เสริมหน้าอก ควรเลือกถุงซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมแบบไหนดี ?
2014-06-23 16:01:37
ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมหน้าอกชนิดไม่ต้องนวด
Natrelle : ในปัจจุบันผู้ผลิตซิลิโคนเสริมหน้าอกชั้นนำ ได้ทำการพัฒนาตัวซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมอกให้เป็นถุงนมที่มีคุณภาพสูง เช่น ซิลิโคนเสริมหน้าอกของ allergan รุ่น natrelle ของอเมริกา
ซึ่งเป็นถุงซิลิโคนเจลที่มีความหนาแน่นสูง มีโมเลกุลเชื่อมโยงกันได้เป็นอย่างดี ทำให้เจลกระชับขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดพังผืดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับถุงนมเสริมหน้าอกทั่วไป
โดยได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าไม่ต้องนวดหน้าอกเลยก็นิ่มได้ อีกทั้งรูปทรงของตัวถุงซิลิโคนคล้ายกับทรงหยดน้ำ นอกจากนี้เจลที่อยู่ภายในถุงซิลิโคนยังมีความหนาแน่นสูง ประเภท Cohesive Gel จึงไม่มีโอกาสที่จะรั่วซึมไหลไปสัมผัสเนื้อเยื่อของร่างกายได้เลย
ตำแหน่งของการวางซิลิโคนเสริมหน้าอก
โดยปกติแพทย์ของรพ.เลอลักษณ์จะวางถุงนมไว้ใต้กล้ามเนื้อหน้าอก เพราะจะทำให้หน้าอกหลังเสริมมีความลาดเอียงและได้เนินอกสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ลดปัญหาการคลำเจอขอบถุงซิลิโคน
โดยทำให้มองไม่เห็นรอยต่อของถุงซิลิโคนและไม่พบรอยย่น อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยของถุงซิลิโคน จึงเป็นการลดปัญหาการเกิดพังผืดรัดตัวซิลิโคนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ตำแหน่งของแผลผ่าตัด
1.ใต้รักแร้สองข้าง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่แพทย์ผ่าตัดนิยมเปิดแผลคือบริเวณใต้รักแร้ เพราะรอบเย็บของแผลจะถูกซ่อนไว้เป็นอย่างดี และจะสามารถเริ่มนวดหน้าอกได้เร็วกว่ากรณีเปิดแผลใต้ฐานเต้านมและปานนม แม้หลังทำจะเจ็บมากกว่าการเปิดแผลที่ตำแหน่งอื่นก็ตาม แต่แผลก็จะหายเร็วกว่าและสวยกว่า
2. ใต้ราวนม โดยแผลจะถูกเย็บซ่อนไว้ใต้ราวนม ความยาวจะขึ้นอยู่กับขนาดของซิลิโคนที่เสริม โดยมีแผลผ่าตัดจะยาวประมาณ 3-4 ซม. และจะใช้เวลาในการผ่าตัดที่รวดเร็วกว่า อาการเจ็บจะน้อยกว่า แต่จะไม่สามารถเสริมด้วยซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่มากได้ เพราะเสี่ยงที่แผลผ่าตัดจะปริแยกขึ้นได้ หลังทำจะเริ่มนวดหน้าอกได้ช้า เนื่องจากต้องรอให้แผลหายดีเสียก่อน ซึ่งแผลจะหลบอยู่ใต้ราวนมด้านข้างยาวประมาณ 3-4 cm. โดยจะมองไม่เห็นแม้เวลานอน
3. บริเวณปานนม การเปิดแผลบริเวณปานนมส่วนใหญ่ จะทำในกรณีที่ผ่าตัดเสริมหน้าอกไปพร้อมกับการยกกระชับหน้าอก สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องหน้าอกหย่อนยาน แต่จะเห็นแผลชัดเจน โดยมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเรื่องหัวนมชาขึ้นได้ ภายหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก
ถุงซิลิโคนหรือถุงเต้านมเทียม
จากคำถามสุดฮิตของสาว ๆ ที่สนใจที่จะเสริมหน้าอก ส่วนมากมักจะถามกันบ่อยที่สุดคือ..
เลือกซิลิโคนเสริมหน้าอกแบบไหนดี ?
ถุงซิลิโคนเสริมหน้าอกในปัจจุบัน นิยมเลือก"ถุงซิลิโคนเจล"(silicone gel implant) ซึ่งเจลที่บรรจุภายในถุงซิลิโคน ได้มีการพัฒนาให้ มีความหนาแน่นสูง ขึ้นแบบ Cohesive gel เพื่อป้องกันปัญหาการแตกและรั่วซึม
ซึ่งถุงซิลิโคนลักษณะแบบนี้มีโอกาสน้อยมาก เพราะว่าเจลจะมีการเกาะตัวกันอยู่ภายในถุง โดยจะไม่ไหลออกมานอกถุง และที่สำคัญเจลชนิดนี้ยังช่วยให้ถุงซิลิโคนไม่เปลี่ยนรูปร่าง เวลาที่เคลื่อนไหวร่ายกาย
การคงรูปของเจลในถุง ยังจะช่วย ลดโอกาสที่จะคลำเจอรอยพับของถุงซิลิโคน อีกด้วย ซึ่งยังช่วยทำให้รูปทรงของเต้านมหลังผ่าตัด คงรูปและดูเป็นธรรมชาติตลอดเวลา
การเลือกผิวของถุงซิลิโคนเสริมอก
ส่วนผิวของซิลิโคนก็ควรเลือก "ถุงซิลิโคนผิวทราย" (Textured) เพราะจะมีเปลือกถุงของซิลิโคนที่หนากว่า การรั่วซึมของตัวถุงซิลิโคนจึงมีน้อยมาก อีกทั้งตัวถุงเป็นแบบผิวทราย ยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดพังพืดหดรัด ได้มากกว่าถุงซิลิโคนแบบผิวเรียบอีกด้วย
รูปทรงของถุงซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมหน้าอก
1. ทรงกลม
เมื่อใส่เข้าไปแล้วจะคงรูปเป็นทรงกลมแบน โดยแพทย์จะเปิดแผลที่ใต้รักแร้ทั้งสองข้าง และเคลื่อนตัวถุงซิลิโคนจากรักแร้ มาวางไว้ที่เต้านมได้โดยที่ยังคงรูปเป็นทรงกลม
ซึ่ง ซิลิโคนทรงกลม จะดูแลได้ง่าย เนื่องจากหลังจากเสริมหน้าอกแล้ว คนไข้จะต้องทำการนวดหน้าอก เพื่อป้องกันปัญหาการเกิด ผังผืดหดรัดถุงซิลิโคน และทำให้เต้านมที่เสริมไปแข็งตัวได้ ซึ่งซิลิโคนทรงกลม จะง่ายต่อ การนวดหน้าอกหลังเสริม ได้เป็นอย่างดี
2. ทรงหยดน้ำ
ซึ่งสาว ๆ ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าการเสริมหน้าอก ควรเสริมด้วย ซิลิโคนทรงหยดน้ำ เพราะจะได้หน้าอกหลังเสริมที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ แต่ความจริงแล้วการเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคนทรงหยดน้ำ โดยการเสริมและการดูแลยากกว่าถุงซิลิโคนทรงกลมพอสมควร
ดังนั้น..จึงมี ค่าใช้จ่ายในการเสริมหน้าอกที่สูงกว่าทรงกลม เนื่องจากซิลิโคนทรงหยดน้ำถูกออกแบบมาให้มีรูปทรงเฉพาะ ต้องมีการวางตำแหน่งที่เหมาะสม โดยไม่ควรมีการหมุนตัวได้
ซึ่งการผ่าตัดจะต้อง เปิดแผลใต้ฐานเต้านม เท่านั้น โดยแพทย์จะต้องเปิดช่องสำหรับวางซิลิโคนให้พอดี โดยไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป และ์จะต้องวางถุงซิลิโคนให้พอดีกับช่องว่างด้วย เพื่อไม่ให้ซิลิโคนหมุนตัวได้ มิฉะนั้นจะ เกิดปัญหาถุงซิลิโคนผิดรูป ทำให้เต้านมหลังเสริมบิดเบี้ยวได้
การดูแลหลังผ่าตัดเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ
ซึ่งจะค่อนข้างดูแลยากกว่าการเสริมหน้าอกซิลิโคนทรงกลม อยู่พอสมควร เนื่องจากการเสริมหน้าอกโดยทั่วไปคนไข้จะต้องนวดหน้าอกหลังเสริมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เต้านมแข็งตัว
ถ้าหากเลือกเสริมซิลิโคนทรงหยดน้ำแล้ว คนไข้จะต้องระมัดระวังการนวดหน้าอกมากขึ้น เพราะถ้าหากเกิด การนวดหน้าอกผิดวิธี ก็อาจจะเกิดการเสี่ยงต่อที่จะทำให้ เต้านมบิดเบี้ยวผิดรูป ได้ และถ้าหากไม่นวดหน้าอกหลังเสริมหน้าอกเลย ก็จะทำให้ เต้านมเกิดการแข็งตัวได้อีก นั้นเอง
คำอธิบายเพิ่มเติม
วิดีโอคลิปการผ่าตัดเสริมหน้าอก ได้อธิบายรายละเอียดถึงการสอดใส่ถุงซิลิโคนเสริมหน้าอกหรือถุงเต้านมเทียม ที่ศัลยแพทย์เลือก ใส่ถุงซิลิโคนมาจากทางใต้รักแร้ โดยแสดงเห็นถึงการเปิดแผลผ่าตัด และการเคลือนตัวของถุงซิลิโคนเจล มาที่บริเวณใต้กล้ามเนื้อของหน้าอกด้วย
ซึ่งการเสริมหน้าอกโดยการเปิดแผลผ่าตัดบริเวณใต้รักแร้นั้น จะมีข้อดีกว่าแผลผ่าตัดบริเวณอื่นคือ สามารถซ่อนรอยแผลผ่าตัดได้ดีกว่า หลังการเสริมหน้าอกไปแล้วจะต้องมี การนวดหน้าอกหลังเสริม
ดังนั้นการเปิดแผลบริเวณใต้รักแร้ จะทำให้สามารถนวดหน้าอกได้ในระยะเวลาที่เร็วกว่า ซึ่งโอกาสจะเกิดปัญหาเรื่องพังผืด มารัดตัวถุงซิลิโคน ทำให้หน้าอกอาจจะเกิดการแข็งตัวขึ้น ก็จะมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้น้อยลงกว่านั้นเอง
Tips : ทำศัลยกรรม
ซิลิโคนหน้าอก
บางคนเคยสงสัยว่าการเลือกใช้ถุงซิลิโคนเสริมหน้าอกระหว่าง ถุงซิลิโคนผิวแบบเรียบกับถุงซิลิโคนผิวที่มีความขรุขระ มีข้อแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนที่ดีกว่ากัน และมีผลกระทบต่อร่างกายน้อย
ถุุงซิลิโคนชนิดผิวเรียบได้มีการพัฒนาและเริ่มนำมาใช้มานานมากแล้ว แต่ถุงซิลิโคนเสริมหน้าอกที่เป็นผิวขรุขระเพิ่งจะเริ่มนำมาใช้ภายหลังจากชนิดผิวเรียบ โดยเชื่อว่าถุงซิลิโคนผิวขรุขระมีโอกาสน้อยกว่าที่จะเกิดการแข็งตัวของอก
ปัจจุบันราคาของถุงซิลิโคนทั้งสองประเภทมีราคาใกล้เคียงกัน โดยศัลยแพทย์ส่วนมากจะเลือกใช้ซิลิโคนผิวขรุขระให้กับคนไข้มากกว่า เพราะจะช่วยลดการเกิดพังผืดที่ถุงซิลิโคนที่ทำให้หน้าอกแข็งตัว แต่คนไข้ก็จำเป็นที่จะต้องนวดหน้าอกหลังเสริมไปด้วย
การเสริมเต้านม
หากท่านที่กำลังสนใจเสริมอก ประการแรกควรทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง เพื่อจะได้มีการตรวจสอบสภาพของเต้านมและร่างกาย ซึ่งคนไข้สามารถสอบถามและบอกความต้องการของคนไข้ให้แพทย์ทราบ เพื่อที่จะได้รับรู้ถึงรายละเอียดต่างๆ ก่อนทำการผ่าตัดให้เข้าใจ
การผ่าตัดเสริมเต้านมเทียม จะใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังจากผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งรอยแผลผ่าตัดอาจอยู่ที่บริเวณใต้รักแร้ รอบปานนม หรือใต้ฐานเต้านม โดยอาจมาจากความต้องการของคนไข้และการแนะนำของแพทย์
หลังการผ่าตัดทำหน้าอก คนไข้อาจได้รับความรู้สึกตึงและปวดขึ้นได้ประมาณ 2-3 วันหลังจากทำ ซึ่งถือว่าเป็นอาการที่ปกติ และหลังจากนั้นประมาณ 1-2 เดือน หน้าอกจะเริ่มเข้าที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่คนไข้ต้องมีการนวดเต้านมให้สม่ำเสมอต่อเนื่องไปอย่างน้อยอีก 6-8 เดือน เพื่อป้องกันการแข็งตัวของหน้าอกอีกด้วย
ถุงนมก่อมะเร็งหรือไม่
ซิลิโคนเสริมเต้า ปกติอายุการใช้งานจะอยู่กับร่างกายของคนไข้ได้ตลอดไป เนื่องจากวิวัฒนาการทางการแพทย์ได้พัฒนาให้ถุงซิลิโคนมีคุณภาพสูงกว่าเดิม โดยเฉพาะถุงนมเกรดเอที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา และได้รับการยืนยันว่า ถ้าหากถุงนมเกิดแตกขึ้นมาไม่ว่ามาจากสาเหตุใด ก็จะไม่เป็นสาเหตุให้กับสารที่ก่อเกิดมะเร็งเต้านมได้
โอกาสแตกรั่วของถุงนม เนื่องจากที่ผ่านมามีข่าวดังในเรื่องถุงนมของประเทศฝรั่งเศษยี้ห้อหนึ่ง ที่แตกและทำให้เกิดก่อสารมะเร็งเต้านม เนื่องเป็นถุงนมที่ไม่ได้คุณภาพ แต่ก็ได้รับการยืนยันจากศัลยแพทย์ว่ายังไม่มีข้อมูลจริงในเรื่องนี้ โดยปกติซิลิโคนหากคุณภาพไม่ดี เมื่อใช้ไปประมาณ 5 ปี โอกาสที่จะเกิดการแตกหรือรั่วไหลได้ถึงร้อยละ 3-5 หลังจากเสริมหน้าอกไปแล้ว
Credit : โรงพยาบาลเลอลักษณ์
Admin : Chanya
view
:
34584
Post
:
2014-06-23 16:01:37
ร่วมแสดงความคิดเห็น