ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ตาม หรือประเทศไหนก็แล้วแต่ คำว่า “ฝาแฝด” ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนค่อนข้างสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะนั่นทำให้เราเห็นอะไรบ้างอย่างที่คนธรรมดาอย่างเราๆ ไม่สามารถรับรู้ได้ เพราะดีไม่ดีก็มีเพียงแค่พวกเขา 2 คนเท่านั้นที่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ดี
ว่าแต่เรื่องราวของฝาแฝดนั่นมีอะไรบ้างก็มาดูกัน เพราะเรื่องพวกนี้เราคงไม่สามารถเจอประสบการณ์แบบนี้ได้อย่างแน่นอน
ฝาแฝดที่เกิดเสียสติขึ้นมาพร้อมๆ กัน
ฝาแฝดชาวสวีเดน Ursula Eriksson และ Sabina Eriksson ใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ และสงบสุขมาตลอด ทั้งคู่ไม่เคยมีประวัติป่วยทางประสาทมาก่อน แต่แล้ววันหนึ่ง Ursula ได้เดินทางจากประเทศอเมริกาไปยังประเทศไอร์แลนด์เพื่อเยี่ยมฝาแฝดของเธอ ทว่าอยู่ๆ ทั้งคู่ก็เกิดอาการบ้าคลั่งก้าวร้าวออกมา ส่วนผลที่ตามมาคืออุบัติเหตุทางถนนหลายรายการ โดยมีผู้เสียชีวิตหนึ่งคน และตำรวจต่างก็มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ก่อนเกิดเหตุ Sabina และ Ursula เจอกันที่ประเทศไอร์แลนด์ก่อนจะขึ้นรถบัสไปยังลอนดอนโดยไม่มีใครรู้สาเหตุ แต่มีรายงานว่าทั้งคู่ทำตัวเป็นอันธพาลถึงขนาดถูกคนขับรถบัสไล่ลงจากรถกลางทาง แต่พวกเธอก็ไม่ได้สนใจและพากันเดินต่อไปกลางถนน ไม่สนใจรถที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยความเร็วสูง
จนถึงจุดหนึ่งทั้งคู่ก็วิ่งเข้าใส่กลุ่มตำรวจที่กำลังถ่ายทำรายการโทรทัศน์กันอยู่ ทำให้พฤติกรรมของพวกเธอถูกบันทึกไว้ในกล้องทั้งหมด เริ่มจากที่พวกเธอกำลังเดินอยู่เฉยๆ จู่ๆ ก็วิ่งเข้าใส่รถบนท้องถนน Sabina ถูกรถคันหนึ่งชนเข้าให้ แต่เธอก็ลุกขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไปโจมตีใส่กลุ่มตำรวจที่กำลังยืนอึ้งกันอยู่ ต้องใช้ตำรวจถึง 6 คนในการจับตัวเธอไว้ ในขณะที่ Ursula ก็มีท่าทีจะโจมตีใส่ตำรวจเหมือนกัน แต่เนื่องจากบาดเจ็บจากที่ถูกรถชนทำให้เธอทำอะไรไม่ได้มากนัก
หลังจากนั้น Sabina ก็กลับมาสงบลงอีกครั้งและดูเป็นปกติดีจนตำรวจตัดสินใจปล่อยเธอไปในวันถัดมา แต่นี่ถือว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เธอได้ไปฆาตกรรมผู้ชายคนหนึ่งเข้า แล้วกระโดดลงมาจากสะพานที่สูง 40 ฟุต อย่างไรก็ตาม Sabina ก็รอดชีวิตมาได้และถูกสั่งจำคุกเป็นเวลา 5 ปี สาเหตุที่เธอถูกจำคุกน้อยกว่าที่ควรก็เพราะทนายพิสูจน์ได้ว่าเธอมีอาการวิกลจริตในขณะที่ก่อเหตุ แต่ที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ก็คือ ถ้า Sabina มีอาการวิกลจริต ทำไมอยู่ๆ Ursula ถึงเป็นไปด้วย ทั้งๆ ที่ไม่พบแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดอยู่ในร่างกายของทั้งคู่
โฉมหน้าของ Sabina Eriksson
จากที่นักจิตวิทยาได้บอกว่า หากหนึ่งในฝาแฝดมีอาการของการวิกลจริตแบบชั่วคราว และก็เอาอาการนี้ไปติดฝาแฝดอีกคนได้เช่นกัน
ฝาแฝดที่ไม่ได้โตมาด้วยกัน แต่ใช้ชีวิตเหมือนกัน
(ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา)
มักมีเรื่องราวแปลกๆ เกี่ยวกับฝาแฝดอยู่เสมอ เพราะไม่ใช่หน้าตาที่เหมือนกันเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ทั้งสองยังเติบโตมาด้วยกัน ในสภาพแวดล้อมแบบเดียวกัน ทำให้ฝาแฝดบางคู่เหมือนกันจนน่ากลัว แต่ยังมีบางกรณีที่ฝาแฝดไม่เคยได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่กลับมีอะไรที่เหมือนกันแบบไม่น่าเกิดขึ้นได้
James Edward Lewis อาศัยอยู่ในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาแต่งงานกับกับผู้หญิงที่ชื่อ Linda แต่ก็หย่ากับเธอแล้วแต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่ชื่อ Betty ซึ่งทั้งคู่มีลูกชายชื่อ James Alan ด้วยกัน
โดยตัว Lewis นั้นถูกครอบครัวอุปถัมภ์รับเลี้ยงไปตั้งแต่ตอนเป็นทารก และเมื่อเขาอายุได้ 30 ปลายๆ เขาก็ได้ออกสืบหาครอบครัว และตอนนั้นเองที่เขาได้พบกับฝาแฝดของเขา James Arthur Springer ผู้ที่ถูกตั้งชื่อเหมือนกัน นอกจากนั้นฝาแฝดของเขายังแต่งงานกับผู้หญิงที่ชื่อ Linda ก่อนจะหย่าแล้วไปแต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่ชื่อ Betty และมีลูกชายชื่อ James Alan เหมือนกันเป๊ะๆ เรียกได้ว่าแทบไม่น่าเชื่อจริงๆ
James Edward Lewis และ James Arthur Springer
หลังมีการเผยแพร่เรื่องราวของทั้งคู่ในปี ค.ศ.1979 James และ James (งงดีแท้) ก็ได้รับการติดต่อจาก Thomas Bouchard ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาที่สนใจอยากทำการศึกษาความเหมือนกันของฝาแฝดที่ไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน ผลจากการศึกษากลับน่าทึ่งยิ่งกว่านั้น เมื่อพบว่าทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมากกว่านั้น ตอนเด็กๆ ทั้งคู่เคยมีสุนัขที่ชื่อ Toy สมัยเรียนชอบวิชาคณิตศาสตร์และงานช่างไม้แต่ไม่ชอบวิชาสะกดคำ ทั้งคู่ทำงานเกี่ยวกับกฎหมาย (นายอำเภอและหน่วยรักษาความปลอดภัย) แถมในหนึ่งวันชอบมีอาการปวดหัวในเวลาเดียวกัน
James Edward Lewis และ James Arthur Springer
เรื่องแบบนี้อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ก็มีอีกหลายกรณีที่พบว่า ฝาแฝดที่ถูกเลี้ยงดูมาแยกกันสุดท้ายแล้วก็ยังคงมีอะไรหลายๆ อย่างที่เหมือนกัน
ฝาแฝดที่รับโทษแทน
(ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา)
ในปี ค.ศ.1993 ตำรวจได้จับกุม Ronald Anderson ในข้อหาทำร้ายร่างกายภรรยา ปัญหาก็คือ นาย Ronald Anderson คนนี้ถูกจับในข้อหาเดียวกันไปก่อนหน้านั้นแล้วไม่กี่วัน และมีบันทึกไว้ว่าเขากำลังถูกคุมขังอยู่เป็นเวลาอีก 6 เดือนในคุก และเมื่อมีคนไปตรวจสอบดู เขาก็ยังคงอยู่ในคุกไม่ได้หายไปไหน และก่อนที่ทุกคนจะมึนกันไปมากกว่านี้ เพื่อนของเขาก็ออกมาเปิดเผยความจริงว่า Ronald มีฝาแฝดชื่อ Donald Anderson ผู้มีนิสัยชอบเข้าคุกแทนฝาแฝดของตัวเอง
Donald Anderson ถือภาพถ่ายตัวเองกับฝาแฝด
และสาเหตุที่ Donald ยอมติดคุกแทนเพราะเขารักฝาแฝดของตัวเองมาก และคิดว่า Ronald ไม่พร้อมสำหรับชีวิตในคุก เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1970 เมื่อ Ronald สมัครไปเป็นทหารและจะถูกส่งไปประจำการที่เกาหลีในหน้าที่ช่างเทคนิคซ่อมเฮลิคอปเตอร์ แต่อยู่ๆ เขาก็เกิดเปลี่ยนใจไม่อยากไปแล้วเสียอย่างนั้น Donald ฝาแฝดของเขาจึงตัดสินใจสวมรอยไปแทน ด้วยความที่ไม่มีใครเคยจับได้ หลังจากนั้นทุกครั้งที่ Ronald ไปก่อปัญหาอะไรเข้า Donald ก็จะไปออกรับแทนทั้งหมด และเมื่อ Ronald โดนจับข้อหาข่มขู่และทำร้ายภรรยา ก็เป็น Donald อีกเช่นเดิมที่เข้าไปมอบตัวและยอมติดคุกแทน ซึ่งตำรวจและศาลเองก็ไม่ได้สนใจจะตรวจสอบลายนิ้วมือของเขาว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าเขามีฝาแฝดอีกทั้งยังไม่คิดว่าจะมีใครยอมมาติดคุกแทนง่ายๆ แบบนี้
แต่โชคร้ายที่ Ronald ตัวปัญหาดันไปก่อเรื่องขึ้นอีกจนได้และถูกจับเข้าจริงๆ เขาโดนข้อหาพยายามฆ่า ทำร้ายร่างกาย และลักขโมย รวมโทษจำคุกทั้งหมดเป็น 14 ปี พนักงานสืบสวนพยายามตั้งสมมุติฐานว่าเรื่องนี้เป็นการวางแผนอะไรระหว่างพี่น้องคู่นี้รึเปล่า แต่ก็พบว่าเหตุเกิดจากแค่ความรักของพี่น้อง (ในกรณีนี้น่าจะเป็นความรักของคนๆ เดียว ส่วนอีกคนเอาแต่ก่อเรื่อง) อย่างไรก็ตาม Donald เองก็ยังยืนยันว่า ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากรับโทษแทนทั้งหมดอยู่ดี
ฝาแฝดที่แต่งงานกับฝาแฝดและมีลูกเป็นฝาแฝด
(ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา)
ฝาแฝดส่วนใหญ่ชอบที่จะทำอะไรด้วยกัน แต่ยังไงก็ต้องมีความเป็นส่วนตัวกันบ้างให้แต่ละคนได้ทำอะไรตามใจโดยไม่ต้องรู้สึกอึดอัด แต่กรณีนี้ใช้ไม่ได้กับ Craig Sanders และ Mark Sanders ผู้ที่หมั้นและจัดงานแต่งงานกับสาวพี่น้องฝาแฝดในวันเดียวกัน ย้ายครอบครัวไปอาศัยอยู่ในบ้านติดกัน และคู่หนึ่งยังถึงกับมีลูกฝาแฝดเป็นของตัวเอง
เรื่องราวนี้ฟังดูเหมือนเป็นละครตลกที่ดูแก้เครียดเฉยๆ แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง และความจริงแล้วเป็นเหล่าภรรยาฝาแฝดนั่นเองที่เป็นคนเสนอให้ทั้งสองคู่นี้ทำอะไรพร้อมๆ กัน โดยสองพี่น้อง Sanders ได้พบกับสองสาว Diane Nettemeier และ Darlene Nettemeier ในงานฝาแฝดประจำปีที่เมือง Twinsburg รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา Craig ตกหลุมรักกับ Diane ในขณะที่ Mark ตกหลุมรักกับ Darlene
Craig และ Mark Sanders กับ Diane และ Darlene Nettemeier
โดยทั้ง 4 คนก็ได้ไปออกเดทกับที่คาสิโนและชนะเงินรางวัลหลายพันเหรียญ จึงตัดสินใจกันว่า นี่เป็นสัญญาณอันดีและนำเงินที่ได้ไปซื้อแหวนหมั้นให้กับแฟนสาวเสียเลย และด้วยความที่ Diane กับ Darlene ไม่เคยอยู่แยกจากกัน ทั้งหมดจึงตัดสินใจจัดงานแต่งให้เป็นงานเดียวกัน และย้ายเข้าไปอยู่บ้านที่ติดกันที่ไม่มีรั้วเสียเลย
และต่อมา Diane และ Craig ก็ให้กำเนิดลูกชายฝาแฝด ส่วน Darlene และ Mark ก็มีลูกสาวที่ไม่ใช่ฝาแฝด 2 คน (ซึ่งก็ดูยังไงก็เหมือนฝาแฝดอยู่ดี) จนถึงตอนนี้ ทั้งหมดก็ยังไปร่วมงานเทศกาลฝาแฝดทุกๆ ปี และแน่นอนว่าทำเอาเพื่อนบ้านหัวหมุนว่าใครเป็นใครกันอยู่ทุกวัน
ครอบครัวฝาแฝด
ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ทางการแพทย์ได้ระบุแล้วว่าอาจจะเกิดขึ้นจากพันธุกรรมของฝ่ายหญิง หากฝ่ายหญิงเป็นแฝดหรือทางครอบครัวมีประวัติกำเนิดเป็นลูกแฝด โอกาสที่รุ่นหลังๆ เป็นฝาแฝดได้อีกเช่นกัน
ฝาแฝดผู้ไม่ยอมพูด
(ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา)
Jennifer Gibbons และ June Gibbons มีชื่อเสียงขึ้นมาในช่วงปี ค.ศ.1980 เมื่อทั้งคู่ได้ไปก่ออาชญากรรมขึ้นเมื่ออายุได้เพียง 18 ปี ส่งผลให้ทั้งคู่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิตเวชและถูกส่งไปยังโรงพยาบาลโรคจิตที่มีระบบรักษาความปลอดภัยหนาแน่นที่สุดในประเทศอังกฤษ แต่เรื่องราวแปลกๆ ของทั้งคู่เริ่มตั้งแต่ตอนเด็กๆ ทั้งสองเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “The silent twins” เพราะพวกเธอไม่ยอมคุยกับคนอื่นเลยนอกจากคุยกันเองสองคน ถึงขนาดมีภาษาเฉพาะที่ใช้คุยกันและไม่มีใครฟังรู้เรื่อง
Jennifer Gibbons และ June Gibbons
และเมื่อเติบโตขึ้นมาในเวลส์ เวลาอยู่ที่โรงเรียนทั้ง Jennifer และ June ไม่ยอมอ่าน พูด หรือเขียนอะไร แต่เมื่ออยู่ที่บ้าน ทั้งสองอ่านหนังสือเป็นจำนวนมากหลากหลายประเภท อีกทั้งยังเขียนไดอารีและแต่งนิยายในชื่อว่า “The Pepsi-Cola Addict and Discomania”
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ออกจะสลับซับซ้อน ถึงแม้ทั้งคู่จะสนิทกันมาก แต่บางครั้งทั้งสองก็พยายามจะฆ่ากันเอง ครั้งหนึ่ง Jennifer รัดคอ June ด้วยสายไฟจากวิทยุ ขณะที่ June ก็ผลัก Jennifer ตกจากสะพานเพื่อหวังให้จมน้ำ พฤติกรรมแปลกๆ แบบนี้ติดตัวไปจนถึงเมื่อโตและในที่สุดก็กลายเป็นนิสัยขี้ขโมยและชอบวางเพลิง ถึงตอนนี้พ่อแม่ก็ต้องยอมส่งตัวลูกสาวทั้งสองไปอยู่ในโรงพยาบาลประสาท
และเป็นเวลา 14 ปีกว่าที่ทั้งคู่อยู่ในโรงพยาบาล Broadmoor Hospital ถึงได้ยอมเปิดใจพูดกับ Marjorie Wallace นักข่าวซึ่งตีพิมพ์หนังสือชีวประวัติของพวกเธอว่า ใครคนใดคนหนึ่งจะต้องตายในโรงพยาบาลนี้ และทั้งคู่ได้ตัดสินใจกันแล้วว่า คนนั้นก็คือ Jennifer
“The silent twins” หนังสือชีวประวัติของทั้งคู่
อาจจะเป็นได้ว่าทั้งคู่รู้ดีว่า พวกเธอไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ได้แบบปกติสุขถ้าอยู่กันเป็นคู่ และอ้างอิงจากคำสัมภาษณ์โดย Wallace สรุปได้ว่า Jennifer ตกลงที่จะเป็นคนที่ตาย และด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้ ในวันที่ทั้งสองจะได้ย้ายไปอยู่โรงพยาบาลที่ระบบคุ้มกันแน่นหนาน้อยกว่าเดิม Jennifer ก็เสียชีวิตกะทันหันจากโรคหัวใจที่หาได้ยาก ส่วน June ปัจจุบันนี้ก็อาศัยอยู่อย่างสงบกับครอบครัวของเธอ
ที่มา Cracked, everyday-readers.com
ที่มาภาพประกอบ national geographic