ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยคำสาปก็เป็นของคู่กันบนโลกมนุษย์ถึงแม้เรื่องราวพวกนี้จะกลายเป็นความเชื่องมงายไปแล้วสำหรับยุค 2000 ที่มีเทคโนโลยีมากขึ้นทำให้พิสูจน์ว่าจริงไม่จริงได้ง่ายกว่ายุคเก่า แต่ทว่าเรื่องบางอย่างแม้จะเป็นปี 2000 แล้วก็จริงก็สร้างปริศนาให้คนรุ่นหลังให้สงสัยอยู่ดี โดยเฉพาะเกี่ยวกับคำสาปของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกาที่ต้องพบจุดจบจากคำสาปที่เขาเผชิญ และตระกูลที่ว่านั้นก็คือ...
"เคนเนดี้" เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ครอบครัวหนึ่งจะพึงเป็นได้ บนแผ่นดินแห่งความเท่าเทียมที่เรียกว่าอเมริกา แต่ทั้งๆ ที่มีอิทธิพลล้นฟ้าลูกหลานตระกูลนี้กลับหนีไม่พ้นความตายตั้งแต่ยังหนุ่มสาวกันทุกคน จนเกิดคำถามว่าเคราะห์กรรมของพวกเขาเป็นเพียงอุบัติเหตุหรือเกิดจากอาถรรพ์ คำสาปแช่งที่ได้รับมาตั้งแต่บรรพบุรุษกันแน่
"ข้าขอสาปแช่งเจ้า ตระกูลของเจ้าจะไม่มีวันสงบสุข ครอบครัวของเจ้าจะต้องตายก่อนอายุขัย แม้ทรัพย์สินและอำนาจของเจ้าก็ไม่อาจช่วยพวกเจ้าได้ตราบชั่วลูกหลาน"
ว่ากันว่านี่คือคำสาปที่มีต่อ แพททริค เคนเนดี้ พ่อค้าชาวไอริสที่อพยพมาตั้งรกรากในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐ เมื่อปี 1849 และมันก็กลายเป็นเงามรณะติดตามลูกหลานของเขามาทุกชั่วคน แพททริคเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถ เห็นได้จากการที่เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจากพ่อค้าธรรมดาขึ้นมาเป็นคหบดีได้ หลังจากนั้นเขายังสมัครเข้าพรรคเดโมแครตจนกลายเป็นนักการเมืองคนดังของรัฐแมสซาชูเซตส์
เมื่อร่ำรวยแล้วแน่นอนว่าจะให้แพททริคอุดอู้อยู่ในบ้านหลังเท่ารูหนูก็คงไม่ใช่ เขาจึงเริ่มมองหาที่ปลูกบ้านใหม่และไปถูกใจที่ดินผืนงามซึ่งมีครอบครัวอินเดียนแดงหลายชีวิตเช่าทำมาหากินอยู่ก่อน แต่แพททริคไม่สนใจ เขารีบเสนอราคาให้เจ้าของที่ดินทันทีด้วยอำนาจของสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าเงิน ไม่ถึงเดือนที่ดินผืนนั้นก็ถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนครอบครัวอินเดียนแดงทั้งหมดถูกสั่งให้รื้อถอนบ้านออกไปโดยเร็ว ชาวอินเดียนแดงถูกมองว่าต่ำชั้นราวกับขยะในสังคมอเมริกัน จึงไม่มีใครสนใจว่าพวกเขาจะเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหน แต่แพททริคหารู้ไม่ว่าอินเดียนแดงกลุ่มที่เคยอาศัยในที่ดินล้วนแล้วแต่เป็นจอมขมังเวทย์ ก่อนจะซัดเซพเนจรไปอยู่ที่อื่นหัวหน้าครอบครัวอินเดียนแดงทั้งหมดได้ร่วมกันทำพิธีสาปแช่งลูกหลานของศัตรูไว้อย่างน่ากลัว และอาถรรพ์ของมันก็เริ่มสำแดงเดช หลังจากแพททริคผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวตายจากไป
อาจจะเป็นเพราะเหล่าอินเดียนแดงต้องการให้ครอบครัวเคนเนดี้พบกับโศกนาฏกรรมครั้งแล้วครั้งเล่าก็เป็นได้ คำสาปมรณะจึงละเว้นลูกชายของแพททริคไว้เพื่อให้เขาไปแต่งงานกับโรสแมรี่ ฟริดเจอราลด์ ลูกสาวของส.ส.พรรคเดโมแครตในเมืองบอสตัน ทั้งคู่มีลูกชายหญิงถึงเก้าคนมากพอจะสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับครอบครัวและเหลือเฟือสำหรับคำสาปมรณะที่กำลังรอวันล้างแค้นให้เจ้านายของมัน เหยื่อรายแรกได้แก่ โรสแมรี่ เคนเนดี้ ลูกสาวคนโตของโจเซฟกับโรสซึ่งมีปัญหาสุขภาพจิตมาตั้งแต่เล็ก ในปี 1941 อาการของโรสแมรี่เพียบหนักจนไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคมได้อีก ทางบ้านจึงต้องส่งเธอไปบำบัดในโรงพยาบาลและกลายเป็นบุคคลไร้สมรรถภาพไปตลอดชีวิต โรสแมรี่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2005 ที่ผ่าน
หลังจากโรสแมรี่เข้าโรงพยาบาลไปแล้วสามปีต่อมาคำสาปมรณะก็คร่าชีวิตลูกชายคนโตของตระกูล "โจเซฟ เคนเนดี้ จูเนียร์" ไปด้วยวัยเพียง 29 ปีด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกเหนือช่องแคบอังกฤษ ระหว่างปฏิบัติภารกิจขับเครื่องบินรบของกองทัพสหรัฐในสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากนั้นอีกสี่ปีในปี 1948 แคทเธอลีน เคนเนดี้ คาเวนดิช ลูกสาวคนที่สี่ของครอบครัวก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในประเทศฝรั่งเศสในวัยสาวสะพรั่งเพียง 28 ปี สมาชิกเคนเนดี้ไล่มาตั้งแต่แพททริคผู้เป็นต้นตระกูล มีอุดมการณ์ทางการเมืองแรงกล้ากันทุกคน ยิ่งประกอบกับมีทั้งเงินและอำนาจ ลูกหลานทั้งหมดจึงเชื่อว่า สักวันชาวเคนเนดี้จะต้องปกครองสหรัฐอเมริกาและแล้วความหวังของเขาก็เป็นจริงเมื่อ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ใช้ความเป็นคนหนุ่มไฟแรง เอาชนะคู่แข่งกระดูกเหล็กอย่าง ริชาร์ด นิกสัน ขึ้นไปเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐได้สำเร็จ
จอห์น เอฟ เคนเนดี้
แต่แล้วในวันที่ 22 พฤศจิกายน 1963 เคนเนดี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนนี้ก็ถูกลอบสังหารขณะไปพบปะประชาชนที่เมืองดัลลัส มลรัฐเท็กซัส ว่ากันว่าการตายของ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ พิเศษกว่าพี่น้องนิดหนึ่งตรงที่มันเป็นคำสาปซ้อนคำสาป ไม่เพียงแต่เขาจะเสียท่าให้คำสาปของตระกูล จอห์นยังถูกกระหน่ำด้วยพิษคำสาปหมายเลขศูนย์ ประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกเรื่องหนึ่งด้วย คำสาปหมายเลขศูนย์หมายถึงหากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใดได้รับเลือกตั้งในปีที่ลงท้ายด้วยเลขศูนย์ คนๆ นั้นจะต้องมีอันเป็นไประหว่างดำรงตำแหน่งเสมอ
ปฐมบทของคำสาปเริ่มมาจากสงครามระหว่างอินเดียนแดงเผ่าชอว์นีและคนขาว นำโดยผู้ว่าการรัฐอินเดียน่า วิลเลียม เฮนรี่ แฮร์ริสัน ซึ่งออกกฎหมายให้คนขาวมีสิทธิ์บุกเข้าไปฆ่าฟัน แย่งชิงที่ดินของอินเดียนแดงที่อาศัยอยู่ที่นั่นมาก่อนได้ตามอำเภอใจ สร้างความโกรธแค้นให้หัวหน้าเผ่าชอว์นีที่ชื่อเทคุมเช่เป็นอย่างมาก และก็ให้บังเอิญที่ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าของเทคุมเช่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เขามีวิชาพอตัวอยู่เหมือนกัน เทคุมเช่จึงสาปแช่งวิลเลียม เฮนรี่ แฮร์ริสัน และประธานาธิบดีสหรัฐให้มีอันเป็นไปทุกคนตราบนานเท่านาน คำสาปเริ่มแสดงฤทธิ์ครั้งแรกเมื่อวิลเลียม เฮนรี่ แฮร์ริสัน ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐในปี 1840 แต่หลังจากดำรงตำแหน่งเพียงหนึ่งปีเขาก็เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวม
นับจากนั้นเป็นต้นมาประธานาธิบดีสหรัฐไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ หากรับตำแหน่งในปีที่ลงท้ายด้วยเลขศูนย์ล่ะก็เป็นต้องตายก่อนวัยอันควรทุกคนต่อจากวิลเลียน เฮนรี่ แฮรร์ริสัน ก็เป็นคิวของอับราฮัม ลินคอล์น ซึ่งรับตำแหน่งในปี 1860 และถูกลอบสังหารในปี 1865, เจมส์ เอ การ์ฟิลด์ รับตำแหน่งปี 1880 ก่อนจะถูกลอบสังหารเมื่อปี 1881, วิลเลียม แมคคินลีย์ รับตำแหน่งปี 1900 และไปถูกลอบสังหารเมื่อปี 1901, วอร์เรน จี ฮาร์ดิงก์ รับตำแหน่งปี 1920 จากนั้นเขาก็หัวใจล้มเหลวเสียชีวิตเมื่อปี 1923, แฟรงกลิน ดี รูสเวลต์ รับตำแหน่งปี 1940 เส้นเลือดในสมองแตกตายเมื่อปี 1945 จนมาถึงจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ที่รับตำแหน่งปี 1960 แล้วก็มาถูกลอบสังหารในปี 1963 เซ่นคำสาปเลขศูนย์ไปอีกหนึ่งคน
ภาพวาดชาวอินเดียนแดงที่คาดว่าเป็นเทคุมเช่ ผู้สาปประธานาธิปดีของอเมริกา
เพียงหนึ่งปีหลังการตายของจอห์น ชาวเคนเนดี้ก็ได้ใจหายใจคว่ำอีกครั้ง เมื่อวุฒิสมาชิกเอ็ดเวิร์ด เคนเนดี้ ลูกคนเล็กของครอบครัวประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่มลรัฐแมสซาชูเซตส์ แต่คราวนี้คนที่รับเคราะห์กลายเป็นนักบิน ส่วนเอ็ดเวิร์ดบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนานถึงครึ่งปี และรอดมาได้โดยมีอาการปวดหลังตามทรมานเขาไปตลอดชีวิต และในปี 1968 ห้าปีหลังการเสียชีวิตของพี่ชายวุฒิสมาชิกโรเบิร์ต เคนเนดี้ก็ถูกลอบสังหารในวันที่ 5 มิถุนายน ขณะมีอายุเพียง 42 ปี หลังจากที่เขาเพิ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
จากนั้นหนึ่งปีต่อมาคำสาปมรณะก็หวนกลับไปเล่นงาน เอ็ดเวิร์ด เคนเนดี้ เหยื่อเพียงคนเดียวที่รอดเงื้อมมือของมันไปได้อีกครั้ง คราวนี้เอ็ดเวิร์ดขับรถตกสะพานกลางดึก หลังกลับจากงานเลี้ยงและดวงแข็งรอดไปอีกจนได้ แต่ก็ต้องสังเวยด้วยชีวิตของ แมรี่ โจ เพื่อนสาวที่นั่งรถไปด้วยกัน แต่อุบัติเหตุครั้งนี้ก็ได้ทำลายชื่อเสียงของเอดเวิร์ดอย่างยับเยิน เนื่องจากเขาไปแจ้งตำรวจหลังเกิดเหตุไปแล้ว 10 ชั่วโมง โดยอ้างว่าระหว่างช่วงเวลานั้นเขาต้องเดินเท้ากลับเข้าไปในเมืองเพื่อตามหาคนมางมหารถและพยายามช่วยแมรี่ โจออกมา แต่ก็ไม่พบด้วยความตกใจจนช็อกไปชั่วขณะ เพราะแทนที่จะมาแจ้งความทันที เขากลับไปนอนพักที่โรงแรมแล้วค่อยมาแจ้งความอีกทีในเช้าวันใหม่ ภายหลังจากตำรวจงมศพแมรี่ขึ้นมาก็พบว่าเธอไม่ได้เสียชีวิตทันที หากเอ็ดเวิร์ดรีบแจ้งตำรวจหรือให้คนแถวนั้นช่วย บางทีแมรี่อาจไม่ต้องตายก็ได้ เหตุการณ์นี้ทำให้เอ็ดเวิร์ดเสียคะแนนเสียงไปมากพอดู และปิดฉากความฝันของเขาที่จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐไปอย่างถาวร
เอ็ดเวิร์ด เคนเนดี้
ดูเหมือนว่าเมื่อเอาชีวิตเอ็ดเวิร์ดไม่สำเร็จถึงสองครั้ง คำสาปมรณะก็เลยยอมละเว้นเขาไว้สักคน เอ็ดเวิร์ดจึงเป็นเคนเนดี้คนเดียวที่มีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่า ในขณะที่ลูกหลานหนุ่มสาวกลับพากันตายเป็นใบไม้ร่วง โดยในปี 1984 เดวิด เคนเนดี้ ลูกชายของโรเบิร์ต เคนเนดี้ เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด ต่อมาปี 1997 ไมเคิล เคนเนดี้ ลูกชายอีกคนหนึ่งของโรเบิร์ต เคนเนดี้ ก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ขณะที่เล่นสกีที่มลรัฐโคโลราโด, จอห์น เคนเนดี้ จูเนียร์ ลูกชายของอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ เสียชีวิตพร้อมกับภรรยาและพี่สะใภ้จากอุบัติเหตุเครื่องบินส่วนตัวตกในปี 1999 เป็นผลให้ตระกูลเคนเนดี้อันยิ่งใหญ่สิ้นลูกสิ้นหลานในคราวนี้เอง
เมื่อทุกคนตายจากไปหมดแล้วก็ถึงทีของเอ็ดเวิร์ดสมาชิกเดนตายคนสุดท้ายเป็นครั้งที่สาม โดยเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสมองที่บ้านพักในเมืองไฮอันนิสพอร์ต รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคม 2009 ทำให้คำสาปอันน่าสะพรึงกลัวที่ติดตรึงกับครอบครัวเขามานานเกินหนึ่งศตวรรษตลอดกาลสิ้นสุดลง
ที่มา นิตยสาร LIVE และ megatopic.blogspot.com