วันนี้กลับมาสู่ 10 อันดับอีกครั้ง และในวันนี้เองก็จะนำเรื่องลับสุดยอดของโลกมาฝากกัน แต่ก็น่าเสียดายที่เรื่องลับๆ ก็อาจจะไม่มีจริงอยู่บนโลกก็ได้ ในเมื่อวันนี้เราจะกล่าวถึง 10 องค์กรลับของโลกกัน! เจออย่างนี้เข้าไปเล่นเอาไม่แน่ใจเลยจริงๆ ว่าองค์กรลับเหล่านี้มีจริงหรือเป็นแค่เรื่องอุปโลกน์ขึ้นมากันแน่ เพราะมีเหล่าคนดังหลายคนเลยทีเดียวที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรลับนั้น
ว่าแต่จะมีองค์กรอะไรมั้งติดตามมาได้เลย
10. องค์กร Skull and Bones
สมาคมหัวกะโหลกและกระดูกไขว้เป็นสมาคมที่ก่อตั้งในมหาวิทยาลัยเยลในปี 1832 เริ่มต้นขึ้นในหมู่นักศึกษาปีสุดท้าย จากนั้นสมาชิกเก่าจะคัดเลือกทาบทามเชิญนักศึกษาเพียงปีละ 15 คน โดยมีคุณสมบัติของผู้จะได้รับการคัดเลือกคือ ในครอบครัวเคยเป็นสมาชิกองค์กรนี้มาก่อน, เป็นคนหนุ่มไฟแรงมีความกระตือรือร้นสูง, ชอบการเมือง, ฐานะดี, ฉลาด, เก่งกีฬา และชอบทำงานเป็นทีม โดยสมาชิกทุกคนจะต้องมาพบหน้าทุกวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ของแต่ละสัปดาห์ โดยสมาชิกเหล่านี้ถูกเรียกว่า “สุสาน” สมาคมแห่งนี้ให้ความสำคัญต่อสมาชิกเป็นหลัก และเคารพกฎเหนือสิ่งอื่นใด โดยทิ้งความเชื่อเดิมแล้วรับเอาเป้าหมายและปรัชญาของสมาคมเพียงหนึ่งเดียวคือ “เป็นผู้นำโลก” ซึ่งในแต่ละช่วงสมาชิกสมาคมนี้จะมีประมาณ 500-600 คน ปัจจุบันว่ากันว่าสมาชิกของสมาคมนี้ก่อร่างสร้างตัวเป็นตระกูลมั่งคั่ง เป็นเจ้าเศรษฐกิจ รวมถึงมีอิทธิพลไพศาลของโลก เช่นตระกูล Harriman, Rockefeller, Payne, Davison นอกจากนี้ยังแทรกซึมไปทุกวงการของสังคมอเมริกัน เช่น รัฐบาล, นักกฎหมาย, นักการเมือง, สื่อสารมวลชน, การศึกษา, ธนาคาร, นักธุรกิจ, การค้า, อุตสาหกรรม, สำนักพิมพ์ และคริสตจักร ในตำแหน่งบริหารอันดับสูง ทำการกำหนดนโยบาย เป้าหมาย กิจกรรมทุกอย่าง แม้กระทั่งชื่อจริงของสมาชิกจะต้องถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด ว่ากันว่าองค์กร CIA ก็ถูกสมาคมนี้ชักใยอยู่เบื้องหลัง และบุคคลสำคัญในปัจจุบันที่เปิดเผยตัวได้ คือ อดีตประธานาธิบดีอเมริกา จอร์จ บุช เขาเป็นสมาชิกของสมาคมหัวกระโหลกไขว้ และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญใน CFR
อันดับ 9 องค์กร Freemasonry
องค์กรฟรีเมสัน เป็นองค์กรภราดรภาพที่มีที่มาของเบื้องหลังอันลึกลับตั้งแต่ราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป้าหมายแรกของพวกฟรีเมสันคือการต่อสู้กับศาสนาคริสต์ หลังจากนั้นเป้าหมายของพวกนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นการต่อสู้กับทุกสิ่ง นอกจากนั้นแล้วพวกนี้ยังได้ใช้เครื่องหมายใหม่เป็นรูปสามเหลี่ยมและวงเวียนปลายแหลมสองด้านเป็นสัญลักษณ์อีกด้วย แหล่งพบปะหรือที่เรียกกันว่า “ลอดจ์” (lodge) แห่งแรกของคนพวกนี้ถูกตั้งขึ้นในอังกฤษโดยใช้คำขวัญใหม่ว่า “เสรีภาพ ภราดรภาพและเสมอภาค” การเข้าเป็นสมาชิกฟรีเมสันส์จะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก จะต้องเป็นชายที่มีความเป็นอิสระ ไม่ผูกพัน เชื่อในความมีตัวตนของพระผู้เป็นเจ้า มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ต้องมีจิตใจดีงาม มีคุณธรรมและจริยธรรม และข้อสุดท้ายก็คือจะต้องมีชาติกำเนิดที่เป็นไท ไม่เคยตกเป็นทาส และต้องผ่านพิธีกรรมลับ หากใครก็ตามที่แอบเห็นการกระทำพิธีกรรมลับอันนี้ก็จะต้องถูกให้เข้าเป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์ องค์กรฟรีเมสันในปัจจุบันมีด้วยกันหลายรูปหลายแบบในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมีสมาชิกประมาณ 5 ล้านคนที่รวมทั้งเกือบ 2 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา และราว 480,000 คนในอังกฤษ, สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ และเชื่อกันว่าองค์การนี้ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะมีสมาชิกกระจายอยู่ในทุกวงการไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดี, รัฐมนตรี, ผู้พิพากษาศาลสูง, วุฒิสมาชิก, ผู้ว่าการรัฐ ฯลฯ หรือคนระดับโลกที่ประสบความสำเร็จที่ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกขององค์กรลับตั้งแต่เด็กๆ องค์กรเหล่านี้รับสมาชิกยากมากจริงๆ แต่เมื่อรับไปแล้วสมาชิกก็จะเขยิบขึ้นเป็นคนระดับโลก เดินทางมาไหนไปประเทศใด จะมีมือที่มองไม่เห็นคอยจัดการอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง เมื่อปฏิบัติการงานสิ่งใดก็จะมีมือที่มองไม่เห็นคอยจำกัดศัตรูเพื่อให้ท่านใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น
อันดับ 8 องค์กร Rosicrucians
โรสิครูเซี่ยน เป็นศาสนศาสตร์สมาคมลับที่ก่อตั้งขึ้นประมาณศตวรรษที่ 16 โดยคริสเตียน โรเซนครูสทธ์ (Chrisan Rosenkreuz) ชาวเยอรมัน ที่ถือหลักคำสอน “ความจริงลึกลับของอดีตกาล” มีเอกสารสามชุดเผยแพร่คือ Fama Fraternitatis Rosae Crucis (ค.ศ.1614), Confessio Fraternitatis (ค.ศ.1615) and The Chymical Wedding (ปี ค.ศ.1616) เอกสารเหล่านี้เผยแพร่อย่างกว้างขวางและมีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ เนื่องด้วยเนื้อหาบอกเรื่องราวลึกลับการศึกษาวิถีแบบโบราณ การศึกษา ภาษาคับบาลายุคโบราณ จิต วิญญาณ และเทคนิคของการเล่นแร่แปรธาตุ เพื่อความมั่งคั่งโดยสามารถแปรธาตุโลหะทั่วไปให้เป็นธาตุทองคำได้ ที่ต่อมาสมาชิกของสมาคมนี้ก็กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์และมีอิทธิพลในยุโรปในหลายสาขา ไม่เว้นแต่การเมืองของยุโรปเช่นกัน อีกครั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับฟรีเมสัน เพราะแนวคิดบางส่วนของโรซิครูเซียนถูกนำไปใช้ร่วมกับแนวคิดของฟรีเมสัน นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับลัทธิโปรเตสแตนต์และขยายไปทั่วโลกในเวลาต่อม
ส่วนสัญลักษณ์ของสมาคม คือ ไม้กางเขนและดอกกุหลาบซึ่งอยู่ตรงกลางไม้กางเขน ว่ากันว่าชาวเยอรมันเป็นผู้นำอย่างพระเจ้าไกเซอร์และฮิตเลอร์เคยเป็นสมาชิกในองค์กรนี้ด้วย
อันดับ 7 องค์กร Ordo Templis Orientis
ออโด เทมพลี โอเรี่ยนติส เป็นองค์กรศาสนาก่อตั้งต้นศตวรรษที่ 20 โดยอเลสเตอร์ โครวลีย์ (Aleister Crowley) ชาวอังกฤษ โดยองค์กรนี้มีเอี่ยวกับฟรีเมนสัน แล้วยังมีเป้าหมายที่ต้องการให้องค์กรที่ร่างกฎหมายในองค์กรมาใช้เป็นศูนย์กลางหลักและเป็นศาสนาใหม่สำหรับยุคใหม่ โดยสมาชิกกลุ่มมี พิธีกรรม การแต่งตัวและพิธีเป็นของตัวเอง และว่ากันว่าพิธีกรรมเหล่านี้ลึกลับ มนต์ดำ กามราคะ ฯลฯ ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 3,000 คนทั่วโลก และหลายคนจัดว่าเป็นกลุ่มลัทธิซาตานสมัยใหม่ซะด้วย
อันดับ 6 องค์กร Hermetic Order of The Golden Dawn
จัดว่าเป็นลัทธิมนต์ดำที่รุ่งเรืองมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เป็นศูนย์รวมของจิตวิญญาณและเคยเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีอิทธิพลใหญ่ที่สุดในโลกตะวันตกมาแล้ว ก่อตั้งในปี ค.ศ.1888 โดยคนสามคนซึ่งก็คือ William Wynn Westcott , William Robert Woodman และ MacGregor แถมสามคนนี้เป็นมันสมองของ Freemasonry โดยกลุ่มนี้มีจุดประสงค์คือการสอนปรัชญาลึกลับและพัฒนาบุคลากรให้เข้าใจหลักโหราศาสตร์, การทำนายต่างๆ กลุ่มนี้มีความพยายามรวบรวมพิธีกรรม และหลักปรัชญาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งทำให้เกิดอิทธิพลอย่างมากต่อชาวตะวันตกในช่วงระยะเวลานั้น โดยบุคคลที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนี้ก็มี A.E.Waite (ผู้กำเนิดไพ่ทาโรต์ ) นอกจากนี้ยังมีผู้กวี, นักประพันธ์, นักเขียนบทละคร และนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากมายที่เป็นสมาชิกกลุ่มนี้ เท่ากับว่ากลุ่มนี้มีอิทธิพลต่อในวงการศิลปะและวัฒนธรรมนั้นเอง และกลุ่ม Golden Dawn นี้ก็ได้ปิดฉากลงในปี 1914 เพราะสมาชิกร่อยหรอและหมดความสนใจลง รวมระยะเวลาของลัทธินี้มีทั้งหมด 26 ปีด้วยกัน แต่กระนั้นก็มีการฟื้นฟูลัทธินี้อยู่ในช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นองค์การทางศาสนา แต่ก็ยังมีการสอนเรื่องไพ่อยู่ ที่มีการอิงไปทางศาสนาอยู่มากจนถึงปัจจุบัน
อันดับ 5 องค์กร The Knights Templar
อัศวิน เทมพลาร์ หรือชื่อเต็มคือ The United Religious, Military and Masonic Orders of the Temple and of St John of Jerusalem, Palestine, Rhodes and Malta นับว่าเป็นชื่อที่ยาวมาก โดยองค์กรนี้เป็นกลุ่มอัศวินศาสนาคริสเตียนที่มีบทบาทในสงครามครูเสด ก่อตั้งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 12 ในปี 1119 ซึ่งมี Hughes de Payens ชนชั้นสูงจากฝรั่งเศสพร้อมกับอัศวินผู้ติดตามอีก 8 คนเป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายคือปกป้องผู้แสวงบุญในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งกลุ่มนี้ได้เป็นกลุ่มที่สร้างระบบธนาคาร ภายหลังมีตำนานต่างๆ ที่เกิดจากกลุ่มนี้ รวมไปถึงกลุ่มนี้ค้นพบของวิเศษบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ เช่นโมเสสใช้ติดต่อกับพระเจ้า บางตำนานก็ว่าเป็นชิ้นส่วนของไม้กางเขนที่ใช้ตรึงพระเยซู บางตำนานก็กล่าวว่าในนั้นเก็บเอกสารสำคัญบางอย่างที่มีมาตั้งแต่สมัยพระเยซู แม้จะสร้างผลงานมากมาย ทว่าในระยะแรกกลุ่มอัศวินนี้ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ประทังชีวิตด้วยของบริจาค จึงได้รับการขนานนามว่า อัศวินผู้ยากไร้ จนกระทั่ง 9 ปีต่อมากลุ่มนี้สร้างชื่อเสียงหลายครั้งจนมีผู้บริจาคเงินทองมากมายอีกทั้งมีกิจการหลายแห่ง มีดินแดนจนแทบจะครองยุโรปได้ คนชนชั้นสูงชาวยุโรปหลายคนยังส่งลูกหลานของตัวเองให้เข้าร่วมกลุ่มด้วย ทำให้กลุ่มนี้เติบโตอย่างรวดเร็วจนมีอำนาจนอกเหนือกฎหมาย แต่แล้วจุดตกต่ำของกลุ่มนี้ก็มาถึง เมื่อกลุ่มอัศวินนี้มีธุรกิจกู้ยืมเงิน แล้วมีลูกค้ามากู้ยืมเงินเพื่อไปทำสงครามมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นพระราชาและเมื่อทำสงครามพ่ายแพ้พวกเขาไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ เลยวางแผนใส่ร้ายกลุ่มอัศวินนี้ว่าเป็นพวกนอกรีต บูชาปีศาจบาโฟเมต จึงมีการสั่งประหารและยึดทรัพย์สิน เหล่าผู้นำอัศวินถูกเผาทั้งเป็นแล้วล้มสลายในที่สุด
ถึงแม้อัศวินเทมพลาร์จะล่มสลายลง พวกเขายังคงทิ้งปริศนาเอาไว้หลายอย่าง เช่น เกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกที่ยังหลงเหลือในยุโรป ทรัพย์สินของอัศวินเทมพลาร์หายไปไหน โดยในปัจจุบันมีตำนานเล่าลือของพวกอัศวินเทมพลาร์อยู่ทั่วไปว่ากันว่าพวกเขาได้แทรกซึมไปทั่ว ราชสหอาณาจักรอังกฤษ แถมยังมีสาขาองค์กรแตกแขนง ซึ่งส่วนใหญ่จุดประสงค์คือช่วยเหลือมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือสมาคม Freemasonry ที่รับธรรมเนียมปฏิบัติและพิธีกรรมจากกลุ่มอัศวิน จนกระทั้งกลายเป็นปริศนายอดฮิตที่มักมีคนนำไปแต่งนิยาย เกม หรือภาพยนตร์เสมอ
อันดับ 4 องค์กร Illuminati
สมาคมอิลลูมิ นาติ มาจากภาษาลาติน แปลว่า การรู้แจ้ง เป็นอีกหนึ่งสมาคมที่อยู่เบื้องหลังความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถูกเชื่อมโยงกับการปฏิวัติโดยเฉพาะอเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย รวมทั้งไทย โดยสมาคมนี้ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1776 (ปีเดียวกันกับที่อเมริกาประกาศอิสรภาพ) ในเมืองอินกอลสตาดท์ (บาวาเรียตอนบน) โดยอดัม ไวส์ฮอปต์ (Adam Weishaupt) ซึ่งเป็นชาวเยอรมันที่เกิดในปี ค.ศ.1748 และยังเป็นผู้เลื่อมใสในคณะเยซูอิต พ่วงด้วยการเป็นศาสตราจารย์ด้านประมวลกฎหมายโรมันเกี่ยวกับศาสนาที่เป็นฆราวาสคนแรกที่มหาวิทยาลัยอินกอลสตาดท์ ต่อมาสมาคมนี้ได้มีอิทธิพลต่อปัญญาชนและกฎหมาย มีสมาชิกหลายคนเป็นนักการเมืองที่เจริญในหน้าที่การงาน
ทว่าแนวคิดและจุดประสงค์นิกายนี้ค่อนข้างน่ากลัวนิดหนึ่งคือกลุ่มนี้ยึดถือมั่น “การจัดระเบียบโลกใหม่” การกำกับดูแลปกครองประเทศต่างๆ ทั่วโลก ผ่านรัฐบาลโลกอิสระ โดยยึดถือกฎเดียวกัน คือ ยึดถือศาสนายูดายโดยมีกลุ่มชนชาติยิวเป็นกำลังหลัก มีบางทฤษฎีก็เชื่อว่ามีความต้องการที่จะให้ประเทศอิสราเอลเป็นเมืองหลวง Illuminati เป็นกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังอำนาจอย่างลับๆ โดยการควบคุมเหตุการณ์ในโลกทุกวันนี้ผ่านทางรัฐบาลและกลุ่มบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หลายเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นการแทรกซึมและโค่นล้มรัฐบาลของหลายๆ รัฐในยุโรป การปฏิวัติที่ฝรั่งเศสและรัสเซีย การจัดฉากและก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเป็นผู้สนับสนุนเงินทั้งหมดให้ฮิตเลอร์ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวไป 6 ล้านคน, ก่อตั้ง UN หรือสหประชาชาติ IMF และ World Bank หรือธนาคารโลก อีกทั้งองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ขึ้นเพื่อเดินหมากตัวต่อไปนั้นคือกี่ยึดครองโลก...
แต่สำหรับในปัจจุบัน หลายคนเชื่อว่าสมาคมนี้ยังคงเป็นเงาที่ดำเนินการและจัดการนโยบายรัฐบาลของโลก ครอบคลุมถึงการแทรกซึมควบคุมทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง การใช้อำนาจอย่างลับๆ โดยการควบคุมเหตุการณ์ในโลกทุกวันนี้ผ่านทางรัฐบาลและกลุ่มบุคคลอื่นๆ ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกด้วย และคำว่า “อิลลูมินาติ” มักจะถูกใช้อ้างถึง New World Order (NWO) นักทฤษฎีสมคบคิดจำนวนมากเชื่อว่าอิลลูมินาติอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่การสถาปนาลัทธิดังกล่าว และข้อเท็จจริงที่สร้างความสับสนมากขึ้นไปอีกก็คือ ปัจจุบันมีกลุ่มภราดรหลายกลุ่มที่มีคำว่า “อิลลูมินาติ” อยู่ในชื่อกลุ่มด้วย
อันดับ 3 องค์กร The Bilderberg Group
หาก Illuminati อยู่เบื้องหลังควบคุมการทหารและการสงครามทั้งหมด The Bilderberg Groupd ก็คือสมาคมที่อยู่เบื้องหลังการเงิน เศรษฐกิจและที่ปรึกษาและการวางแผนระดับสูง แถมยังควบคุมนโยบายหลักๆ ของรัฐบาลของโลก บิล เดอร์เบิร์ก เป็นอีกสมาคมหนึ่งที่อยู่คู่กับฟรีเมสัน (ที่มีเอี่ยวแทบทุกงาน) ในยุค 1954 ก่อตั้งโดย Dr. Joseph Retinger ชาวยิว โดยการประชุมนัดแรกนัดกันที่โรงแรม Hotel de Bilderberg เมืองอูสเตอร์บีก ฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกลุ่ม กลุ่มนี้เป็นสมาคมลับของชนชั้นสูง สำหรับเหล่ามหาเศรษฐีในโลกแห่งการทำธุรกิจและธนาคารข้ามชาติ, วงจรการเมือง และรวมถึงประชาชนทั่วไปที่เป็นมืออาชีพ โดยกลุ่ม Bilderberg จะทำการประชุมกันปีละครั้งแล้วอย่างเปิดเผย ซึ่งกลุ่มนี้จะมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม 100 ที่นั่ง ทุก 1 ปีที่เจอกัน คนเหล่านี้มาด้วยคำถามซ้ำๆ กันทุกปีว่า “เราจะเปลี่ยนโลกนี้ ให้เป็นอย่างที่พวกเรา (ชาวยิว) อยากให้เป็นไปได้อย่างไร ? ในฐานะที่เรา (ชาวยิว) เป็นรัฐบาลโลกที่แท้จริง” พอประชุมเสร็จก็มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่าประชุมอะไรกันไปบ้าง แต่จะไม่พูดถึงวาระลับซ่อนเร้นที่รู้กันเฉพาะในหมู่สมาชิกเท่านั้น ว่ากันว่ากลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับ Illuminati และฟรีเมนสัน
แล้วในเหตุการณ์ถล่มอัฟกานิสถานและอิรัก ความพยายามในการสกัดกั้นจีน ความรุนแรงในบางจังหวัดของบางประเทศ ฯลฯ จุดมุ่งหมายคือเพื่อโลกเสรีไม่เอาคอมมิวนิสต์ ปัจจุบัน The Bilderberg Group มีสมาชิกมากมาย ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอำนาจจากภาคธุรกิจและการเมือง เช่น สมาชิกกลุ่มนี้ทั้งที่ตายไปแล้วและที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น เฮนรี คิสซิงเจอร์, บิลล์ เกตส์, เดน นิส เฮียเลย์ (อดีตผู้นําพรรคแรงงานและ รมว.ความมั่นคงของอังกฤษ), เดวิด ร็อคกีเฟลเลอร์, เจ้าชายเบิร์นฮาร์ด (พระสวามีของราชินีจูเลียนาแห่งเนเธอร์แลนด์), โรนัลด์ รัมส์เฟลด์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมี Lord Rothschild และ Laurance Rockefeller 2 ใน 100 บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเข้าร่วมด้วยอีกคน
อันดับ 2 องค์กร The Priory of Sion
ไพร เออรี ออฟไซออน หรือ สำนักศาสนาแห่งไซออน เป็นองค์กรลับสมาคมชายล้วนที่ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1956 โดยปิแอร์ ปลองตาร์ด (Pierre Plantard) ในเมืองอานเนอมาซ ทางตะวันออกของฝรั่งเศส โดยเขาได้แต่งประวัติศาสตร์ขององค์กรขึ้นมาโดยอ้างว่ามันเป็นสมาคมลับที่ก่อตั้งขึ้นในกรุงเยรูซาเล็มเมื่อปี ค.ศ. 1099 มีหน้าที่ปกป้องสายเลือดของราชวงศ์เมโรแว็งเชียง เพื่ออ้างสิทธิในราชบัลลังก์ของฝรั่งเศส จนหลายคนเชื่อและแล้วก็แพร่หลายไปทั่วยุโรป ผู้คนมากมายที่เชื่อว่าไพรออรี ออฟ ไซออนเป็นสมาคมลับในยุคเก่าซึ่งได้ปกปิดความลับที่จะล้มล้างเอาไว้ เช่น ต้นกำเนิดพระเยซู, จอกศักดิ์สิทธิ ส่วนสมาชิกคนสำคัญของสมาคมนี้ถูกกล่าวถึงใน เลส์ โดสซิเยส์เซอเกรส์ (Les Dossiers Secrets) ได้แสดงรายชื่อของเหล่าประมุขของสมาคมลับ เดอะไพรเออรี่ออฟไซออน ซึ่งมีทั้ง เลโอนาร์โด ดาวินชี, ซานโดร บอตตีเชลลี, โรเบิร์ต บอยล์, เซอร์ไอแซก นิวตัน, วิกเตอร์ อูโก ฯลฯ (ซึ่งภายหลังมีคนบอกว่ามันเป็นของปลอม) เรื่องราวของลัทธินี้ถูกนำไปแต่งนิยายมากมาย ในฐานะทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด ประวัติศาสตร์เทียม และการสับสนอื่นๆ กลายมาเป็นกระแสหลักโด่งดังในหนังสือชื่อ The Holy Blood and the Holy Grail ในปี ค.ศ. 1982 และต่อมาในนวนิยายสืบสวนชื่อ รหัสลับดาวินชี
อันดับ 1 องค์กร Opus Dei
โอปุสเดอี เป็นภาษาละติน แปลว่า งานของพระเจ้า, ผลงานของพระเจ้า หรือ “คณะสงฆ์แห่งกางเขนศักดิ์สิทธิ์” เป็นองค์กรคาทอลิก อนุรักษ์นิยม ตั้งขึ้นในวันที่ 2 ตุลาคม 1928 โดยนักบวชสเปน โฆเซ่ มาเรียเอสคิวบา ที่ถูกประกาศความศักดิ์สิทธิ์เป็นนักบุญโดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ผู้ล่วงลับ จุดประสงค์ขององค์กรนี้คือช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุน ส่งเสริม คณะผู้เผยแผ่คำสอนของพระเยซูเจ้าของคริสตจักรและโบสถ์ โดยส่วนหนึ่งขยายความถึงการร่วมงานกับกลุ่มพระนิกายเยซูอิ เรื่องราวขององค์กรนี้โด่งดังจาก หนังสือ Davinci code หรือ รหัสลับดาวินชี ของแดน บราวน์ ที่กล่าวถึงนักบวชบำเพ็ญทุกกริยา ซึ่งความจริงแล้วองค์กรนี้ไม่มีการประกอบพิธีกรรมหรือคลั่งศาสนาแต่อย่างใด เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ขององค์กร เป็นสามัญชนที่เชื่อในพระคริสต์และพร้อมที่จะเผยแผ่ความรักของพระองค์ออกไปในวงกว้างเท่านั้น นอกจากนั้นหนังสือของบราวน์ยังผูกเรื่องให้บิช็อปโอปุสเดอีผู้หนึ่ง ไปที่สั่งการให้นักบวช (Monk) โอปุสเดอีไปกระทำฆาตกรรม แม้ความจริงแล้วองค์การนี้มิได้มีนักบวชประเภทนี้แต่อย่างใด หนังสือของแดน บราวน์ยังกล่าวไปอีกว่า องค์กรนี้อยู่เบื้องหลังและมีอิทธิพลต่อการประชุมลับของบรรดาพระคาร์ดินัลเพื่อคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป ซึ่งความจริงแล้วในจำนวนพระคาร์ดินัล 115 คน ที่จะใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง มีเพียง 2 คน เท่านั้น ซึ่งนับเป็นสมาชิกของ โอปุส เดอี
รหัสลับดาวินชีของแดน บราวน์
แต่ที่แน่ๆ ในปัจจุบันโอปุสเดอี มีจำนวนสมาชิกมากกว่า 85,000 คนใน 60 ประเทศ จนได้รับสมญานามว่า “ออคโตปุส (ปลาหมึก) ของพระเจ้า” มีศูนย์กลางการทำงานที่โรมในปี1982 เป็นนิกายที่ขึ้นตรงกับพระราชาคณะชั้นสูง ภายใต้พระลัญจกรพระสันตะปาปา และสามารถเข้าถึงพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ อีกทั้งได้รับความสนับสนุนและการส่งเสริมจากพระคาร์ดินัลผู้ทรงอิทธิพล พระและฆราวาสที่เป็นสมาชิกวงในของโอปุสเดอีจำนวนมาก สมาชิกในองค์กรได้ครองตำแหน่งสูงๆ ในระบบราชการของสำนักวาติกัน ทั้งนี้รวมถึง โจอาควิน นาวาร์โร-วัลส์ หัวหน้าโฆษกสำนักวาติกัน จึงไม่น่าแปลกอะไรที่หลายฝ่ายเชื่อว่าโอปุสเดอี เป็นองค์กรคริสตจักรอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว มีอำนาจบารมีซึ่งซ่อนอยู่ภายใน โดยทำตัวลึกลับและคอยบงการชักใยคริสตจักรคาทอลิกอีกชั้นหนึ่ง
ที่มา: teen.mthai.com และ toptenthailand