ถ้าพูดถึงเรื่องเรือไททานิคแล้ว สิ่งแรกๆ คนคงคิดถึงเรื่องอุบัติเหตุในภาพยนตร์ซึ่งเกิดขึ้นจริง จากการที่เรือนั้นชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งเข้าแล้วค่อยๆ จมลงไปในที่สุดปิดตำนานเรือที่เชื่อว่า “เรือที่ไม่มีวันจม”...
แต่เขาก็ว่ากันว่าสาเหตุที่เรือไททานิคจมนั้นยังมีคนเชื่อว่าเกิดจากคำสาปที่ดันมีคนลักลอบขึ้นมา ส่งผลให้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่พลอยได้โดนคำสาปไปด้วยซะงั้น ส่วนคำสาปที่ว่านั้นคือคำสาปของ “อาเมนรา” ว่าแต่อาเมนราคืออะไรวันนี้เรามารู้กันดีกว่า
อาเมนรา เป็นชื่อของพลังอาถรรพ์ที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักกัน ซึ่งความอาถรรพ์นี้เริ่มขึ้นปี ค.ศ.1920 หลังจากที่นักโบราณคดีชาวอเมริกันเดินทางไปพบกับนักอียิปต์วิทยาชาวอังกฤษชื่อ เมอร์เรย์ ที่บ้านพักในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ จุดประสงค์ของเขามีเพียงต้องการติดต่อขายสินค้าชิ้นหนึ่งให้กับ เมอร์เรย์ และสินค้าที่ว่านี้คือหีบพระศพของเจ้าหญิงไอยคุปต์โบราณองค์หนึ่งซึ่งก็คือ เจ้าหญิง "อาเมนรา"
ทว่านักโบราณคดีชาวอเมริกันคนนี้ ดูซูบซีดเหมือนขี้ยา แต่งเนื้อแต่งตัวสกปรก เมอร์เรย์ ก็เลยไม่ค่อยศรัทธาใน "สินค้า" ที่ได้รับการเสนอขาย แต่ก็ได้เอ่ยปากขอดู "สินค้า" ก่อนจะตัดสินใจ และทันทีที่เมอร์เรย์เห็นหีบพระศพเคลือบด้วยทองคำเหลืองอร่ามตระการตาเข้าเท่านั้น เขาก็ถึงกับอ้าปากค้างเพราะไม่คาดคิดว่าจะพบสิ่งมีค่ามหาศาลเช่นนี้ต่อหน้าต่อตา โดยนักโบราณคดีอเมริกันเล่าว่าหีบพระศพใบนี้ค้นพบที่วิหารอะมอนราในธีบีสซึ่งเป็นบริเวณที่เก็บพระศพของบรรดาเจ้าหญิงอียิปต์โบราณมากมาย สำหรับโลงพระศพที่อยู่ต่อหน้า เมอร์เรย์ คาดว่าน่าจะมีอายุประมาณ 1,600 ปีก่อนคริสตศักราช
พอรู้ที่มาที่ไปแล้ว เมอร์เรย์เลยกล่าว่า "ตกลง ผมรับซื้อ"
ทว่านักโบรณาคดีอเมริกันก็ตอบกลับเมอร์เรย์ว่า "แต่มันมีอาถรรพณ์หน่อยนะ เพราะมีคำสาปแช่งจารึกไว้ด้วย"
ซึ่งสำหรับเมอร์เรย์แล้วเขาไม่สนใจหรือเชื่อว่าหีบพระศพนี้จะมีคำสาป เขาจ่ายไปโดยไม่เสียดายเงินก้อนโตเลยแม้แต่นิด เนื่องจากมูลค่าของหีบพระศพที่เขาได้มามีค่ามากกว่ามากนัก แม้คำสาปแช่งที่นักโบราณคดีอเมริกาบันทึกไว้ให้ก็ไม่ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนต่อคำสาปแช่งที่มีความว่า
"มันผู้ใดบังอาจรบกวนสถานที่ซึ่งเป็นที่ร่างของข้าได้สถาปนาไว้ในอาณาจักรแห่งลุ่มน้ำไนล์ มันผู้นั้นจะต้องพบกับภัยพิบัติอันน่าสยดสยองทุกวัน มันต้องตายทุกคน"
(ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา)
ในเมื่อเมอร์เรย์นั้นไม่เชื่อเรื่องคำสาป เขาจึงนำหีบพระศพของเจ้าหญิงโบราณไปให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณคดีในกรุงไคโรอีกหลายท่านพิสูจน์ว่าเป็นหีบพระศพสมัยไหน แล้วเป็นของเจ้าหญิงองค์ใด แม้ว่าคำตอบที่เขาได้รับจะไม่สามารถสรุปได้แน่ชัด แต่กลับมีคำชมว่าเขามีสายตาเฉียบคมสามารถซื้อหีบพระศพโบราณได้ในราคาที่นับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง หลังจากนั้นได้มีข่าวๆ หนึ่งแทรกเข้ามารบกวนความรู้สึกของเขาไม่น้อยนั่นคือ นักโบราณคดีอเมริกันที่เพิ่งขายหีบพระศพใบนี้ให้ ได้เสียชีวิตอย่างลึกลับ! หลังจากที่รับเช็คเงินสดจากเขาไปได้ไม่กี่ชั่วโมงหรือว่าคำสาปจะเป็นจริง?
แต่ยังไงก็ตามเมอร์เรย์ไม่เชื่อว่าจะมีความเร้นลับอะไรในศตวรรษที่ 20 ได้อีก สิ่งที่เขาต้องรีบกระทำขณะนี้คือ การส่งหีบพระศพไปเก็บไว้ที่บ้านในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สมัยนั้นไม่มีการขนส่งใดดีกว่าทางเรือ เมอร์เรย์จึงติดต่อว่าจ้างให้บริษัทเดินเรือมาจัดการขนหีบห่อที่เขาจัดการบรรจุไว้เรียบร้อยไปขึ้นเรือก่อนการเดินทาง แต่ว่าสามวันหลังจากนั้นก็มีเหตุเกิดขึ้นเมื่อเขาออกไปซ้อมยิงปืนทางตอนเหนือของแม่น้ำไนล์ จู่ๆ ปืนเกิดระเบิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ถูกเข้าที่แขนของเมอร์เรย์เป็นแผลเหวอะหวะ แพทย์ต้องตัดแขนเขาทิ้งตั้งแต่ข้อศอกลงไป เมอร์เรย์กลายเป็นคนพิการอย่างที่ไม่น่าจะเป็น ด้วยสาเหตุบังเอิญที่น่าพิศวงยิ่งคืออุบัติเหตุคราวนี้ทำให้ต้องปล่อยหีบพระศพเดินทางไปล่วงหน้า ส่วนตัวเขาจำเป็นต้องอยู่พักฟื้นในอียิปต์สักพักจนแน่ใจว่าอาการไม่กำเริบแน่จึงค่อยตามไปภายหลัง
หลังจากที่บาดแผลค่อยยังชั่ว เมอร์เรย์ก็รีบเดินทางไปอังกฤษทันที แต่ระหว่างการเดินทางอยู่ในเรือ ปรากฏว่าเพื่อนของเขาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งหีบพระศพ 2 คนและหญิงรับใช้ชาวอียิปต์ของเขาอีก 1 คน จู่ๆ ก็พร้อมใจกันตายโดยไม่ทราบสาเหตุ พอไปถึงอังกฤษเมอร์เรย์ก็รีบจัดการนำหีบพระศพออกจากโกดังท่าเรือกลับบ้าน เมื่อถึงที่บ้านเมอร์เรย์ตัดสินใจเปิดหีบออกดูพระศพ ทันทีที่ฝาโลงเปิดออกเผยให้เห็นมัมมี่ของเจ้าหญิงเท่านั้น
(ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา)
เมอร์เรย์ถึงกับผงะก็มัมมี่ของเจ้าหญิงที่เขาเห็นเวลานี้แตกต่างไปจากที่เคยเห็นซะแล้ว เพราะเจ้าหญิงในตอนนี้ดูเหมือนใบหน้าของคนยังมีชีวิตอยู่จริง และกำลังจ้องมองเขาเขม็งด้วยแววตาอาฆาตแค้น คราวนี้แหละ เมอร์เรย์จึงปักใจเชื่อว่าคำสาปมีจริงเต็มร้อย เขาคิดว่าสิ่งที่นักโบราณคดีอเมริกันเตือนเริ่มสำแดงเดชให้ประจักษ์ ความหวาดกลัวพุ่งเข้าจับขั้วหัวใจ เขาต้องคิดหาวิธีใดวิธีหนึ่งที่จะนำหีบพระศพไปให้พ้นตัว แต่ใครล่ะจะมาเป็นผู้รับเคราะห์แทน ในที่สุดก็มีเพื่อนหญิงที่เคยร่วมชั้นเรียนและสนิทสนมกับเขามาตั้งแต่เด็กยินยอมรับเอาหีบพระศพไปเก็บไว้
โดยเพื่อนหญิงของเมอร์เรย์ไม่ต้องรอนานเลย เพราะบรรดาคำสาปที่ติดอยู่กับมัมมี่โบราณก็เริ่มแผลงฤทธิ์ เริ่มด้วยแม่ของเธอเสียชีวิตกะทันหัน แล้วเธอเองก็ถูกสามีทอดทิ้ง แล้วต่อมาก็ล้มป่วยด้วยโรคประหลาด เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นซ้อนๆ กันทำให้เธอรีบนำหีบพระศพมาคืนให้กับเมอร์เรย์
เมอร์เรย์ที่กลัวคำสาปมาก ไม่ต้องการเก็บหีบพระศพไว้เช่นกันจึงมอบให้พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกฤษต่อ โดยทางพิพิธภัณฑ์จึงรีบนำมาจัดแสดงทันทีโดยจัดสถานที่วางหีบพระศพให้เหมือนบรรยากาศอียิปต์โบราณ แล้วเปิดให้นักท่องเที่ยวซื้อบัตรเข้าชม ไม่มีใครคาดว่าเหตุการณ์สยองขวัญจะเกิดขึ้นจนได้ ขณะที่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งกำลังถ่ายภาพหีบพระศพอยู่นั้น เขาได้ล้มตึงชักดิ้นชักงอขาดใจตายคาที่โดยไม่มีท่าทีมาก่อน นอกจากนี้นักอียิปต์วิทยาผู้แตะต้องหีบพระศพเพื่อการจัดแสดงก็นอนตายตาเหลือกอยู่บนเตียงในห้องนอน คล้ายกับตกใจกลัวอะไรบางอย่างสุดขีดจนหัวใจวายกะทันหัน
จากนั้นหนังสือพิมพ์อังกฤษก็เอาข่าวนี้ไปตีพิมพ์ จนกลายเป็นข่าวดังทำให้ประชาชนหวาดกลัว และไม่มีใครอยากเฉียดเข้าไปใกล้หีบพระศพเลย ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกฤษจึงตัดสินใจมอบหีบพระศพใบนี้ให้พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ซึ่งทางนิวยอร์คก็ยอมรับอย่างยินดี โดยให้ทางอังกฤษจัดส่งโดยเรือที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด และใหญ่ที่สุดในสมัยนั้นคือ เรือไททานิค...
เรือไททานิค ก็ถือว่าเป็นเรือที่เชื่อกันว่า "ไม่มีวันจม" และถือว่าเป็นเรือที่หรูหราที่สุด หากจะขนย้ายหีบพระศพไปกับเรืออย่างเปิดเผยก็กลัวผู้คนจะแตกตื่น เลยจำเป็นต้องกระทำอย่างเป็นความลับ ทางฝ่ายขนส่งจัดการบรรจุหีบพระศพใส่ลังอย่างดี แล้วนำไปซ่อนไว้ใต้ท้องเรือ ไม่มีผู้โดยสารทราบเลยแม้แต่คนเดียวว่า มีหีบพระศพอียิปต์โบราณที่มีอาถรรพณ์บรรทุกมากับเรือด้วย ผู้รู้เรื่องนี้ดีก็คือบริษัทผู้จัดส่งเท่านั้น เรือไททานิคเที่ยวแรกออกเดินทางจาก South Hamton มุ่งสู่ New York กระทั่งถึงวันที่ 15 เมษายน ค.ศ.1912 ทั่วโลกก็ตะลึงงันกับข่าว "เรือไททานิคชนภูเขาน้ำแข็งอับปางลงกลางมหาสมุทรแอตแลนติก และมีผู้โดยสารเสียชีวิตถึง 1,498 คน"
แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่าเรือไททานิคที่มีอุปกรณ์เดินเรือทันสมัย ทำไมถึงอับปางเร็วนัก หรือทำไมถึงต้องพุ่งเข้าชนภูเขาน้ำแข็งเข้าอย่างจัง แต่บริษัทผู้รับจ้างขนหีบพระศพและบริษัทประกันภัยเท่านั้นที่ทราบอยู่เต็มอกว่า เหตุที่เรือไททานิคชนภูเขาน้ำแข็งจนมีผู้เสียชีวิตมากมาย อาจจะเป็นเพราะคำสาปของเจ้าหญิงอียิปต์โบราณ "อาเมนรา" นั่นเอง เรือไททานิคจึงต้องคำสาปและถูกทำลายด้วยมนต์ตราโบราณอายุนับพันปี
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเจ้าหญิงองค์นี้ก็ปราศจากการรบกวนของผู้คนเสียที และเธอได้เลือกท้องน้ำที่ลึกที่สุดซึ่งจนกระทั่งบัดนี้ ยังไม่มีการกู้เรือมาได้เพราะความลึกของท้องน้ำทะเล
ที่มา: banprak-nfe.com