วันนี้ขอมาเรื่องสุดแหวะชนิดที่ว่ามันแหวะจริงๆ (งงปะ) ซึ่งเรื่องสุดแหวะที่เราจะพูดถึงคือแมลง แน่นอนว่ามันไม่ใช่แมลงธรรมดาซะด้วย แต่มันคือแมลงผีดิบน่ะสิ! ขึ้นชื่อว่าผีดิบยังไม่พอ เพราะว่ามันกินซากศพอีกต่างหาก แบบนี้ไม่รู้จะว่าอะไรดีนอกจากความรู้สึกยี้ๆ ไม่น่ามองเสียเลย
ซึ่งเจ้าแมลงที่ว่านี้ก็คือ "เดอเมสธิด" แมลงที่อันตรายที่สุดในโลกในขณะนี้ เพราะมันคือแมลงร้ายที่สามารถฉีกกินเนื้อหนังของสัตว์ต่างๆ จนถึงกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
โดยซากศพที่ถูกมันรุมทึ้งกินเนื้อหนังและเลือดสดๆ นั้นจะกลายสภาพเป็นโครงกระดูกสีขาวเนียนชวนสยองยิ่งกว่าการแล่เนื้อเถือหนังของยอดฝีมือถลกหนังรายใดๆ ในโลกนี้ และตอนนี้พวกมันกำลังถูกนำตัวมาใช้ในงานวิจัยของพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอยู่ โดยที่งานหลักๆ ของมันคือทำหน้าที่กัดกินซากสัตว์หลายชนิดจนเหลือแต่โครงกระดูกที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อที่จะได้ทำงานวิจัยอย่างสบายมือ และเมื่อทำงานเสร็จแต่ละชิ้นงานนั้นพวกมันก็จะถูก "ทำลาย" ด้วยสารเคมีรุนแรงเพื่อให้แน่ใจว่า พวกมันจะไม่กระจัดกระจายออกไปก่อกรรมทำเข็ญกับสิ่งมีชีวิตนอกพิพิธภัณฑ์นั่นเอง นับว่าก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกันนะเนี่ย
ทั้งนี้ทั้งนั้นแมลงที่มีชื่อว่า เดอเมสธิด นี้เริ่มเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักวิจัยของพิพิธภัณฑ์ The American Museum of Natural History (พิพิธภัณฑ์อเมริกันเพื่อประวัติศาสตร์ธรรมชาติ) ในช่วงทศวรรษที่ 1930 (หรือราวๆ 80 กว่าปีก่อน) โดยที่ช่วงเวลานั้นทางพิพิธภัณฑ์กำลังรอรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางชนิดที่ถูกส่งตัวมาจากทวีปแอฟริกาอย่างใจจดใจจ่อ
หากแต่การส่งสัตว์ที่ต้องการมาทางเรือนั้นใช้เวลาในการเดินทางนานพอใช้ และเมื่อเรือมาถึงอเมริกาก็ปรากฏว่าสัตว์ที่ถูกส่งมาทางเรือนั้นกลายสภาพเป็นกองกระดูกขาวโพลนไปหมด เรียกว่าตอนออเดอร์กันได้ออเดอร์สัตว์เป็นๆ แต่พอมาถึงจุดหมายปลายทางดันกลายเป็นกองกระดูกขาวโพลนไปซะอย่างนั้น
แล้วที่น่าตกใจก็คือนักวิจัย (ในสมัยนั้น) ได้พบกับแมลงกินเนื้อหนังสุดโหดที่ชื่อ "เดอเมสธิด" โดยจากการทดลองและวิจัยเกี่ยวกับแมลงนี้อย่างเนิ่นนาน ทำให้ได้ข้อสรุปหลายประการจาก แมลงที่มีความยาวราว 5-7 ม.ม. เหล่านี้ว่าพวกมันมีประโยชน์ต่อพิพิธภัณฑ์ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าจะมีแต่อันตรายอย่างเดียว
นั่นก็คือทางส่วนงานที่เรียกว่า กองพิพิธภัณฑ์ปลา ภายในพิพิธภัณฑ์ The Museum of Natural History แห่งนี้จำเป็นจะต้องใช้แมลงกินเนื้อเหล่านี้ในการกำจัดซากปลาหายากบางพันธุ์ ที่ต้องการเก็บเฉพาะแต่โครงกระดูกเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก นั่นคือเมื่อปล่อยพวกมันลงไปกินเนื้อปลากันอย่างตะกละตะกรามกันแล้ว พวกมันจะแทะเนื้อเถือหนังปลานั้นอย่างรวดเร็วและเรียบร้อยเป็นที่สุด และสุดท้ายซากปลานั้นก็จะกลายเป็นกระดูกที่สวยงามพอที่จะดำเนินการขั้นต่อไปได้ทันที
ซึ่งถ้าเกิดไม่มีแมลงพวกนี้มาช่วยงาน เหล่าเจ้าหน้าที่ของกองฯ นี้ก็จะต้องลำบากในการนำปลาไปต้ม เคี่ยวจนกระทั่งเนื้อหนังหลุดร่อนออกไปและยังต้องมาวุ่นวายกับการต่อกระดูก ปลารวมกันเป็นตัวปลาอย่างลำบากลำบนคล้ายการต่อจิ๊กซอว์อีกด้วย
แต่กระนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าถ้ามันกลุ้มรุมกัดกินสัตว์เป็นๆ แล้วจะเป็นอย่างไร แต่กับซากสัตว์ที่ตายแล้วจำเป็นจะต้องนำซากสัตว์ (โดยเฉพาะปลา) ไปผึ่งลมเพื่อให้ความชื้นระเหยไปเสียก่อน จากนั้นพวกแมลงเหล่านี้จึงจะกินซากสัตว์อย่างร่าเริง แต่ถ้ายังมีความชื้นอยู่มากมันก็จะละเลยเสีย
ขณะเดียวกันในกรณีสัตว์เป็นๆ นั้นทางพิพิธภัณฑ์ยังอุบเงียบอยู่ เพียงแต่บอกว่า ถ้าปล่อยให้แมลงเหล่านี้เป็นอิสระหรือโบยบินสู่โลกภายนอกแล้วล่ะก็ มันคงสร้างความสะพรึ่งกลัวอยู่ไม่ใช่น้อย ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง “กำจัด” ทุกครั้งหลังนำเจ้าแมลงเดอเมสธิดมาจำนวนหนึ่ง โดยอีกส่วนก็ยังเก็บไว้อย่างดีเพื่อเอาไว้กัดกินซากสัตว์ต่างๆ กันต่อไป
ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องร้ายแรงแบบนี้จะถูก "ปิดเงียบ" มานานถึงขนาดนี้ และเมื่อชาวโลกส่วนใหญ่ได้รับรู้เรื่องราวนี้เข้าไปแล้วจะมีความคิดเป็นเช่นไรต่อแมลงสุดสยองตัวนี้กัน?
ที่มา: thaithesims3.com