10 บุคคลในประวัติศาสตร์ที่เชื่อว่าทำสัญญากับปีศาจเพื่ออำนาจและพรสวรรค์
2014-06-17 11:49:17

          ทุกวันนี้ยังมีหลายๆ คนเรายังหาวิธีง่ายๆ ในการแสวงหาความมั่งคงหรืออำนาจ การทีจะบรรลุจุดประสงค์เหล่านี้เราจะต้องฉลาด มีความสามารถ แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ เรียนเรอะโครตน่าเบื่อ ใช้เส้นเรอะก็ไม่ค่อยมี ดังนั้นมีอีกวิธีหนึ่งที่ทำง่ายที่สุดคือการทำสัญญากับปีศาจ

 

          Deal with the Devil มีความ หมายว่า การขายวิญญาณให้กับปีศาจ (แต่ผมจะเรียกว่า บุคคลที่ทำสัญญาปีศาจดีกว่า เพราะหลายอันดับไม่ใช่คนชั่วร้าย) การทำสัญญาของปีศาจ ปรากฏในวัฒนธรรมและพื้นบ้านของยุโรปเป็นเวลานาน มีความหมายว่าการทำสัญญาบุคคลระหว่างคนธรรมดากับซาตานหรือปีศาจตัวอื่นๆ โดยแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณของตน(เช่น เด็กทารก เหยื่อสังเวย, การร่วมเพศ, ดวงวิญญาณของตน) เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้,ทรัพย์สินหรืออำนาจ ทำให้บุคคลธรรมดาเหล่านั้นมีมันสมองและพละกำลังเก่งกาจเกินมนุษย์ทั่วไป

 

 

          การทำสัญญานั้นอาจใช้ได้วาจาและ ลายลักษณ์อักษร โดนจะมีพิธีกรรม โดยใช้เครื่องหมายในการเรียกปีศาจ โดยใช้เลือกหรือหมึกในการวาด ดังที่ปรากฏในหนังสือ กุญแจย่อยของโซโลมอน (Lesser Key of Solomon) หรือ คลาวิคิวลา ซาโลมอนิส (Clavicula Salomonis) ซึ่ง เป็นตำราเวทย์ซึ่งไม่ปรากฏชื่อผู้แต่งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเป็นหนังสือที่แพร่หลายที่สุดในปิศาจวิทยา รายละเอียดของภูตและการอัญเชิญเพื่อใช้งาน

 

          นอกจากนี้คำว่า “Deal with the Devil” ยังถูกใช้ในการประณามบุคคลที่ชั่วร้ายหรือระบอบการปกครอง เช่น ฮิตเลอร์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว เป็นต้น และ10 อันดับต่อไปเป็นบุคคลที่หลายคนเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ทำสัญญากับปีศาจ

 

 

อันดับ 10 Pope Sylvester II

 

 

          สมเด็จพระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ที่  2 (ค.ศ.945 - 5/12/1003) เป็นพระสันตะปาปาที่ดำรงตำแหน่งใน ค.ศ.999 ถึง ค.ศ.1003 นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้ความสามารถเก่งกาจเกินมนุษย์ทั่วไป เป็นผู้เชี่ยวชาญในคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ กลศาสตร์ เป็นคนถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีจากโลกมุสลิมขนานใหญ่สู่ยุโรป เขายังเขียนหนังสือเกี่ยวกับคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ, ดนตรีและปรัชญา ด้วยความเก่งทำให้มีข่าวลือว่าที่ท่านมีสติปัญญาและนักประดิษฐ์นี้เป็นผลมาจากการทำสัญญากับปีศาจ

 

 

อันดับ 9 Nicolo Paganini     

 

 

          นิคโคโล ปากานินี(27/10/1782 - 27/5/1840) เป็นนักดนตรีชาวอิตาลีที่มีพรสวรรค์ในการเล่น ดนตรี ตอนเป็นเด็ก เขาถูกเลี้ยงดูโดยบิดาที่เจ้าอารมณ์และบังคับเขาเล่นไวโอลิน เขาเคยป่วยหนักด้วยโรคหัดจนใครๆ นึกว่าเขาตายแล้ว ร่างของเขาถูกห่อด้วยผ้าพันศพแต่ยังโชคดีที่ไม่ได้ฝังเขาไปเสียก่อน และหลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็แสดงพรสวรรค์ด้านไวโอลินตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และแสดงต่อหน้าสาธารณะขณะอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น และเริ่มชื่อเสียงแล้วได้รับการยอมรับถึงฝีมือการเล่นว่าเป็นที่หนึ่งในยุคนั้น ด้วยวิธีการเล่นที่เหนือมนุษย์ เทคนิคการเล่นไวโอลินแบบแปลกๆ เช่นปรับสายไวโอลินสายใดสายหนึ่งให้สูงกว่าครึ่งเสียง เทคนิคดับเบิ้ลสต็อป การเล่นพิซซิคาโตด้วยมือซ้ายและการเล่นไวโอลินด้วยสายน้อยกว่า 4 สายด้วยเทคนิคฮาร์โมนิคและยังได้แต่งเพลงโซนาต้าโดยใช้สาย G เพียงสายเดียวอีกด้วย

          ด้วยภาพลักษณ์ของปากานินี ที่หน้าตาที่ซีดขาวคล้ายศพเดินได้ รอยยิ้มที่คล้ายกับรอยยิ้มของซาตาน แววตาที่ยิ้มของเขาคล้ายกับถ่านไฟที่ลุกโชน ทำให้มีเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจเกี่ยวกับตัวเขา สาธารณชนเริ่ม รู้จักปากานินี่ในฉายาว่า "Hexensohn” หรือทายาทปีศาจ ว่ากันว่า พรสวรรค์และความสามารถของเขาได้รับมาจากซาตาน  โดยทำสัญญาในขณะที่ใกล้ตายด้วยโรคหัดตอนเด็ก ทำให้หลายๆ คนหวาดกลัวเขา ถึงขนาดถ้าใครบังเอิญไปถูกตัวเขาเข้าจะต้องทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนทันทีเพราะความกลัวอาถรรพ์ร้ายในฮอลแลนด์ผู้คนกล่าวกันว่าเขาเดินทางมาถึงที่นั่นด้วยเรือเหาะในตำนานชาวดัทช์คือ Flying Dutchman

          ด้วยข่าวลือนี้ทำให้ประชาชนเข้าไป ดูงานคอนเสิร์ตของปากานินีเต็มทุกรอบ เพลงของเขาสามารถตรึงผู้ชมให้อยู่กับที่โดยไม่มีใครกล้าลุกไปไหน กวีบางคนถึงกับบรรยายว่าบทเพลงของทำให้เห็นสวรรค์และนรกปานนั้น ปากานินีเสียชีวิตในวันที่ 27 พฤษภาคม 1840 แต่โบสถ์ปฏิเสธจะนำศพประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เนื่องจากเขาปฏิเสธพิธีรับศีลครั้งสุดท้าย ศพของเขาถูกเก็บไว้ในห้องใต้ดินนานถึง 5 ปีจนกระทั่งครอบครัวเขาได้ยื่นคำร้องต่อทางโบสถ์เพื่อขอประกอบพิธีทางศาสนาให้แก่เขา ผู้คนต่างโจษจันถึงเหตุผลในการปฏิเสธของทางศาสนจักร บ้างก็เชื่อว่าเขายังไม่ตายและมีคนเชื่อว่าเขาเป็นพวกนอกรีตจนกระทั่ง 5 ปีต่อมา บุตรชายของเขาจึงได้ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อองค์พระสันตปาปาเพื่อขอให้มีพิธีฝังศพเขาที่โบสถ์แห่งหนึ่งใกล้ๆ กับเมืองเจนัว

 

 

อันดับ 8 Gilles de Rais

 

 

          กิลล์ เดอ เรยส์ (ค.ศ. 1404 - ค.ศ.1440) อดีตคนสนิทของแจนน์ ดาร์คหรือโจน ออฟ อาร์ค วีรสตรีชาวฝรั่งเศสที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด โดยกิลล์ เดอ เรย์นั้นเป็นขุนนางที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะและกล้าหาญเจ้าของฉายาเคราสีน้ำเงิน เขาเกิดในครอบครัวที่มีชื่อเสียงมั่งคั่งในมณฑลฝรั่งเศส หลังจากแจนน์ ดาร์คก็ถูกทหารฝ่ายศัตรูจับและถูกเผาทั้งเป็นในฐานะแม่มดเมื่อปี 1431 กิลส์ก็เริ่มบ้า เขาเริ่มใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือยและหลงใหลในการเล่นแปรธาตุเปลี่ยนโลหะเป็นทองคำ จนกระทั้งเขาไปรู้จักชายคนหนึ่งชื่อฟรานคอยส์ เปรลาติ (Francesco Prelati) ที่บอกเขาว่าให้สังเวยเด็กเพื่อบูชาปีศาจที่ชื่อ “บารอน” จนเป็นเหตุทำให้เขาต้องกลายเป็นฆาตกรฆ่าข่มขืนเด็กเพื่อเป็นเครื่องสังเวยให้กับปีศาจในระหว่างปี 80 และ 200 ว่าเหยื่อของเขาน่าจะมีมากกว่า 1500 ราย และผลสุดท้าย กิลส์ ถูกตัดสินให้ประหารโดยการแขวนคอและเผาในวันที่ 26 ตุลาคม  1440

 

 

อันดับ 7 General Jonathan Moulto

 

 

          โจนา ธาน(21/7/1726 - 18/9/1787) เริ่มต้นเป็นแค่เด็กฝึกงานช่างทำตู้ แต่ในปี 1745 เขาไปเริ่มต้นอาชีพใหม่ในนิวอิงแลนด์ เขาเข้าร่วมการต่อสู้ใน King George ในสงครามฝรั่งเศสและอินเดีย เขาแต่งงานในปี 1749 มีลูก 11 คน และเขาก็เป็นหนึ่งคนร่ำรวยใน New Hampshire ตามตำ นานโจนาธานก็เริ่มขึ้นเมื่อ 1769 เมื่อเขาสร้างคฤหาสน์ขึ้น มีหลายคนเล่าว่าโจนาธานเคยบอกภรรยาว่าเขาจะขายวิญญาณของเขาปีศาจเพื่อให้พวก เขามีทรัพย์สมบัติที่เขาต้องการ โดยเขาจะใส่รองเท้าบู๊ตเดือนละครั้งและวางรองเท้าเขาให้ปีศาจ แล้วปีศาจนั้นจะเติมเงินทองในรองเท้าบู๊ดจนเต็ม เชื่อว่าหลังจากที่โจนาธานตายร่างกายของเขาหายไปจากโรงและถูกแทนที่กล่องใส่เหรียญกับตรามาร โลงของโจนาธานเลยถูกฝังโดยไม่มีเครื่องหมายและฝังในสถานที่ที่คนไม่รู้จัก

 

 

อันดับ 6 Father Urbain Grandier

 

 

          เออร์ เบน กรานเดียร์ (ค.ศ.1590 - ค.ศ.16/8/1634) บาทหลวงผู้อื้อฉาวพระคาทอลิกฝรั่งเศสที่ถูกตัดสินโดยการประหารโดยการเผา โดยข้อหาก่ออาชญากรรมด้วยมนต์คาถา เขาทำหน้าที่เป็นพระในโบสถ์ Sainte Croix ใน Loudun เขาเป็นที่รู้จักกันในเรื่องมักมากในกาม มีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงและมีชื่อเสียงในเรื่องเจ้าชู้ ในปี 1632 แม่ชีหลายคนกล่าวหาว่า เขามีเวทมนต์จากการทำสัญญากับปีศาจเพื่อให้ได้ผู้หญิงที่ตนต้องการ หลังจากนั้นเขาก็ถูกจับและถูกนำตัวมาทรมานจนได้พบหลักฐานใบสัญญาที่เขาทำไว้กับปีศาจ เป็นภาษาลาตินและรวมถึงลายเซ็นที่เชื่อว่าเป็นของซาตาน โดยเนื้อหาเขียนเป็นภาษาอังกฤษดังต่อไปนี้

 

We, the influential Lucifer, the young Satan, Beelzebub, Leviathan, Elimi,

(พวกเรา...ลูซิเฟอร์ผู้ทรงอำนาจ ซาตานผู้เยาว์ เบลเซบับ เลเวียธาน อีไลมิ)

 

and Astaroth, together with others, have today accepted the covenant pact

(และแอสทารอธ พร้อมพรั่งด้วยตนอื่น พร้อมรับข้อสัญญาร่วมกัน)

 

of Urbain Grandier, who is ours. And him do we promise

(แห่งเออร์เบน แกรนเดียร์ ผู้ที่เป็นของพวกเรา และทำสัญญาแก่พวกเรา)

 

the love of women, the flower of virgins, the respect of monarchs, honors, lusts and powers

(ความรักของ อิสตรี บุปยาแห่งพรหมจารีย์ ความยำเกรงแห่งบัลลังก์ เกียรติยศ กามราคะ และอำนาจ)

 

He will go whoring three days long; the carousal will be dear to him. He offers us once

(เขาจะเพลิด เพลินไปกับกามกิจกว่าสามทิวา การร่ำสุราเฉลิมฉลองคือความรื่นรมย์แก่เขา เขาจะขอแก่พวกเราเป็น ครั้งหนึ่งใน)

 

in the year a seal of blood, under the feet he will trample the holy things of the church and

(ปีแห่งตรา ประทับโลหิต เขาจะเหยียบย่ำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งมวลแห่งศาสนจักรภายใต้ฝ่าเท้า)

 

he will ask us many questions; with this pact he will live twenty years happy

(เขาจะถามคำ ถามพวกเรามากมาย ด้วยข้อสัญญานี้ เขาจะดำรงชีวิตแสนสุขเป็นเวลายี่สิบปีบริบูรณ์)

 

on the earth of men, and will later join us to sin against God.

(ในแผ่นดิน แห่งมนุษย์ และต่อมาจักต้องร่วมกับพวกเราในบาปตรงข้ามพระผู้เป็นเจ้า)

 

Bound in hell, in the council of demons.

(ตราผูกมัดในนรกภูมิ ในสภาแห่งอสูร)

 

Lucifer Beelzebub Satan

(ลูซิเฟอร์ เบลเซบับ ซาตาน)

 

Astaroth Leviathan Elimi

(แอสทารอธ เลเวียธาน อีไลมิ)

 

The seals placed the Devil, the master, and the demons, princes of the lord.

(ตราทั้งหลายประทับว่า ปีศาจ ผู้เป็นนาย และเหล่าอสูร เจ้าชายแห่งผู้ปกครอง)

 

Baalberith, writer.

(บาอัล เบริธ...ผู้ร่าง)

 

 

อันดับ 5 Giuseppe Tartini

 

 

          ตาร์ตินี่ (8/4/1692 - 26/2/1770) เป็นนักแต่งเพลงและนักไวโอลินชาวอิตาเลียนในศตวรรษที่ 18 เขาเป็นหนึ่งในนักประพันธ์ที่มีผลงานมากกว่า 400 ผลงาน ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่ใช้ในโบสถ์ไม่ก็โอเปร่า และผลงานที่เด่นที่สุดคือเพลงที่ชื่อ the Devil's Trill Sonata ที่มีท่วงทำนองร้อนแรง โดยเขาอ้างว่าเขาแต่งบทเพลงนี้จากความฝันว่าได้ทำสัญญากับซาตาน ซึ่งบรรเลงไวโอลินโซนาต้าที่มีความไพเราะมากบทหนึ่งให้แก่เขา แต่เมื่อตื่นขึ้นมาเขาไม่สามารถจดจำบทเพลงนั้นได้เลย ตาร์ตินี่จึงลองแต่งโซนาต้าเพื่อเลียนแบบเพลงในฝันของซาตาน ความพิเศษของ Devil’s Trill sonata อยู่ในท่อนสุดท้าย นักไวโอลินต้องเล่นรัวสาย (Trill) บนสายหนึ่ง ในขณะนิ้วอื่นๆ ต้องเล่นบนสายที่เหลืออย่างรวดเร็ว

          ตาร์ตินี่บอกว่าซาตานตนนั้นบรรเลงเพลงด้วยฝีมือชั้นยอด ด้วยจินตนาการในแบบที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีใครทำได้ เขาฟังอย่างหมดเรี่ยวแรงแทบจะลืมหายใจ พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ เขาเริ่มจับไวโอลินทันทีโดยหวังว่าจะจดจำบางเสี้ยวของสิ่งที่พึ่งได้ยินมาได้ แต่กลับจำไม่ได้เลยนั่นคือเพลง Devil's Sonata แต่มันยังห่างไกลจากสิ่งที่ทำให้เขาตะลึงงัน ตาร์ตินี่กล่าวว่าเขายอมพังไวโอลินทิ้งและเลิกเล่นดนตรีอย่างเด็ดขาดหากได้เป็นเจ้าของเพลงนี้

 

 

อันดับ 4 Cornelius Agrippa

 

 

          คอร์เน ลิอุส อะกริบป้า (9/14/1486 – 2/18/1535) เป็นนักเขียนแห่งยุคเรอเนอซอซ์ช่วงประมาณคริสตศตวรรษที่14 ถึง 16 เขามีความรู้ด้านกฎหมายและยา  รวมทั้งเป็นหมอผี, ทนายความ, หมอดู และนักล่นแร่แปรธาตุ ทั้งๆ ที่ไม่เคยได้รับปริญญา อีกทั้งเขายังเป็นผู้นำสิทธิสตรีที่มักออกตัวปกป้องผู้หญิงที่กล่าวหาว่าเป็นแม่มด เขาเขียนหนังสือลึกลับ 3 เล่มและยังคงใช้จนถึงทุกวันนี้ หนึ่งในนั้นคือหนังสือชื่อ On Occult Philosophy ตำรานี้มีทั้งตัวอักษรภาษาฮิบรูและภาษากรีก เขายืนยันว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะรู้จักกับพระเจ้าคือการเรียนรู้อำนาจวิเศษในปี 1535 เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนนอกรีตและพิพากษาให้ตาย เขาหนีและล้มป่วยจนเสียชีวิต หลังจากการตายของเขามีข่าวลื่อว่าปีศาจได้ปลุกเขาให้คืนชีพและมีเพื่อนเป็นสุนัขสีดำขนาดใหญ่ท่องไปแดนต่างๆ

 

 

อันดับ 3 Robert Johnson

 

 

          โรเบิร์ต จอห์นสัน (8/5/1911 - 16/9/1938) เขาเป็นดนตรีผิวสีชาวอเมริกัน เจ้าแห่งดนตรีบูลส์ เจ้าแห่งกีตาร์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่สร้างชื่อทั้งๆ ที่อายุยังน้อย เขาบันทึกผลงานในช่วงปี 1936-1937 รวมผลงานเพลงจำนวน 29 เพลง แต่ละเพลงล้วนชั้นยอดทั้งสิ้น

          ในช่วงแรกๆ นั้นโรเบิร์ต จอห์นสันเป็นเพียงนักดนตรีธรรมดาที่ได้แต่เดินตามและลอกเทคนิคนักดนตรีดังๆ เท่านั้น เขาไม่ประสบผลสำเร็จอะไรเลย แต่หลังจากไม่กี่เดือน เขาหายตัวไปและกลับมาพร้อมเทคนิคและการเล่นที่เหนือชั้นที่ไม่รู้ว่าเขาฝึกฝนมาจากที่ไหนหรือใครเป็นผู้ถ่ายทอดให้กับเขา จนหลายคนต่างซุบซิบเป็นที่กล่าวขานว่า เขาขายวิญญาณให้กับซาตานในร่างของชายผิวดำร่างยักษ์ ณ บริเวณสี่แยกที่เรียกว่าเดลต้ามิสซิสซิปปีเพื่อแลกกับฝีมืออันสุดยอดนี้!

          แต่มันก็เป็นเรื่องที่ร่ำลือที่ปราศจากการพิสูจน์หรือค้นหาข้อเท็จจริง หลายฝ่ายแค่เดาแค่หลายบทเพลงที่โรเบิร์ตแต่งและร้องนั้นมักจะเกี่ยวข้องกับซาตานเสมอ รวมไปถึงพฤติกรรมประหลาดที่เขามักหันหน้าเข้าผนังเวลาเล่นกีตาร์ร้องเพลงในห้องอัด และที่สำคัญเขาจากโลกนี้ไปทั้งๆ ที่อายุยังน้อย เพียง 27 ปีเท่านั้น ด้วยอาการเจ็บป่วย บางมีคำเล่าขานว่าเขาโดนวางยาในแก้วเหล้าจากผู้ชายลึกลับคนหนึ่ง

 

 

อันดับ 2 Johann Georg Faust

 

 

          ดร.เฟาสท์ (ค.ศ. 1480 - ค.ศ. 1540) เป็นนักเล่นแปรธาตุพรเนจร โหราจารย์และหมอผีชาวเยอรมันในศตวรรษที่ 16 เป็นคนขี้โอ่อวดอ้างว่าสามารถบันดาลสิ่งมหัศจรรย์เพราะมีพญามารเป็นพวก เขาได้รับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย Krakow ชีวิตของเขามีเรื่องเล่ามากมายทำให้ยากที่จะหาข้อเท็จจริงในประวัติชีวิตของเขาได้ ตำนานมีอยู่ว่าเขาต้องการมีชีวิตที่มีแต่ความเป็นหนุ่มความรู้และอำนาจเลยเรียนเรื่องไสยและวิธีการเรียกปีศาจ โดยสองเพื่อนสนิทของเขา Martin Luther และ Philip Melachton ได้เป็นพยานในพิธีสัญญาผูกพันเฟาสท์และซาตาน

          เรื่องของเขายังถูกนำมาเล่าเป็น นิยายในเรื่อง The Tragical History of Doctor Faustus (1604) and Goethe's Faust (1808) ที่เป็นเรื่องราวของชายผู้มีความรู้ท่วมตัวและทะเยอทะยานที่ไม่มีที่สิ้นสุด วันหนึ่งโชคชะตาชักนำให้เขาพบกับเมมฟิสโต้ (Mephistopheles) ปีศาจ ผู้สงสัยในอำนาจของพระเจ้าและเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ หากไม่หลงเชื่อในภาพลวงตาแห่งสวรรค์ที่พระเจ้าเสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์คับขันที่ต่างฝ่ายต่างมีภารกิจที่จะต้องสนองตัณหาของตนเอง เฟาสท์จึงยอมขายวิญญาณให้แก่เมฟิสโต้เพื่อแลกกับความเป็นหนุ่มอีกครั้งและมีความสัมพันธ์กับมาร์กาเร็ตเต้สาวบริสุทธิ์ และทำให้เธอท้องแต่ว่าเธอก็ต้องถูกประหารเพราะฆ่าลูกของตัวเอง เลยทำให้แผนการของเมมฟิสโต้ที่จะทำให้เฟาสท์รู้สึกสมประสงค์ก็ต้องผิดพลาดไป จากนั้นเฟาทส์ก็ถูกพาย้อนเวลาไปสมัยโรมัน โดยให้เจอกับทั้งจักรพรรดิโรมและสาวงามอย่างเฮเลน แต่เฟาทส์ก็ไม่รู้สึกพอใจแต่อย่างใดเมมฟิสโต้เลยพาเฟาสท์กลับมาที่เยอรมัน และที่นั้นก็ทำให้เฟาสท์พอใจเขาสิ่งที่เขาต้องการ เมมฟิสโต้เลยจะเอาวิญญาณของเขาไป แต่ก็ต้องถูกฑูตสวรรค์มาขัดขวางและนำดวงวิญญาณของเขาไปหาพระแม่มารีแทน

 

 

อันดับ 1 St. Theophilus of Adana

 

 

          นักบุญทีโอฟิลุสผู้สำนึกผิดหรือทีโอฟิลุสแห่งเอดานา (เสียชีวิตในปีค.ศ. 538) เป็นพระในศริสตจักรเมื่อที่ได้รับการกล่าวว่าได้ทำสัญญากับปีศาจเพื่อได้รับตำแหน่งของสงฆ์ เนื่องจากเขาไม่พอใจในไม่ได้รับเลือกในตำแหน่งใหญ่ๆ เขาทำสัญญาเลือดแก่ซาตานจนได้ดำรงตำแหน่งอธิการ แต่ภายหลังเขาสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำขอร้องขอให้อภัยโทษต่อหน้าพระแม่มารี จนเขาได้เห็นประจักษ์พระแม่มารีและให้อภัยโทษต่อเขา เรื่องราวของท่านได้กลายเป็นเรื่องที่เก่าแก่ที่สุดในการทำสัญญากับปีศาจและยังเป็นแรงบันดาลใจเรื่อง Faust ส่วนภาพวาดด้านบทเป็นของ Michael Pacher

 

 

ที่มา: legendto.blogspot.com


Admin : Maimai
view
:
4949

Post
:
2014-06-17 11:49:17


ร่วมแสดงความคิดเห็น