ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย เมื่อแฟนเก่ากับแฟนใหม่เป็น...(3)
2014-06-13 10:30:00

     หลังจากคลอดเสร็จ ฟักพื้นไม่นานแผลก็หายเจ็บ จำได้ว่าประมาณหนึ่งอาทิตย์ เราให้นมลูกเองค่ะ ช่วงนั้นก็เลี้ยงลูกช่วยกันกับพี่แพท  ลูกบอกชื่อลูกเราค่ะ ชื่อน้อง ไอวี่ ค่ะ เราเป็นคนตั้งเอง ส่วนชื่อจริงพี่แพทกับสามีเขาตั้งให้ ที่ให้ชื่อนี้ จริงๆอยากให้คล้องกับชื่อพ่อเขา นึกชื่ออะไรไม่ออกเลยจริงๆ นอกจากตัว อ กับ ว  ในตอนนั้น ก็เลยได้ชื่อนี้มา

 

 

     น้องไอวี่ตอนทารกนี่เลี้ยงยากมากกก ร้องไห้เก่งมากค่ะ ยิ่งดึกๆนี่มาแล้วว หิวนมไม่รู้จักเวล่ำเวลาจริงๆ เราไม่ได้นอนเต็มอิ่มซักคืนเลยค่ะ ต้องตื่นกลางดึกมาให้นมน้องตลอด ช่วงนั้นก็ลดความอ้วน ดูแลตัวเองไปด้วย เพราะต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัย ขอหุ่นดีนิดนึง แต่พอคลอดน้องเสร็จ เราก็ผอมลงไปเยอะมาก ไม่นานก็ตัวเล็กค่ะ อาจไม่เท่าแต่ก่อน แต่ก็เล็กลงจากเดิมมาก ดูไม่เหมือนคนลูกหนึ่ง พอใกล้เปิดเทอม เราก็ไปสมัคร มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพค่ะ เราเลือกเรียน คณะบริหารค่ะ เพื่อจะจบมาช่วยธุรกิจของพี่แพทด้วย ช่วงรอเปิดเทอมเราก็เลี้ยงน้องไอวี่ ช่วยงานพี่แพทบ้าง แม่เราก็ส่งเงินมาให้ทุกเดือนค่ะ พอเปิดเทอม  พี่แพทก็เป็นคนเลี้ยงน้อง รวมถึงจ้างพี่เลี้ยงด้วยค่ะ เพราะต่างคนต่างไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร  มหาลัยเราเรียนหนักมาก มีเรียนปรับพื้นซัมเมอร์ เรียนพิเศษนู่นนี่นั่น แต่ยังดีที่เราได้ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส จึงค่อนข้างได้เปรียบคนอื่นจึงไม่ต้องลงเรียนบางตัวค่ะ

 

     ชีวิตในมหาลัยก็สนุกดีค่ะ เรียบๆง่ายๆสบายๆ มีสนุกบ้างแต่ก็ไม่ท่าชีวิตในปารีส เราย้ำกับตัวเองเสมอว่าเราจะไม่พลาดเหมือนที่เคยผ่านมา ก่อนเราจะทำอะไร เราคิดแล้วคิดอีกเสมอค่ะ เพราะเราไม่ได้เป็นเพียงวัยรุ่นอายุ 19 ธรรมดาๆ เรามีลูกแล้ว เรามีภาระที่ต้องดูแล ถึงพี่แพทจะเป็นแม่ให้  แต่ในความรู้สึกเรา เขาคือลูกของเราค่ะ เพื่อนที่มหาลัยไม่มีใครรู้ว่าเรามีลูกแล้ว  พี่แพทบอกว่าปิดไว้จะเป็นการดีกว่า เราก็เห็นด้วย จึงไม่ได้บอกใคร ส่วนเพื่อนคนไหนมาบ้าน เห็นเด็ก ก็บอกว่าเป็นลูกพี่สาว เพื่อนก็ไม่มีใครเอะใจอะไร ส่วนเรื่องหนุ่มๆเหรอคะ ก็มีเข้ามาบ้าง แต่เราไม่เปิดรับใครเลยค่ะ เราบอกตรงๆว่าเรายังลืมโอลิวีไม่ได้ ทุกครั้งที่มองหน้าลูกเราก็คิดถึงแต่เขา ใครเข้ามาจีบ เราปฎิเสธทุกคนค่ะ พี่แพทก็เตือนเรื่องนี้ พี่เขาไม่ได้ห้ามเลยค่ะ พี่เขาบอกว่า คนดีๆยังมีอีกเยอะ อย่าปิดโอกาสตัวเองกับแค่ผู้ชายคนเดียว แต่จริงๆเราไม่ได้ปิดโอกาสตัวเองนะ  เราก็คุยบ้าง แต่เราไม่ชอบจริงๆค่ะ ไม่รู้ว่าแย่มั้ย เราชอบเอาผู้ชายที่เข้ามาคุย ไปเปรียบเทียบกับโอลิวีทุกคน ซึ่งมันเทียบกันไม่ได้เลยค่ะ เราจึงไม่คบใคร ไม่สนใจผู้ชายคนไหน จนเราขึ้นปี 2 เราได้เลือกเรียนวิชาเสรี และเราก็ได้พบกับผู้ชายคนนึงค่ะ..

 

     เราเลือกวิชาเสรี เป็นวิชาภาษาฝรั่งเศส เพราะเรามีความรู้ พูดได้ เลยคิดว่าน่าจะเรียนเก็บเกรดได้ไม่ยากค่ะ ในคลาสส่วนมากเป็นคนไม่ค่อยมีพื้นฐานกันเท่าไร เพราเป็นวิชาเลือกเสรี ส่วนมากก็มีแต่นักศึกษาคณะอื่นที่ไม่ใช่ศิลปะศาสตร์(คณะที่เรียนเกี่ยวกับภาษา)เข้ามาเรียน

 

     คลาสแรกเราเข้าไป มีนศประมาณ 20 กว่าคนค่ะ อาจารย์ก็ถามว่าใครมีพื้นฐานหรือพูดฝรั่งเศสเป็น ใครเคยไปอะไรแบบนี้ เราก็ไม่ได้เสนอตัวเองนะ แต่เพื่อนข้างๆเราน่ะสิ มันรู้ มันก็เลยยกมือบอกอาจารย์ว่าเราๆๆ เราก็เลยได้เล่าว่าเราเคยไปอยู่ปารีส 3 ปี แล้วก็พูดภาษาฝรั่งเศสให้เพื่อนฟัง เพื่อนๆทั้งชั้น โหหหหห กันเป็นแถวเลยค่ะ พอเราพูดจบ อาจารย์ก็ถามต่อว่ามีใครพูดได้อีกมั้ย  ก็มีผู้ชายคนนึงยกมือขึ้น เขาเป็นคนจัดว่าหน้าตาดีคนนึง สูงโปร่ง ผิวแทนแบบนักกีฬา ดูจากบุคลิกไม่น่าดูเป็นคนพูดฝรั่งเศสได้  เขาเล่าว่า เขาเคยไปฝรั่งเศส 1 ปีค่ะ แล้วเขาก็พูดฝรั่งเศสฉอดๆ สำเนียงเทียบกับคนฝรั่งเศสได้เลย ไม่น่าจะไปแค่ปีเดียว แตเหมือนไปอยู่มาหลายปีมากกว่า
 

     เขาชื่อ ธีร์ ค่ะ หลังจากคลาสนั้นก็ปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนคลาสต่อไป อาจารย์ให้งานเป็นกลุ่ม โดยให้นับ 1-4 เรียงไปเรื่อยๆใครนับเลขดียวกันก็อยู่กลุ่มเดียวกัน เราบังเอิญได้อยู่กลุ่มเดียวกับธีร์ค่ะ โดยกลุ่มนึงมี 4-5 คน เราเริ่มสนิทกับธีร์ตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ ก็มีแลกเบอร์กัน ไปกินข้าวกลางวันกันบ้าง แต่เขาไม่ได้ออกตัวว่าจีบเราจริงจัง แต่มันส่งข้อความมา แบบกินข้าวด้วยนะครับ ตื่นนอนยังเอ่ย อะไรแบบนี้ทุกวันเลยค่ะ เขาเป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ  แต่ดูเป็นคนอบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ และมีความรับผิดชอบมาก เขามีทั้งส่วนเหมือนและต่างกับโอลิวี โอลิวีจะเป็นคนร่าเริง คุยเก่ง น่ารัก เฮฮา ส่วนเขาจะออกแนวเงียบๆขรึมๆมากกว่า ส่วนที่เหมือนกันก็คือ ความเป็นผู้ใหญ่ค่ะ ความจริงจังในความรัก เขาทั้งสองจะชัดเจนมาก

 

     เรากับธีร์คบกันไปแบบเพื่อนประมาณเกือบปีค่ะ เขาก็สารภาพว่ารักเรา แล้วก็ขอเราคบ   เอาจริงๆคือเรารู้สึกดีกับธีร์มากนะ เขาเป็นคนดี ดูแลเราได้ จัดว่าเป็นผู้ชายที่โอเคคนนึงเลย แต่คำว่า ลูก ยังติดอยู่ในใจเราเสมอค่ะ เรามีลูกแล้ว แล้วเราสัญญากับตัวเองว่าถ้าหากมีแฟนคนที่สอง เราจะเปิดเผยเรื่องที่เราเคยมีลูก และเขาคนนั้นจะรับได้หรือไม่ ก็คงต้องปล่อยไป เราไม่อยากโกหกค่ะ  แต่ตอนนั้นเราก็เซย์เยสไปนะ เพราะใจนึงเราก็ชอบเขามากๆ และกลัวว่าถ้าหากปฎิเสธคงต้องเสียเขาไปอย่างแน่นอน หลังจากที่คบกัน เขาหวานกับเรามากกว่าเดิมอีกค่ะ ดูแลเทคแคร์ดีมากๆ แถมพาเราไปเปิดตัวที่บ้าน พ่อแม่เขาน่ารักมากค่ะ บ้านก็ค่อนข้างมีฐานะเลย พ่อแม่เขาก็ใจดีกับเรามากด้วย แบบชวนเราไปทานข้าวที่บ้านตลอด แต่ยิ่งคบ เราก็ยิ่งรู้สึกผิด เราปิดบังเขา แล้วเรื่องที่ปิดบังก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย ถึงอย่างนั้นเราก็ยังไม่บอก  ก็ยังคบต่อไป แต่เราตั้งใจไว้ว่า จะบอกเขาแน่นอนค่ะ 



     *วนมาถึงเรื่องแม่บ้างนะคะ แม่เรารู้แล้วค่ะ ว่าหลานของแม่คือลูกเรา แม่เรากลับมาเยี่ยมหลานที่ไทย เราไม่ได้เป็นคนบอกกับปาก  พี่แพทเป็นคนบอกแม่ค่ะ น้องไอวี่หน้าตาค่อนฝรั่งมาก ถึงจะนิดเดียว แต่ก็ดูออกค่ะ น้องผิวขาว ตาน้ำตาล ผมดำ แต่หน้าฝรั่งนิดๆ แถมหน้าไม่ได้เราเลยด้วย จะหลอกว่าเป็นลูกพี่แพทกับสามี ก็ยิ่งไม่ได้ เลยตัดสอนใจบอกความจริงค่ะ แม่โกรธมาก ถึงขนาดตามหาตัวโอลิวี  แต่เราขอร้องแม่ว่าอย่าทำอย่างนั้นเลย อะไรๆมันคงสายไป แล้วก็ไม่มีประโยชน์แล้ว จนสุดท้ายท่านก็ยอมรับได้ 

 

     เราคบกับธีร์มาเรื่อยๆจนอยู่ปี4 ค่ะ รักกันดี ทะเลาะกันบ้างเล็กน้อยตามประสา ธีร์เคยพบไอวี่แล้วค่ะ เขาเคยไปบ้านพี่แพท (ปัจจุบันเราอยู่คอนโดเก่าแม่) เพราะใกล้มหาลัยมากกว่า เขาชอบน้องมากค่ะ ชอบเล่นกันมาก เอะอะๆก็เค้าซื้อของเล่น ของกินไปฝากไอวี่นะ  ตอนนี้ไอวี่ 3 ขวบแล้วค่ะ กำลังซนเลย เราให้ลูกเรียกพี่แพทว่า แม่ ส่วนเรียกเราว่า มามี๊ (โตมาน้องคงงงเน้อะ มีแม่สองคน)ค่ะ เราไม่ขอลงดีเทลรายละเอียดมากเน้อะ

 

     ตอนเรียนจบเลยนะคะ เรียนจบมาเราก็ยังคงคบกับธีร์อยู่ค่ะ เราทำงานอยู่ที่บริษัทของสามีพี่แพท ส่วนธีร์เค้าก็ช่วยพ่อแม่ทำธุรกิจที่บ้าน เราคบกับธีร์ได้ 4 ปีครึ่ง เขาก็มาขอเราหมั้นค่ะ พ่อแม่เขาก็ยินดีเพราะเราหน้าที่การงานก็ค่อนข้างโอเค การศึกษาโอเค เข้ากับพ่อแม่เขาได้ แต่เรามีเรื่องลูกเข้ามาทำให้หนักใจ เรายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขา เราเคยคิดนะคะว่าจะบอก แต่พอถึงเวลาแล้ว เราก็ไม่กล้าทุกที

 

     แต่วันนั้น เราตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดค่ะ บอกเขาว่าไอวี่ เป็นลูกของเรา ตอนแรกเขาไม่เชื่อค่ะ เขาคิดว่าเราอำเล่น แต่เราก็ยืนยันค่ะ เราร้องไห้ออกมา พร้อมบอกว่าขอโทษเขา เขาเริ่มตลกไม่ออก แล้วพูดว่า ทำไมไม่บอกเขาตั้งแต่แรก ? ทำไมปล่อยไว้นานขนาดนี้ เราพูดอะไรไม่ออกจริงๆ นอกจากคำว่าขอโทษ แล้วก็บอกเขาว่า ถ้าเขารับไม่ได้จริงๆ เลิกกับเราก็ได้ เราผิดเอง

 

      ธีร์ทำหน้าเครียดมาก ก่อนจะลุกขึ้น แล้วบอกว่า กลับเถอะ เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน ใจเราร้อนรุ่มมากค่ะ เราร้องไห้ตลอดทาง เราคิดในใจว่ายังไงเขาคงจะรับไม่ได้ เรื่องของเรากับเขาคงจะจบกันวันนี้ แต่เราเตรียมใจมาแล้วล่ะค่ะ ไม่ว่าเขาจะรับได้หรือไม่ได้  ความจริงก็คือความจริง เราทำอะไรไว้ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำนั้น เขาขับรถมาส่งเราที่บ้าน โดยไม่พูดอะไรกับเราสักคำ  เราก็เอาแต่นั่งน้ำตาไหล เปิดประตูเข้ามาในบ้าน ไอวี่วิ่งมาหาเรา แล้วพูด “มามี๊กลับมาแล้ววว มามี๊” พอเขาเห็นเราร้องไห้ก็มากอดเรา “มามี๊เป็นอะไรครับ ใครทำอะไรรมี๊ บอกวี่เร็วววว” เราร้องไห้หนักกว่าเดิมอีกค่ะ เรากอดลูกไว้แล้วร้องไห้ วันนั้นคิดถึงแต่เรื่องเก่าๆค่ะ คือคิดว่าไม่น่าทำแบบนั้นเลย วันนี้คงไม่เป็นแบบนี้ อะไรอย่างนั้น

 

      หลังจากวันนั้น ธีรหายไปค่ะ เขาไม่ติดต่อกลับมาเลย อาการเก่าๆกลับมาอีกครั้ง เราเฮิร์ทเหมือนครั้งก่อน แต่ไม่ได้ขนาดนั้น นี่ก็เป็นเพราะลูกค่ะ ถ้าไม่มีเขาเป็นกำลังใจ เราคงไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงตอนนั้น เราก็ไม่กล้าพอที่จะติดต่อธีร์กลับไปจริงๆค่ะ เพราะเราเป็นคนผิดเต็มๆ  เราคิดแค่เพียงว่า ถ้าหากเขารักเราจริง และรับเรื่องราวเหล่านั้นได้ เขาก็คงติดต่อกลับมาเอง

 

     หลังจากนั้นเกือบ2อาทิตย์  ธีร์มาหาเราที่บ้านค่ะ เราตกใจบวกกับดีใจมากที่ในที่สุดเขาก็กลับมา ทั้งๆที่เราทำใจไว้แล้วว่ายังไงเขาคงไม่กลับมา แต่นี่เกินคาดจริงๆ เขากลับมาบอกเราว่า เขารับได้ ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง เขารับได้หมด เพราะเขารักเรา เราดีใจมากจนไม่รู้จะพูดยังไงเลยค่ะ  เขาบอกว่า ยังไงเขาก็จะไม่ถอนงานหมั้น ที่หายไปคือเขาไปตั้งสติค่ะ เรื่องมันเร็วมากจนตั้งหลักไม่ทัน แต่เขาบอกว่า เขาขอไม่บอกเรื่องน้องไอวี่กับพ่อแม่เขา เพราะกลัวท่านรับไม่ได้ เราก็โอเคค่ะ เขาว่ายังไงก็ว่าตามนั้น

 

     หลังจากนั้น เราก็คบกันเรื่อยๆค่ะ (วางแพลนว่าอีก3เดือนจะหมั้นค่ะ) ธีร์ใจดีกว่าที่เราคิดมาก เขาให้ไอวี่เรียกเขาว่า ปาป๊า ด้วยค่ะ เขายังคงเอ็นดู รักลูกเราเหมือนเดิม เราซึ้งใจจนไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆ

 

     ก่อนจะถึงวันหมั้น  เรากับธีร์ก็รักกันดีค่ะ เรื่อยๆไม่มีอะไรพิเศษ ก็มีไปเลือกชุดงาน จัดสถานที่ ของไหว้ผู้ใหญ่ บลาๆๆ (ข้ามไปเนอะ น้ำเยอะไปแล้วววTT) ก่อนวันหมั้นหนึ่งอาทิตย์จึงมีการเลี้ยงฉลองกันก่อนงานหมั้น มีการจัดกินข้าวกันเล็กๆอบอุ่นๆ  วันนั้นเราได้เจอญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายธีร์เยอะมากเลยค่ะ แทบจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร (ลืมบอกไปค่ะ ธีร์เป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่ไม่มีน้องนะคะ)

 

      เราไปเจอผู้หญิงคนนึงค่ะ เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก หน้าตาหมวยๆ ที่คุณป้าของธีร์แนะนำให้เรารู้จัก บอกว่าเธอเป็นพี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง)ของธีร์ มาจากฝรั่งเศสเหมือนเรา พูดฝรั่งเศสเก่งมาก บลาๆๆ (พูดเยอะอวยหลานตามประสาคนแก่น่ะค่ะ) แล้วเราก็มีโอกาสได้คุยกับผู้หญิงคนนั้นค่ะ เธอชื่อ พลอย อายุมากกว่าเราประมาณ 3 ปี เธออยู่ฝรั่งเศสตั้งแต่ 10 ขวบ แต่เป็นคนไทยแท้ๆ เราคุยเรื่องนู่นเรื่องนี่กันถูกคอมากค่ะ

 

     คุยไปคุยมาคือ เธอแต่งงานได้ปีกว่าๆแล้ว  และสามีของเธอก็กำลังเดินทางมาที่นี่ เราก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลยค่ะ สาบานว่าไม่เลย ไม่เลยสักนิดเดียว จนกระทั่งเราได้เจอกับสามีของเธอ … เราอึ้งเลยค่ะ ทันทีที่เห็นหน้าเขา คำว่า อึ้ง ยังน้อยไปสุดๆ ในฟิลลิ่งตอนนั้น เราแทบจะล้มอยู่ตรงนั้นเลย โอลิวี เป็นเขา  ใช่เขาแน่ๆ เราไม่มีทางจำผิด ท่าทาง บุคลิก หน้าตานั่นมันคือเขาไม่ว่ายังไง เขามองมาที่เรา ต่างคนต่างตกใจ พูดอะไรไม่ออกทั้งคู่

 

     เราหยิกตัวเองหลายครั้ง ว่าแบบนี่มันฝันหรอ หรือใครเล่นตลกอะไรกัน แต่ไม่ค่ะ ทุกอย่างมันจริงยิ่งกว่าจริง เขาอยู่ตรงหน้าเราค่ะ โอลิวีจริงๆ ตัวเป็นๆ !! เราได้แต่ยืนเอ๋อ เหมือนคนล่องลอยอะค่ะ แบบทำอะไรไม่ถูกจริงๆ เขาก็คงอารมณ์เหมือนเรา ตกใจ  ช๊อก เอ๋อ ทำอะไรไม่ถูก 
เราเลยขอตัวเข้าห้องน้ำ เราเข้าไปตั้งสติค่ะ เรารนมาก ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ใจนี่เต้นจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก ไอวี่ก็อยู่ในงาน เขาจะรู้มั้ยนะ ว่าลูกชายแท้ๆของเขา อยู่ห่างกับเขาแค่นิดเดียว พอตั้งสติได้เราออกมาข้างนอก พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราพยายามไม่มองเขา แต่เขามองเราอยู่แทบตลอดเวลาเลยค่ะ เรารู้สึกได้

 

     งานก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนค่ำ ญาติๆก็ขอตัวกลับกันหมด (งานจัดที่บ้านธีร์ค่ะ) จนมีโอกาสที่เราอยู่คนเดียว โอลิวีก็เดินมาคุยกับเรา  เขาถามว่า นั่นใช่ พีชใช่ไหม ? ผมจำคุณได้ ใช่คุณใช่ไหม ? อะไรประมาณนี้ เราน้ำตาจะไหลไปตามคำถามเขา เราก็ตอบไปตามความจริงว่าใช่ เราคือเรา เขาถามเราว่า เราเป็นยังไงบ้าง .. ทำไมโลกกลมแบบนี้ ไม่น่าเชื่อเลย เรากลั้นน้ำตาค่ะ แล้วตอบเขาว่า เราสบายมาก เราโอเค  นั่นสิเนอะ ทำไมโลกถึงกลมได้ขนาดนี้ เขาถามว่า เรายังโกรธเขาอยู่มั้ย เรื่องที่ผ่านมา  น้ำตาเราไหลค่ะ กลั้นไม่ได้แล้วจริงๆ เราตอบเขาไปว่า เราไม่เคยโกรธเขา เราเข้าใจทุกอย่าง อยู่ๆเขาก็พูดคำนี้ขึ้นมาค่ะ คำที่ทำให้เราตกใจแทบจะสิ้นลม “ลูกผม.. เขายังอยู่ใช่มั้ย ลูกผมอยู่ไหน ให้ผมได้เจอเขาบ้างได้ไหม”

 

     เหมือนอะไรมากระชากวิญญาณเราหลุดไปทันทีที่เขาพูดจบ เขารู้เรื่องนี้  รู้ได้ยังไง  เรารู้สึกเหมือนจะล้มเลยค่ะตอนนั้น ขาอ่อนมาก  ใจเต้นแรงจนหายใจไม่ออก เราถามขาไปว่า เธอรู้ ? เธอรู้มาตลอดหรอ เขาบอกว่าเขารู้ เพราะเพือนสนิทเราที่ฝรั่งเศสเป็นคนบอกเขา (เมื่อไอวี่เกิด เราก็บอกความจริงกับเพื่อนๆที่สนิทค่ะ ) เราช๊อกมากค่ะ แล้วก็เสียใจมากด้วย คือเขารู้มาตลอด วินาทีนั้น เราแบบรู้สึกเกลียดชังผู้ชายตรงหน้าจับใจเลยค่ะ เขาก็ถามไถ่ถึงเรื่องลูกเรื่อยๆ เขาถามว่า ลูกเป็นยังไง ลูกชายใช่มั้ย เขาชื่ออะไร ให้เขาได้เจอลูกบ้าง เขาขอมีส่วนร่วมในการดูแลลูกบ้าง ให้เขาได้ช่วยลูก ไม่ว่าจะเป็นเร่องเงินหรือเรื่องอะไร บลาๆ

 

     เราช๊อกกับทุกอย่างจนกว่าจะสรรหาคำตอบอะไรมาตอบเขา เราบอกตรงๆ คือตอนนั้นเราไม่ต้องการอะไรจากเขาเลยค่ะ สักอย่างเดียว ไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบ ไม่ต้องการให้เขาปรากฏตัว ไม่ต้องการเงินสักสลึงเดียวจากเขา ทุกอย่างมันกำลังดี มันกำลังไปได้สวย เรากำลังได้มีครอบครัวที่อบอุ่นแบบที่เคยฝัน แต่นี่เขาเข้ามาทำให้มันพังหมดเลยค่ะ เราคิดไม่อออกว่าเราจะสามารถหน้าด้าน หรือลอยหน้าลอยตา หมั้นกับผู้ชายที่มีพ่อของลูกเราเป็นพี่เขยเขาได้ เหมือนโลกสลายไปต่อหน้าอีกครั้ง เพราะผู้ชายคนเดียวกันซ้ำๆ หลังจากวันนั้น เราก็นัดเจอกับโอลิวีค่ะ เราพาลูกไปให้เขาเจอ(ไม่ได้ต้องการอะไรนะคะ แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อแท้ๆของไอวี่ ไม่ให้เจอกันก็คงบาปน่ะค่ะ)

 

     แต่เราขอไม่รับความเมตตาหรือความรับผิดชอบใดๆจากเขาทั้งสิ้น  เขาร้องไห้เลยค่ะ ทันทีที่เจอไอวี่ เขากอดไอวี่ไว้ เราก็นั่งมองค่ะ นั่งมองทั้งน้ำตา ไม่รู้จะทำยังไง เราเจ็บมาก แทบขาดใจ  ที่เจ็บนี่คือ สงสารลูกค่ะ พ่อแท้ๆอยู่ตรงหน้า เขากลับไม่รู้ แล้วถามว่า มามี๊ ใครหรอ เขาร้องไห้ทำไม พอเราร้องไห้บ้าง ไอวี่ก็ถามว่า มี๊ร้องไห้ทำไม … มันเป็นความรู้สึกที่แบดนะคะ แบบที่สุดในชีวิต   ไม่เคยคิดว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้


โอลิวีพยายามขอเจอลูกเดือนละครั้ง เราบอกว่า อย่าเลย มันไม่ดีหรอก  เขาขอให้เขาได้ช่วยลูก อย่างน้อยก็ค่าเทอม ค่ากินค่าอยู่ แต่เราปฎิเสธทั้งหมดค่ะ เราบอกว่า เราเลี้ยงเขาโตมาขนาดนี้แล้ว เราไม่ลำบากอะไร เรามีความสุขดี ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น เขาเห็นเรายืนกรานอย่างนั้น เขาก็โอเคค่ะ เราบอกว่า ให้ต่างคนต่างอยู่  เราอโหสิทุกอย่างให้เขา ไม่อยากให้เขาต้องมารู้สึกผิดอะไร ให้เขาลืมเรื่องทุกอย่างไป เหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น  เขาถามเราว่า ถ้าไอวี่โตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ให้บอกได้มั้ยว่าเขาเป็นพ่อ

 

     เราปฎิเสธค่ะ เราคิดว่ามันไม่จำเป็นเลย เราสามารถเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้ไอวี่ได้โดยที่จะไม่ทำให้เขารู้สึกขาด เขาเห็นเราปฎิเสธทุกอย่างที่เขาเสนอ เขาก็ขอโทษเราซ้ำๆ  เราก็ยิ้มสู้ค่ะ แต่ตอนนั้นคือเราโอเคจริงๆ เราไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบอะไร ไม่ได้แกล้งทำเป็นคนดีใส่เขา คือเราคิดถึงแต่ไอวี่คนเดียว เราอยากให้เขาโตมาเป็นคนดี เป็นเด็กไม่มีปัญหา  การที่เขาโตมาแล้วจะรับรู้ว่าเขามีพ่อ แต่พ่อคนนั้นไม่ได้เลี้ยงเขา แถมยังแต่งงานกับใครที่ไม่ใช่เรา

 

     เราว่าไอวี่คงไม่แฮปปี้แน่นอนค่ะ เราไม่อยากสร้างปมให้ลูก ถ้าถามว่าเราแค้นโอลิวีมั้ย .. ตอบเลยว่าไม่ เราไม่อยากโทษใคร ทุกอย่างเกิดขึ้นเราคิดว่ามันเป็นผลของกรรม เราคงเคยไปทำไม่ดีกับเขาไว้ ในตอนนี้เรื่องมันก็เลยเป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องของธีร์ เราตัดใจขอถอนหมั้นเขาค่ะ เรื่องนี้เราปรึกษาแม่และพี่แพทดีแล้ว นี่คือทางออกที่ดีที่สุด เราคงไม่สามารถที่จะแต่งงานกับคนที่มีพี่เขยเป็นพ่อของลูกเราได้หรอกค่ะ เราบอกความจริงกับธีร์ ว่าเราได้เจอพ่อของไอวี่แล้ว แต่เราไม่ได้บอกนะคะว่าเป็นสามีของพี่สาวเขา และเราไม่อยากโกหกครอบครัวของธีร์อีกต่อไปค่ะ จึงขอถอนหมั้น

 

     ธีร์ตามง้อเราทุกวันช่วงนั้น เขาเสียใจมากที่เราตัดสินใจกะทันหัน แต่เราไม่ใจอ่อน “ทั้งๆที่เรารักเขามาก แต่มันรักไม่ได้แล้วจริงๆค่ะ” สิ่งที่เราต้องเลือกคือระหว่าง ความรัก กับ ลูก … เราเลือกลูกค่ะ เรายอมสละความรัก ความสนุกแบบวัยรุ่นหนุ่มสาว เพื่อลูก ธีร์ง้อเราประมาณ 5 เดือน ก่อนค่อยๆหายไปจากชีวิตเรา ไม่นานนักเราก็ได้ข่าวว่าเขามีแฟนใหม่ (เป็นลูกสาวของเพื่อนแม่เขา)
 

ตอนเรารู้ข่าว เราแอบร้องไห้ทุกคืน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แค่น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง เราแอบคิดเรื่องชีวิตตัวเองซ้ำๆหลายครั้งนะคะ ว่าทำไมสุดท้ายก็เป็นแบบนี้ ในชิวตเรามีผู้ชายเข้ามาสองคน แต่ละคนก็เป็นคนดี รักเรา ทุกอย่างดีไปซะหมด แต่กลับรักเขาไม่ได้ทั้งสองคน..ชีวิตรักเราพังซ้ำๆ ด้วยผู้ชายคนเดียวกัน เกือบจะดีแล้ว แต่ก็มาพังในตอนสุดท้ายจนได้ โทษใครไม่ได้ คงเป็นเวรเป็นกรรมจริงๆล่ะค่ะ ..

 

ทุกวันนี้เราอยู่แต่กับไอวี่  คอยดูพัฒนาการเติบโตของเขาก็มีความสุขดีนะคะ ตอนนี้ก้ผ่านมาหลายปีแล้ว ชินแล้วล่ะค่ะ ชีวิตตอนนี้ก็มีแต่เด็กชายไอวี่เท่านั้นที่เป็นแรงใจให้สู้ต่อแต่ละวัน  ถามว่ามีผู้ชายเข้ามามั้ย ก็มีนะคะ แต่เราเข็ดเหลือเกิน ไม่กล้ารักใคร

 

ตอนนี้ก็อยู่กับลูกค่ะ เปิดเผยได้เต็มที่ว่ามีลูกชาย ไม่ต้องปิดบังใครอีกต่อไป ดูให้เกียรติเขาดีนะคะ เขาจะได้ไม่รู้สึกว่าไม่มีใครต้องการเขา (แต่ไอวี่ก็ยังเรียกพี่แพทว่า แม่ แต่เรียกเราว่า มามี๊ เหมือนเดิมค่ะ -_-) เราสัญญากับตัวเองตลอดว่าจะเป็นแม่ที่ดี จะสอนให้เขาเติบโตมาเป็นคนดีในสังคม  จะมีความสุขในชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ให้ได้ แม้ไม่มีใครอยู่ข้างๆเหมือนครอบครัวอื่นๆ วันนี้ … เราทำได้แล้วค่ะ หน้าที่ที่สำคัญที่สุดในชีวิตเราคือการเป็นแม่ เรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิตเราแม้มันจะหนักหนา แต่เราต้องยอมรับ และสู้กับมัน ทุกอย่างทีผ่านมาเป็นบทเรียนที่แสนยิ่งใหญ่ในชีวิตผู้หญิงธรรมดาๆคนนึงจริงๆค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจอีกครั้งค่ะ

 

ตาโตดอทคอม ก็ขอเป็นกำลังให้คุณพีช สู้ๆเพื่อน้องไอวี่ นะคะ

สามารถเข้าไปให้กำลังให้กับคุณพีช ได้ที่ http://pantip.com/topic/32166023


Admin : Chanya
view
:
2556

Post
:
2014-06-13 10:30:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น




ครบเครื่องเรื่องผู้หญิง