อุปกรณ์ของหลายๆ อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ดูทันสมัยจนคิดว่ามันเกิดขึ้นในยุคนี้ตามกาลเวลา เพราะแทบทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่เทคโนโลยีที่ต้องพัฒนาเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่เชื่อหรือไม่ว่ากลับมีของบางอย่างเห็นแบบนี้มีอายุยาวนานกว่าที่คิด

เครื่องส่งแฟกซ์

          สำหรับเดี๋ยวอาจจะรู้จักเครื่องส่งแฟกซ์ว่าเป็นอุปกรณ์สำนักงานเก่าๆ ที่ถูกตั้งทิ้งไว้และไม่มีใครใช้กันแล้ว แต่สำหรับบางคน (ที่แก่พอ) อาจจะจำกันได้อยู่ว่า มีสมัยหนึ่งที่เครื่องแฟกซ์เป็นสุดยอดนวัตกรรมที่ช่วยให้เรารับส่งเอกสารได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอส่งไปรษณีย์ ซึ่งจะว่ากันจริงๆ แล้วถึงจะเหมือนนานแต่มันก็เพิ่งไม่กี่ปีมานี่เอง

          แต่คุณอาจจะไม่รู้ว่า เครื่องส่งแฟกซ์เครื่องแรกถูกคิดค้นขึ้นมาในปี ค.ศ.1843 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนจะมีโทรศัพท์เสียอีก (โทรศัพท์เครื่องแรกจดสิทธิบัตรในปี ค.ศ.1876) ซึ่งเจ้าเครื่องส่งแฟกซ์ถูกคิดค้นขึ้นโดยนักประดิษฐ์ชาวสกอตแลนด์ที่ชื่อ Alexander Bain ในช่วงยุคของสงครามกลางเมือง เขาเป็นนักประดิษฐ์ที่เคยจดสิทธิบัตรนาฬิกาแบบใช้ไฟฟ้าเครื่องแรก นอกจากนั้นเขายังชอบเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงมีส่วนร่วมในการทำให้เกิดสายโทรเลขระหว่างทางรถไฟขึ้น

Alexander Bain

          และในตอนนั้นเทคโนโลยีโทรเลขไฟฟ้ายังใหม่มาก แต่ Bain ก็มองเห็นว่า ถ้าเครื่องมือนี้สามารถส่งสัญญาณเสียงไปได้ มันก็น่าจะส่งรูปภาพไปได้ด้วย และก่อนที่จะมีใครอธิบายให้เขาฟังว่า เรื่องเสียงกับเรื่องภาพมันไม่เห็นจะเกี่ยวกันสักนิด เขาก็เปลี่ยนนาฬิกาไฟฟ้าของเขาให้กลายเป็นเครื่องแสกนและส่งต่อไปยังระบบโทรเลข ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เขาทำได้สำเร็จและได้ผลงานหน้าแบบนี้ออกมา

          ต่อมาในปี ค.ศ.1899 สำนักงานหนังสือพิมพ์ก็เริ่มใช้งานเครื่องนี้ และถึงแม้ในการส่งภาพแต่ละภาพไปจะใช้เวลา 20-30 นาที แต่ก็ยังเร็วกว่าให้คนขี่ม้าเอาไปส่งปลายทางมากๆ

เครื่องคิดเลขแบบดิจิตอล

          เครื่องมือสุดโปรดของโลกในการใช้โกงเวลาคิดเลข ซึ่งเราก็เข้าใจกันว่าเครื่องคิดเลขแบบดิจิตอลนี้น่าจะอยู่มานานพอสมควร แต่ที่คุณอาจจะไม่รู้คือ เครื่องที่ว่านี้อยู่มานานกว่าที่เราเข้าใจมากๆ เพราะมันถูกคิดค้นขึ้นใน ปี ค.ศ.1640 แน่ะ!

          ซึ่งในยุคศตวรรษที่ 17 คนทั้งโลกกำลังยุ่งอยู่กับการรับมือกับเชื้อโรคระบาดต่างๆ ที่ทำให้เราล้มตายกันไปมากมาย แต่มีชายผู้หนึ่งซึ่งไม่สนใจความเป็นไปของโลก และตัดสินใจจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมา และเขาคนนั้นคือ Blaise Pascal ชาวฝรั่งเศส ตอนที่เขาอายุได้ 16 ปี ก็เข้าใจการทำงานและกลไกเรื่องความดันอากาศและสุญญากาศเป็นอย่างดี เขาตั้งใจจะทำของขวัญให้กับพ่อของเขาซึ่งเป็นนักบัญชีคำนวณภาษี แต่แทนที่จะให้ของธรรมดาๆ อย่างพวกงานศิลปะหรืองานฝีมือ เขาตัดสินใจสร้างเครื่องมือช่วยคิดเลขให้กับพ่อของเขาแทน

Blaise Pascal

          หลังจากการค้นคว้าและลองผิดลองถูกอยู่สักพัก เขาก็สร้างเครื่องคิดเลขจักรกลเครื่องแรกของโลกได้เป็นผลสำเร็จ ในชื่อว่า Pascaline

          ซึ่งเจ้า Pascaline คำนวณเลขโดยใช้ฟันเฟืองภายในตัวเครื่องในการบอกคำตอบ ในทางเทคนิคแล้ว เครื่องนี้ใช้ได้เฉพาะการบวกเท่านั้น แต่ความจริงแล้วมันสามารถทำการลบ คูณ และหารได้อย่างครบถ้วน นอกจากนั้นมันยังถูกประดิษฐ์มาให้ใช้กับงานคำนวณเงินโดยเฉพาะ โดยสามารถตั้งค่าให้มันคำนวณค่าเงินของอังกฤษหรือฝรั่งเศสก็ได้

          ซึ่ง Pascal ได้สร้างเครื่องคิดเลขแบบนี้อีกประมาณ 50 อัน โดยตั้งใจจะเอาไว้ขาย แต่มันก็ไม่เคยถูกขายออกไปเนื่องมาจากเทคโนโลยีนี้ยังใหม่เกินไปสำหรับคนในยุคนั้น จนถึงตอนนี้เครื่องคิดเลขนี้ก็ยังคงมีอยู่ตามพิพิธภัณฑ์

คอนแทคเลนส์

          ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของร่างกาย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่นักวิทยาศาสตร์จะทำการทดลองมากมายเกี่ยวกับดวงตา และบางครั้ง ความพยายามก็เป็นผล ตั้งแต่ปี ค.ศ.1971 ที่คอนแทคเลนส์ได้รับการรับรองว่าปลอดภัย มันก็มีส่วนช่วยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่มีปัญหาสายตาแต่ไม่อยากจะใส่แว่น

          แต่ความจริงแล้ว อุปกรณ์ที่ดูทันสมัยนี้ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1888 ยุคเดียวกับตอนที่ฆาตกรชื่อดัง Jack the Ripper ออกล่าเหยื่อ ซึ่งคอนแทคเลนส์ถูกคิดค้นขึ้นโดย Adolf Fick นักประดิษฐ์ชาวเยอรมันผู้มาจากครอบครัวที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ละคนเป็นผู้บุกเบิกในด้านต่างๆ และสำหรับเขาก็เลือกให้ความสนใจไปทางด้านโรคเกี่ยวกับตา

Adolf Fick

          โดยคอนแทคเลนส์ต้นแบบที่ Fick คิดค้นขึ้นมา เป็นเลนส์ขนาดใหญ่ที่ทำจากกระจกสีน้ำตาล แน่นอนว่ามันสวมใส่ไม่สบายเลยสักนิดและใส่ได้เพียงครั้งละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่คนใส่จำต้องถอดออกเพราะความเจ็บปวด แต่ Fick ก็ยังทดสอบสิ่งประดิษฐ์ของเขากับกระต่ายต่อไป จากนั้นก็สร้างต้นแบบขึ้นโดยอ้างอิงจากลูกตาของศพมนุษย์ จากนั้นจึงนำมาทดลองใส่เอง แล้วหลังจากการทดลองใส่เป็นเวลา 2 ชั่วโมง คอนแทคเลนส์ต้นแบบก็พร้อมถูกสวมใส่โดยอาสาสมัคร 6 คน ซึ่งได้กลายเป็นคนกลุ่มแรกในโลกที่ได้ใส่คอนแทคเลนส์

          ถึงแม้ว่าคอนแทคเลนส์ของเขาจะใช้งานได้จริง แต่เพราะการใช้งานที่ยุ่งยากและใส่ไม่สบาย ทำให้ในปี ค.ศ.1902 เขาก็ล้มเลิกงานวิจัยของเขาไปและไม่มีใครสนใจเทคโนโลยีนี้อีก จนถึงช่วงปี ค.ศ.1930 ที่เรามีเทคโนโลยีที่ดีพอจึงได้มีการพัฒนาคอนแทคเลนส์ต่อ และเมื่อถึงปี ค.ศ.1937 แค่ในประเทศอเมริกาที่เดียวก็มีการใช้คอนแทคเลนส์กว่า 4,000 คู่ แต่กว่าที่เลนส์พวกนี้จะมีราคาถูกพอที่เราจะซื้อใช้กันได้ทั่วไปก็เพิ่งไม่นานมานี้นี่เอง

เครื่องมือตรวจจับแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว

          เราอยู่ในโลกที่มีโอกาสจะเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือหายนะทางธรรมชาติที่เกี่ยวกับพื้นดินอื่นๆ ที่อาจจะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้จนหมด ดังนั้นเครื่องมือตรวจจับแผ่นดินไหวอาจจะเป็นอุปกรณ์เพียงอย่างเดียวที่ช่วยชีวิตเราได้ก่อนเกิดอะไรขึ้น

          ในขณะที่เครื่องมือตรวจจับแผ่นดินไหวแบบที่ใช้กันในยุคใหม่เกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1880 เครื่องมือแบบนี้อันแรกกลับเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นนานมากๆ นั่นคือ

          ปี ค.ศ.132 ซึ่งในยุคนั้นเป็นช่วงเดียวกับที่ชาวโรมันสร้างกำแพงแห่ง Hadrian และชาวกรีกกำลังสร้างวิหารแห่งเทพซุส และในยุคนี้เองชาวจีนที่ชื่อ Zhang Heng ผู้คงแก่เรียนแห่งราชวงศ์ฮั่นประสบความสำเร็จในการใช้วิทยาศาสตร์และศิลปะมารวมกันเป็นสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนได้เป็นเวลากว่า 1,700 ปี

          โดยเครื่องมือของ Zhang เป็นอุปกรณ์ที่น่าประทับใจ ถ้าคิดว่าในยุคนั้นไม่มีใครเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ในตอนนั้นคนเชื่อกันว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเพราะสวรรค์พิโรธและมนุษย์อย่างเราก็ทำอะไรมากไม่ได้ แต่ Zhang Heng กลับไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เขาเชื่อว่าต้องมีสัญญาณอะไรสักอย่างที่บ่งบอกก่อนเกิดแผ่นดินไหวขึ้น

          ดังนั้นอุปกรณ์ที่เขาสร้างขึ้นมานี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะก็คือ หม้อลายมังกรทำจากทองเหลือง 8 ตัวหันไปทางทิศทั้ง 8 แต่ละตัวจะมีลูกบอลทองเหลืองอยู่ในปาก ซึ่งสามารถวัดความสั่นสะเทือนแม้เพียงน้อยที่สุดของพื้นดินได้ และเมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้นทางไหน มังกรตัวที่หันไปทางทิศนั้นก็จะปล่อยลูกบอลในปากตกลงไปยังปากของคางคงที่อยู่ด้านล่าง

          ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เครื่องมือนี้ใช้ได้จริงๆ มันสามารถตรวจจับแผ่นดินไหวที่อยู่ห่างไปเป็นร้อยๆ ไมล์ได้ และยังสามารถบอกทิศทางที่เกิดได้อีกด้วย

ที่มา Cracked และ everyday-readers.com
ที่มาภาพประกอบ exchange-rates-calculator และ สื่ออินเตอร์เน็ต