างทำงาน ก่อนจะทุบตีเธอด้วยไฟฉายและฆาตกรรมเธออย่างเหี้ยมโหด และที่น่ากลัวกว่าคือเขาถ่ายวิดีโอเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ด้วย

          และสุดท้าย Williams ได้ลักพาตัวหญิงอีกคนหนึ่งและพาเธอไปยังกระท่อมที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ เขาคุกคามเธออยู่ทั้งวันก่อนที่จะฆ่าเธอด้วยไฟฉายกระบอกเดียวกันกับก่อนหน้านี้ และเป็นอีกครั้งที่เขาถ่ายวิดีโอเหตุการณ์ฆาตกรรมยาวกว่า 4 ชั่วโมงเอาไว้ด้วย นอกจากนั้นเขายังถ่ายภาพเอาไว้และเก็บเสื้อผ้าบางชิ้นกลับไปด้วย จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้รับฉายาเป็น “ชาวแคนาดาที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์”

          แต่ก็ยังโชคดีที่มีผู้สังเกตเห็น Williams แถวๆ บ้านเหยื่อรายสุดท้ายก่อนที่เธอจะหายตัวไป ทำให้ตำรวจสามารถตามจับตัวเขาได้โดยใช้การจับคู่รอยล้อรถและรอยรองเท้าของเขากับของที่พบในที่เกิดเหตุ เขาสารภาพผิดทุกอย่างและถูกตัดสินให้ถูกจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งเป็นที่ๆ ไม่นานมานี้เขาก็พยายามฆ่าตัวตายด้วยการกลืนม้วนกระดาษชำระเข้าไป ส่วนทางกองทัพแคนาดาก็ทำการถอดยศของเขาทั้งหมดและเผาชุดเครื่องแบบของเขาเสีย

 

 

Robert Pickton เศรษฐีฟาร์มหมูฆ่าคนให้หมูกิน

 

 

          Robert Pickton เป็นเศรษฐีเจ้าของธุรกิจฟาร์มหมูใน British Columbia เขาได้ทำการฆาตกรรมโสเภณีจำนวนประมาณในช่วง 50 คน จากในพื้นที่แถบแวนคูเวอร์ ตัดร่างกายออกเป็นชิ้นๆ แล้วเอาให้หมูกิน

          โดยการกระทำของ Pickton จะขับรถไปรอบๆ พื้นที่ที่มีโสเภณีอยู่มากในแถบแวนคูเวอร์ หลอกล่อผู้หญิงเหล่านั้นกลับไปที่ฟาร์มของเขาโดยสัญญาว่าจะให้เงินและยาเสพติด แล้วหลังจากนั้นก็ฆ่าผู้หญิงเหล่านั้นอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะแยกส่วนร่างกายของเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปกำจัดด้วยวิธีแสนบรรเจิดของเขา

          ซึ่ง Pickton ไม่ได้เพียงนำชิ้นส่วนร่างกายไปเหยื่อไปเป็นอาหารให้กับหมูเท่านั้น เขายังเก็บส่วนของศีรษะ มือ และเท้าของเหยื่อบางคนไว้ในตู้เย็น ในขณะที่เหยื่อบางคนก็ถูกเอาไปบดในเครื่องสับไม้ และจากการสืบสวนยังพบอีกว่า มีเป็นไปได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่เขาทิ้งชิ้นส่วนของเหยื่อบางคนลงไปปะปนกับชิ้นส่วนของหมูที่ไม่ได้ใช้ (เช่นเครื่องใน เลือด หรือกระดูก) แล้วนำไปขายให้กับโรงงานต่างๆ ทั่วแวนคูเวอร์เพื่อนำไปใช้ทำลิปสติก แชมพู หรือสบู่

          ซึ่งในจุดนี้เอง ทำให้เขาไม่ได้น่ากลัวแค่เพราะเป็นฆาตกรต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังน่ากลัวตรงที่เขายังเอาความชั่วร้ายของเขาไปแจกจ่ายเสียทั่วให้กับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกด้วย

          ระหว่างนั้นเอง หน่วยตำรวจประจำแวนคูเวอร์ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้หญิงที่หายตัวไปสักนิด เนื่องจากผู้หญิงที่หายไปทั้งหมดนั้นเป็นคนติดยา และอาจจะร่อนเร่ออกจากเมืองไปเองหรือไม่ก็เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดไปแล้ว ถึงขนาดมีการไล่นักสืบที่เสนอว่า อาจจะมีฆาตกรต่อเนื่องอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม มีเหยื่อของ Pickton คนหนึ่งที่หนีออกมาได้ในสภาพที่เลือดท่วมตัวจากการถูกแทงหลายแผล แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อหาอะไรให้เขา เนื่องจากในตอนนั้น Robert Pickton ได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐีนั่นเอง

          แต่แล้วในที่สุด Pickton ก็ถูกนำตัวไปตัดสินโทษ เมื่อคนงานของเขาไปพบหลักฐานเข้าเต็มๆ ซึ่งนำไปสู่การสืบสวนอย่างเต็มรูปแบบ เขาได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ในระหว่างนั้นทางการแคนาดาก็ออกมาปลอบขวัญเหล่าประชาชนที่กำลังแตกตื่นว่าตัวเองอาจจะรับประทานหมูที่กินเนื้อคนเป็นอาหารเข้าไปโดยไม่รู้ตัว โดยการยืนยันว่าปกติแล้วหมูที่ถูกนำมาทำอาหารก็จะได้รับการปรุงจนสุกอยู่แล้ว ทำให้โอกาสที่คนกินจะติดเชื้อจากฆาตกรหรือเหยื่อแทบจะไม่มีเหลือเลย อย่างไรก็ตามคนฟังก็คงไม่ได้สบายใจขึ้นอยู่ดี

 

 

Nannie Doss วางยาคนในครอบครัว

 

 

          Nannie Doss เป็นคุณยายที่ชอบพิษสารหนูเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้เธอจึงใช้มันในการวางยาสมาชิกในครอบครัวทุกคน ก่อนที่จะถูกจับได้และสารภาพเรื่องราวทั้งหมดอย่างสุภาพพร้อมกับหัวเราะคิกคักไปด้วย ทำให้เธอได้รับฉายาว่า “คุณยายผู้หัวเราะ” (The Giggling Granny) โดยก่อนที่เธอที่ถูกจับได้นั้น เธอได้ทำการฆ่าแม่ของเธอ น้องสาว 2 คน ลูกสาว 2 คน ลูกของพี่น้อง หลานชาย และสามีอีก 4 คน อย่างไม่มีสาเหตุ

          และสิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ การที่เธอได้ทำการฆ่าคนในครอบครัวมาอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีใครจับได้เลย ถึงแม้ว่าสามีคนแรกของเธอ Charley จะเริ่มสงสัยเมื่อลูกสาว 2 คนของพวกเขาเสียชีวิตจากอาการอาหารเป็นพิษ แต่เขาก็หนีไปกับลูกสาวคนโตที่เหลือโดยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เขาเลยรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด

          ต่อมา Doss แต่งงานใหม่และอยู่กับ Frank สามีคนที่ 2 เป็นเวลานานถึง 16 ปี ซึ่งระหว่างนี้เองเธอก็ฆ่าหลานชายที่เพิ่งเกิดโดยใช้ปิ่นแทงกะโหลกศีรษะ และฆ่าหลานชายที่โตแล้วอีกคนด้วยการวางยาพิษ ส่วน Frank ซึ่งเป็นพวกขี้เหล้าก็ถูกวางยาด้วยเช่นกัน

          จากนั้น Doss ก็แต่งงานใหม่อีก 3 หน และสามีทั้ง 3 คนก็เสียชีวิตอย่างลึกลับ เธอทำแม้กระทั่งฆ่าแม่ของสามีคนที่ 3 หลังจากฆ่าเขาสำเร็จ จากนั้นก็เผาบ้านทิ้ง โดยในระหว่างการแต่งงานครั้งที่ 4 และที่ 5 เธอก็ย้ายเข้าไปอยู่กับน้องสาวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งต่อมาเธอก็วางยาฆ่าน้องสาวอีกเช่นเคย และถึงจะมีคนรอบตัวเธอเสียชีวิตไปมากขนาดนี้ก็ยังไม่มีใครสงสัยอยู่ดี

          จนในที่สุด กว่าเธอจะถูกจับได้ก็ถึงตอนที่เธอวางยาสามีคนที่ 5 ซึ่งผิดพลาดไปหน่อยเพราะเขาไม่เสียชีวิตทันทีแต่กลายเป็นป่วยหนักทำให้ต้องไปเข้าโรงพยาบาลอยู่ 3 อาทิตย์แทน ซึ่งหลังจากเขากลับมาบ้าน Doss ก็ไม่ยอมทำพลาดอีก เธอจึงวางยาเขาโดยสารหนูปริมาณพอที่จะฆ่าคนได้ 20 คน ตอนนั้นเอง ที่แพทย์ของโรงพยาบาลเกิดสงสัยขึ้นมาจึงสั่งให้มีการชันสูตรศพและทำให้รู้ในที่สุดว่า เขาตายเนื่องจากถูกวางยา

          ตำรวจจึงได้สอบสวน Doss ซึ่งเธอก็รับสารภาพในทันที โดยที่หัวเราะไปด้วยตลอดการสัมภาษณ์ในขณะที่ยอมรับว่าฆ่าคนในครอบครัวไปทั้งหมด 11 คน ถึงขนาดตอนที่เธอกำลังถูกส่งขึ้นรถไปเรือนจำเพื่อรับโทษจำคุกตลอดชีวิต เธอก็ยังยิ้มแย้มและบอกกับนักข่าวไปว่า ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลยกับผลที่ตามมา

 

 

ที่มา: Cracked และ everyday-readers.com


Admin : Maimai
view
:
2554

Post
:
2014-07-15 10:32:35


ร่วมแสดงความคิดเห็น