ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย เมื่อแฟนเก่ากับแฟนใหม่เป็น...(2)
2014-06-13 10:35:00

     วันสำคัญไม่ว่าวันไหนไม่มีลืม มีของขวัญ มีของแพงๆ ทำอะไรดีๆให้กันตลอดค่ะ แล้วคิดดูสิคะ ในเมืองปารีสที่แสนโรแมนติกก เราได้อยู่กับผู้ชายที่แสนเพอร์เฟ็กและโรแมนติกขนาดนี้ มันจะรักขนาดไหนกัน จนคบกันไปได้ประมาณ 1 ปี เราก็เริ่มพาโอลิวีไปเปิดตัวที่บ้านค่ะ ให้แม่ได้รับรู้บ้าง แม่เราชอบเขามากค่ะ ถึงกับเรียกว่าลูกชาย  ชวนไปเที่ยวตลอด เพราะเขาเป็นคนน่ารักค่ะ เป็นคนดี น้อบน้อม เคารพผู้ใหญ่ แต่อีกด้านก็กล้าแสดงความเห็นต่างๆเหมือนเอานิสัยคนไทยกับคนฝรั่งในทางที่ดีมาบวกกันแล้วมันโอเคอะค่ะ แม่เราก็เลยปลื้มไปกันใหญ่

 

     เราก็คบกันไปเรื่อยๆ จนถึงวันเกิดเขาในปีนึง เราสองคนวางแพลนไปเที่ยว Colmar กันค่ะ ซึ่งเป็นเมืองที่เขาว่ากันว่าโรแมนติกมากกกกกกกก ติด 1 ใน 10 ของโลก แต่ปารีสก็ติดค่ะ เราเคยไปแล้วตอนมาอยู่ปารีสใหม่ๆ ไปกับแม่ ก็ไม่รู้สึกว่ามันโรแมนติกนะ แต่พอคราวนี้ไปกับโอลิวี เรารู้สึกเหมือนมันเป็นอะไรที่เกินคำว่าโรแมนติกเลยล่ะค่ะ

 

     วันที่เราไปไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร เพราะอาจจะอยู่ในช่วงโลว์ ซีซั่น คนจึงน้อยกว่าปกติ เพิ่มความโรแมนติดคูณสิบเลยค่ะ และใช่ค่ะ เราไปกันสองต่อสองตามประสาคนรักทั่วไปจนวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมา 26 ปี เราบอกตรงๆค่ะ ไม่มีคืนไหน ไม่มีวันไหนจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นนางเอกในละครรักแสนหวานได้เท่ากับคืนนั้นอีกแล้ว เรายอมเขาทุกอย่างค่ะในคืนนั้น  (ไม่ใช่ครั้งแรกนะคะ บอกไว้ก่อน เราไม่ใช่หญิงไทยเรียบร้อยรักษาพรหมจรรย์ก่อนแต่งอะไรแบบนั้น  แต่ช่วงนั้นเราไม่ได้ป้องกันเลย) นั่นแหละค่ะ    2 ค่ำคืนแสนหวานที่เราไม่รู้เลยว่าจะส่งผลอย่างไรบ้างนับจากวันนั้นมา..

 

 

     หลังจากไปเที่ยว Colmar เราก็คบกันปกติค่ะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  รักกันดีเหมือนเดิม ตอนนั้นเราอยู่ไฮสคูลเกรด 12 แล้วนะคะ คือใกล้จะจบแล้ว โอลิวีก็เรียนใกล้จะจบแล้ว เรากับโอลิวีคบกันได้เกือบ 3 ปี แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่เคยพาเราไปรู้จักกับครอบครัวเขาเลย อาจจะมีบ้างที่พาไปที่บ้าน แต่บ้านก็ไม่มีใครอยู่ นอกจากพวกแม่บ้านอะค่ะ ก็เข้าใจว่าเขาคงอยู่กับพ่อสองคน แล้วพ่อเขาคงยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้ เราก็ไม่ได้คิดมากอะไรค่ะ แต่ช่วงๆหลังนี่เขายุ่งๆกับเรื่องทำโปรเจคจบ ก็เลยไม่ค่อยได้คุยไม่ค่อยได้เจอกัน แต่เขาก็จะส่งข้อความมาตลอดนะคะ เวลาเดิมก่อนนอน ตอนเช้าอะไรแบบนี้

 

เราก็โอเคค่ะ ไม่ได้เจอ เราก็อยู่กับเพื่อน เที่ยวๆเรียนๆ แต่ก็ต้องอ่านหนังสือไปด้วยเพราะใกล้จบแล้ว เราก็เลยไม่ได้มีเวลาคิดถึงเขามากเท่าไรค่ะ  ช่วงที่ห่างกันนั่นแหละค่ะ ก็เกิดเรื่องขึ้น วันนึง เราจำได้เลยค่ะ เราเพิ่งติวประวัติศาสตร์เสร็จกับเพื่อนที่โรงเรียน โอลิวีโทรมาหาเรา บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย เดี๋ยวผมไปรับ  น้ำเสียงเขาจริงจังผิดปกติจนน่ากลัว ตอนนั้นใจเราไม่ดีแล้วค่ะ คือใจสั่นไปหมด ในหัวนี่มีเรื่องร้ายๆ ยิ่งคิดน้ำตาก็จะไหลออกมา แล้วโอลิวีก็มารับเรา ตลอดทางที่อยู่บนรถเกร็งมากค่ะ แบบอึดอัดมาก ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่คบกัน จนเขาพาเรามาที่ร้านกาแฟร้านนึง แล้วเราก็นั่งคุยกันค่ะ

 

     ใจเราไม่ดีมาก ใจเต้นแรง หน้าร้อนผ่าว ทั้งๆที่เขายังไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ น้ำตาเราก็จะไหลแล้ว เขาเอื้อมมือมาจับเรามือเราไว้ แล้วบอกว่า เขาขอโทษ เราน้ำตาไหลเลยค่ะ ไม่ใช่แค่ไหล แต่ร้องไห้โฮเลย เราบอกให้เขาหยุดพูด ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่อยากฟัง จะบอกเลิกเราใช่ไหม แบบครวญครางเหมือนคนบ้า เราไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นไปได้ขนาดนั้น เราไม่รู้เลยว่าเรารักเขามากแค่ไหน จนวันนี้ เขาพูดซ้ำๆๆไปซ้ำๆๆมา ว่าขอโทษ ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้ เรางงค่ะ เราเอ๋อมาก อารมณ์แบบเราทำอะไรผิด เราร้องไห้ฟูมฟายเลยค่ะ ในหัวก็คิดๆๆว่าเราทำอะไรผิดไป ที่ผ่านมา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเราทำอะไรแย่ให้เขาไม่พอใจ แต่ก็คิดไม่ออก เราเอาแต่ร้องไห้ โอลิวีที่นั่งตรงข้ามเราก็แอบเห็นน้ำตาเขาปริ่มๆ หน้าแดงตัวสั่น อาจจะเป็นเพราะตกใจที่เห็นเราเป็นขนาดนี้ หรืออารมณ์อะไรก็ไม่อาจจะทราบได้

 

     จนเราตั้งสติได้ค่ะ เราขอถามเหตุผลกับเขาเขาก็ตอบเรามาว่า  เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นลูกของเพือ่นสนิทพ่อที่จะลงทุนทำบริษัทด้วยกัน มีสัญญาว่าเมื่อเขาเรียนจบจะต้องหมั้น และแต่งงานกัน แต่เขาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นเลย ช่วงที่เขาหายไปคือเขาเคลียร์เรื่องนี้กับพ่อของเขา แต่ไม่ว่ายังไงพ่อเขาก็ไม่ยอม ถ้าไม่ทำตามถึงกับตัดขาดกัน เขาขอให้เรารอ เขาจะหมั้นกับผู้หญิงคนนั้น แต่ยังไงเขาก็ยังรักเราไม่เปลี่ยนไป เขาขอให้เรารอ ให้เขาเลิกกัน แล้วเขาจะมาขอเราแต่งงานเมื่อเราเรียนจบอย่างแน่นอน เขาสัญญา พอเราฟังจบ เรารู้สึกเหมือนใจจะขาด คือคำว่ารักที่เขาพูดมาแต่ละคำมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เขารักเรา แต่เขาก็ต้องไป เขาก็ต้องแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่เรา แล้วบอกให้เรารอ  ?

 

     เราจะมั่นใจได้ยังไง ว่าถ้าหากเรารอแล้วเขาจะกลับมาหาเราจริงๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเราก็ทนไม่ได้อยู่ดี คนที่เรารักที่สุดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น อยู่ด้วยกันทำอะไรด้วยกัน ..เราเอ๋อค่ะ คือตอนนั้นเราเหมือนคนสติหลุดไปแล้ว  บอกตรงๆว่าเราไม่ได้เตรียมใจกับเรืองนี้เลย ไม่เคยคิดว่าจะเป็นแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าเรื่องบ้าบอแบบนี้จะเกิดกับเรา

 

     เรานั่งคิดอยู่นาน แต่ตอนนั้นบอกตรงๆว่าคิดอะไรไม่ออกเลย หัวมันตื้อไปหมด เรางงมากกว่า คือเรื่องมันเกิดเร็วมาก ตอนเราไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ แต่เราก็พูดออกไปค่ะ ว่าเราไม่รอเธอหรอก เราทนไม่ได้ที่จะรอให้เธอไปรักกับคนอื่น เราไม่มีความมั่นใจว่าถ้าเธอไปแล้วเธอจะกลับมา หรือถึงเรามั่นใจจริงๆ เราก็ทนไม่ได้แน่นอน

 

     เขาเงียบไปพักนึง พอได้ยินเราพูดจบ เขาก็บอกว่า โอเค สิ่งที่เขาขอเรามันคงฟังดูเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย แต่เขาพยายามแล้ว พยายามทำทุกอย่างให้มันดี แต่เขาทำได้แค่นี้จริงๆ  เขาจบท้ายคำพูดว่า เขารักเรา  แต่เหมือนเขายิ่งพูด เรายิ่งแย่อะค่ะ เราไม่อยากจะฟัง ไม่อยากจะรู้อะไรอีกต่อไป เราพูดคำสุดท้ายว่า โชคดีนะ ขอบคุณมากสำหรับที่ผ่านมา เรามีความสุขมาก  แต่จะดีกว่านี้ถ้าเธอไม่เข้ามา ถ้าเธอรู้อยู่แล้วว่ายังไงคนสุดท้ายในชีวิตเธอไม่ใช่เรา เธอจะเข้ามาทำให้เราอยากเป็นคนสุดท้ายในชีวิตเธอทำไม เราพูดแบบนี้จริงๆน ไม่ได้ดราม่าโอเว่อเลย คือยังจำได้ดีจนวันนี้ ความจริงพูดเยอะค่ะ แต่รวบความได้ประมานนี้ แล้วเราก็พูดว่าลาก่อน แล้วเดินออกมาจากร้าน โทรหาให้เพื่อนมารับ แล้วก็ร้องไห้แบบบ้าๆเลย

 

     วันนั้นเราไม่กลับนอนบ้าน  เราเมา กินเหล้า นอนบ้านเพื่อน จากนั้น เราแทบไม่อยากจะทำอะไร หนังสือหนังหาอ่านเตรียมสอบเข้าทิ้งหมดค่ะ ไม่จับ โรงเรียนก็แทบไม่ไป ติวก็ไม่ติว ทำตัวแย่มากจนอาจารย์ที่โรงเรียนโทรมาบอกแม่เรา แม่เราเรียกเราไปคุย เราเล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง

 

      แม่เราเข้าใจค่ะ ท่านไม่ว่าอะไร เราร้องไห้ ท่านก็กอดเราไว้แล้วร้องไห้ไปพร้อมกับเรา ที่เราเจ็บปวดยิ่งกว่านั้น … ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา โอลิวีไม่ติดต่อมาเลย ทั้งโทรศัพท์ ข้อความ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เรารอแทบตาย ถึงปากบอกว่าจะไม่รอ ไม่ทน แต่ความจริงเรารอเขาตลอด เราเคยโทรหาเขาสายนึง แต่เขาไม่รับสาย ไม่โทรกลับ ไม่ติดต่อกลับ เราจึงไม่กล้าพอที่จะโทรไปอีก เราทั้งไปดักรอเขาที่หน้าบ้าน แต่ก็ไร้วี่แววของเขา จนเรารับรู้ได้ถึงความผิดปกติของร่างกายเรา ประจำเดือนเราขาด 2 เดือนแล้ว ยิ่งทำให้เราเครียดขึ้นไปอีก เราจึงตัดสินใจซื้อที่ตรวจครรภ์และผลก็คือ เราท้องค่ะ …

 

     ตอนแรกที่ตรวจแล้วผลออกมาเป็นแบบนั้น เราช๊อคมาก แบบทำอะไรไม่ถูก รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาด เลยซื้อที่ตรวจมาอีกอันนึงแต่คนละยี่ห้อ ซึ่งก็ให้ผลว่าท้องเหมือนเดิม จำได้เลยเรานั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำของโรงเรียนเป็นชั่วโมง ทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง จะไปปรึกษาใครดี เหมือนมืดแปดด้าน ในใจเราคิดว่า ถ้ามีโอลิวีอยู่ข้างๆก็คงดีกว่านี้ เราคงไม่รู้สึกเสียใจมากมายขนาดนี้ แต่นี่เราไม่มีใครเลย เราไม่รู้จะทำยังไง ไม่กล้าบอกแม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุด เราเอาแต่นั่งซึม นั่งเครียด ตอนก่อนจะนอนก็นอนไม่หลับเว้นซะว่าร้องไห้หนักจนปวดหัวมากแล้วหลับไป  เราไม่ปรึกษาใคร ไม่บอกเรื่องนี้กับใครจนผ่านไปหนึ่งสัปดาห์  เราโทรหาพี่แพท พี่สาวแท้ๆของเรา (ซึ่งก็ติดต่อกันตลอด พี่แพทรู้เรื่องเรากับโอลิวีทั้งหมดนะคะ) แต่เราไม่ได้บอกว่าเราท้อง เราไม่กล้าพอจริงๆ เราบอกพี่แพทแค่ว่าเราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ทุกๆอย่างที่เราเห็น ที่เราไปมันทำให้เราคิดถึงแต่เขา เราอยากเจอโอลิวี เราอยากพบเขา เราอยากคุยกับเขา แต่กลับเขาหายไปไหนไม่รู้

 

     พี่แพทถามเราว่า เราโอเคมั้ย เราอยากกลับมาไทยมั้ย กลับมาอยู่ที่นี่ กลับมาอยู่กับพี่ (พี่สาวเราแต่งงานแล้วนะคะ ตอนนี้ทำธุรกิจส่วนตัวกับสามีอยู่ที่ ไทยค่ะ) เราเห็นด้วยกับพี่แพท เราจึงตัดสินใจหนีปัญหาทั้งหมดด้วยการกลับประเทศไทย เราไปคุยกับแม่ เรื่องที่เราจะกลับไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไทย ซึ่งแม่ไม่เห็นด้วยค่ะ แม่ก็ว่าเราว่าแค่เรื่องผู้ชายคนเดียว ทำไมต้องหนีปัญหาขนาดต้องย้ายไปขนาดนี้อะไรแบบนี้ เราก็พยายามอธิบายว่าเราคิดถึงพ่อ คิดถึงพี่แพท คิดถึงเมืองไทย ถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาหาแม่ที่นี่แน่นอน  แม่เราก็ยังไม่ยอมให้เราไปง่ายๆ  อ้างว่าเรียนที่นี่ยังไงก็ดีกว่าที่ไทย  บลาๆๆ จนเราให้พี่แพทโทรมาเกลี้ยกล่อมแม่ อ้างว่าจะให้เราไปช่วยธุรกิจที่พี่กับสามีทำอยู่ ในที่สุด แม่ก็เลยยอมค่ะ

 

     เรากลับไทยอย่างกะทันหันมาก ทันทีที่เราใบประกาศเรียนจบไม่กี่วันหลังจากนั้นเราก็กลับไทยเลย ก่อนจะกลับ เราไปหาโอลิวีที่บ้านอีกครั้ง  เราตั้งใจจะไปบอก เรื่องลูกในท้องของเรา เราคิดนานมากเรื่องนี้ว่าจะบอกเขาดีรึเปล่า ในใจเรายังหวังเสมอว่าถ้าหากพ่อเขารู้เรื่องว่าเรากำลังจะมีลูก อาจจะพอเมตตา เรากับโอลิวีให้คบกัน แล้วยกเลิกงานแต่งงานนั้น แต่เมื่อเราไปถึงหน้าบ้านเขา ได้พบกับสาวใช้คนนึง เราถามถึงเขา เธอบอกว่า โอลิวีกับพ่อ เขาไปนิวยอร์คค่ะ ไปจะเป็นเดือนแล้วด้วย เราใจแทบสลายอยู่ตรงนั้นเลยค่ะ คืออีกแค่สองวันเราต้องกลับไทยแล้ว

 

     พ่อของลูกในท้องเรายังไม่รู้ว่าเขาทำให้เด็กคนนึงกำลังเกิดมาบนโลก เราพยายามติดต่อเขาทุกวิถีทาง เราถามเบอร์โทรจากสาวใช้ เธอก็บอกไม่ทราบ เราพยายามติดต่อเพื่อนของเขา เพื่อนของเราที่รู้จักเขา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาอยู่ที่ไหน หรือจะติดต่อเขาได้ยังไง สองวันที่เหลือในปารีสของเราก็สิ้นสุดลง ..



     ทันทีที่เรากลับถึงไทย สามปีที่ผ่านมา เราได้กลับไทยแค่ครั้งเดียว ตอนที่พี่แพทแต่งงาน เราคิดถึงที่นี่มากจริงๆ เราตัดสินใจกับตัวเองว่าจะทิ้งทุกอย่างที่เลวร้ายไว้ที่นั่น แล้วมาเริ่มต้นใหม่ที่นี่ เรานั่งรอให้พี่สาวมารับที่สนามบิน … เราหลับตา นั่งคิดถึงเรื่องราวในวันวานที่ผ่านมาในประเทศที่พึ่งจากมาได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง เอื้อมมือจับไปที่ท้องของตัวเอง มันทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะ เรามีอีกชีวิตอยู่ใ ร่างกายที่ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด ถึงแม้จะตัวคนเดียวก็ตาม เราก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด น้ำตาใสๆไหลรินออกมาจากดวงตาอีกครั้ง หลังจากคิดถึงเรื่องที่พบเจอมา

 

     เราปาดมันออกเป็นครั้งที่สิบกว่าๆได้ของวันนี้  ตลอดเวลาที่นั่งเครื่องเราเอาแต่ร้องไห้จริงๆค่ะ เราคิดถึงโอลิวี บางทีเราก็คิดว่าตัวเองคิดผิดที่กลับมาไทย เพราะความหวังจริงๆค่ะ ความหวังว่าถ้าหากเขารู้เรื่องลูก เราอาจจะได้กลับมารักกันอีก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง แค่พูดแค่คุยกับเขาสักคำ เรายังทำไม่ได้เลย

 

     ไม่นาน พี่แพทก็มารับค่ะ ทันทีที่เราเจอพี่สาว เราโผกอดแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายและวันนั้น เราตัดสินใจบอกเรื่องที่เราท้องกับพี่แพทค่ะ พี่แพทตกใจมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย ก็บอกว่าเรื่องที่ผ่านมาแล้วให้แล้วไป จำไว้ว่าตอนนี้เราไม่ได้เป็นตัวคนเดียวเหมือนที่เคยแล้ว จะทำอะไรก็ให้คิดดีๆ ส่วนเรื่องเรียนมหาลัย พี่แพทบอกว่าปีนี้ให้เราดรอปไปก่อนปีนึง เพื่อคลอด พี่แพทจะช่วยคุยกับแม่ให้ แต่เราบอกให้พี่แพทอย่าบอกเรื่องนี้กับแม่ค่ะ

 

     เราไม่รู้ว่าทำไม เราไม่อยากให้แม่รู้เลยค่ะ เรากลัวเขาผิดหวัง กลัวทุกอย่าง กลัวไปหมด พี่แพทจึงขอรับอาสาเป็นแม่เด็กในท้องเราให้เอง เพราะพี่แพทยังไม่มีลูกแต่แต่งงานแล้ว แม่เราก็ย้ำนักหนาว่าเมื่อไรจะมีหลานให้แม่สักที แต่พี่แพทก็ยังไม่พร้อม จะให้ลูกเราเรียกพี่แพทว่าแม่ พี่แพทเป็นแม่ ตอนแรกเราก็ลังเลค่ะ แต่สุดท้ายเมื่อคิดถึงอนาคตของเราและลูกก็เลยตอบตกลงไป คงไม่มีใครอยากให้ลูกเกิดมาไม่พ่อใช่มั้ยคะ

 

     คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นรู้ว่าท้องไม่มีพ่อตั้งแต่เรียนมอปลาย ตลอดเวลารอคลอด เราก็ช่วยพี่แพททำธุรกิจค่ะ วันๆเราก็ไม่ไปไหน อยู่แต่บ้านพี่กับคอนโดเก่าแม่ ไปเที่ยวบ้างนิดหน่อย แต่พอท้องเริ่มใหญ่ก็ไม่ได้ไปไหนมากค่ะ ยังดีที่มีพี่แพทคอยดูแลตลอด แล้วเราก็ยังติดต่อกับเพื่อนที่ฝรั่งเศสอยู่เนืองๆ แต่ก็ยังคงไม่มีใครรู้เรื่องที่เราท้อง แม้แต่แม่ของเราเอง

 

จนครบกำหนด 9 เดือนค่ะ

      เราคลอดลูกชายค่ะ แต่ที่จริงรู้นานแล้ว่าลูกเป็นลูกชาย เพราะไปอัลตราซาวน์ ตอนที่รู้นี่ดีใจมากเลย ใจอยากได้ผู้ชายอยู่แล้ว พี่แพทกับสามีก็ดีใจค่ะ ตั้งชื่อจริงชื่อเล่นให้เสร็จสรรพเรียบร้อย ตอนเดือนหลังๆนี่ เราอ้วนมากเลย หนักเพิ่มขึ้นยี่สิบสองโล จากที่เคยเป็นคนตัวเล็กมากๆ


      พี่แพทก็บำรุงกันเต็มที่ค่ะ นมเอย นู่นนี่นั่น แพ้ท้องก็หาอะไรมาให้กิน เป็นกำลังใจให้ในวันที่ท้อ ถ้าไม่มีพี่สาวคนนี้ เราไม่รู้เลยค่ะว่าชีวิตเราตอนนี้จะเป็นยังไง ถึงจะผ่านมาหลายเดือน เราก็ยังคงคิดถึงโอลิวีอยู่ไม่เปลี่ยนไปเลย ถึงจะไม่ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนแต่ก่อน แต่ทุกครั้งที่มองเห็นท้องโตๆของตัวเอง ก็คิดถึงแต่เขาค่ะ มองเห็นพี่แพทกับสามีรักกันดี มีครอบครัวที่อบอุ่นและน่ารัก อดน้อยใจในโชคชะตาตัวเองไม่ได้จริงๆ เคยคิดหลายครั้งว่าถ้าหากมีโอลิวีอยู่ข้างๆ คอยดูแลนี่คงมีความสุขมากเนอะ

 

      แต่สุดท้ายแล้ว คนเราก็ต้องยอมรับความจริงค่ะ จะหนักหนาแค่ไหนก็ต้องอยู่ ต้องอดทน ต้องยอมรับมันให้ได้ เราคลอดลูกโดยเลือกใช้วิธีการบล็อกหลัง เป็นวิธีฉีดยาชาไปที่สันหลัง ทำให้รู้สึกชาไม่มีความรู้สึกตั้งแต่ช่วงเอวลงไป ตอนรอคลอดนี่ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเลยค่ะ  ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้นผสมกันไปหมด พอพยาบาลมาตรวจว่าปากมดลูกเปิดแล้ว ก็นอนพักหายใจยาวๆ จนตีสี่ก็เข้าห้องคลอด ตอนคลอดนี่เป็นความเจ็บที่ไม่รู้ลืมเลยค่ะ นี่ขนาดบล็อกหลังแล้วยังเจ็บอยู่ นึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าหากคลอดธรรมชาติจะเจ็บปวดขนาดไหน มันให้ความรู้สึกเหมือนปวดอึมากๆค่ะ แต่เป็นปวดอึที่แสนเจ็บปวด มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ มันเจ็บๆหายๆ แต่พอเบ่งออกมาได้นี่โล่งเลยค่ะ

 

     ยิ่งวินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าลูกชาย ความเจ็บละลายหายไปหมด แต่กลับเห็นเป็นหน้าโอลิวีซ้อนขึ้นมาอย่างนั้น เราน้ำตาไหลเลยค่ะตอนเห็นหน้าลูก..เขาเหมือนพ่อของเขาจริงๆ

 

ติดตามต่อได้ใน http://www.tartoh.com/topic/7867


Admin : Chanya
view
:
2418

Post
:
2014-06-13 10:35:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น