ยกเลิกเคอร์ฟิว 30 จังหวัดส่งผลธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัว
2014-06-12 11:48:15

เลิกเคอร์ฟิว 30 จังหวัดลุ้นยอดจองโรงแรมพุ่ง

ธุรกิจท่องเที่ยวไทยมีเฮ หลังยกเลิกเคอร์ฟิว 30 จังหวัด ผู้ประกอบการลุ้นยอดเข้าพักของโรงแรมทั่วประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการจองห้องผ่านระบบออนไลน์ แม้ว่ากรุ๊ปทัวร์ ยังลังเลที่จะเดินทางมาประเทศไทย กรมการท่องเที่ยว ออกหนังสือเตือนผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวทั่วประเทศให้ยกเลิกการใช้บริการมัคคุเทศก์เถื่อน

 

 

นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า หลังการยกเลิกเคอร์ฟิว 30 จังหวัด ได้เริ่มเห็นสัญญาณตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ แต่ยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกระยะ คาดว่าในเดือนมิ.ย. อัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมทั่วประเทศ จะอยู่ที่ 35-40% แต่ก็เป็นสัดส่วนที่ลดลง 15% เมื่อเทียบกับสถานการณ์ปกติที่ควรอยู่ที่ 50-60% โดยกลุ่มที่ยังมีการจองห้องพักเข้ามาต่อเนื่อง คือช่องทางออนไลน์ แต่กลุ่มที่ยังอยู่ระหว่างตัดสินใจ หรือชะลอการเดินทางคือ กรุ๊ปทัวร์ เนื่องจากติดขัดเรื่องการบังคับใช้กฎอัยการศึก ที่ทำให้มาตรการประกันภัยไม่ครอบคลุมการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย

นายทนงศักดิ์ สมวงศ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังจากที่เกาะสมุยได้รับการปลดล็อกเคอร์ฟิว เริ่มเห็นกระแสตอบรับจากตลาดต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ดีเพราะกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน ของการท่องเที่ยวฝั่งอ่าวไทย และคนที่กำลังวางแผนล่วงหน้า จะได้ใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งส่วนใหญ่การจองล่วงหน้าอยู่ที่ 14-21 วันก่อนเข้าพัก ดังนั้น คาดว่าจะเห็นการทยอยฟื้นตัวของตลาดต่างประเทศ ที่จะเข้ามาในเกาะสมุยชัดเจนในเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้ โดยปัจจุบัน จำนวนห้องพักของโรงแรมทุกประเภทในเกาะสมุย มีจำนวนรวม 16,000 ห้อง และปกติจะมียอดเข้าพัก 90% ของจำนวนห้องรวมในช่วงไฮซีซั่น

 

 

ว่าที่ร้อยตรีอานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า จากกรณีที่มีกลุ่มมัคคุเทศก์ ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ได้ลักลอบประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ในประเทศไทย จนส่งผลกระทบต่ออาชีพมัคคุเทศก์ชาวไทย ที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ล่าสุด สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ได้รับทราบปัญหาแล้ว และได้เร่งแก้ไขปัญหา โดยได้ชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องกฎหมาย พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว

ขณะที่การแก้ไขปัญหาในระยะยาว คือจะนำเสนอโครงการต่อรัฐบาล ในการดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยปลอดจากปัญหาการทำธุรกิจท่องเที่ยว และหลังจากที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรมฯได้ซักซ้อมทำความเข้าใจกับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยกำชับให้ใช้บริการมัคคุเทศก์ที่ถูกต้องตามกฎหมายในการนำเที่ยว ซึ่งผู้ประกอบการได้รับปากว่าจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

 

 

“ผมได้มีหนังสือถึงประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้กำชับสมาชิกให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ในกรณีผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวว่าจ้างมัคคุเทศก์ซึ่งไม่มีใบอนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือมีกรณีการก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว หรือนักท่องเที่ยว ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท”

ว่าที่ร้อยตรีอานุภาพ กล่าวว่า ปกติการบังคับใช้กฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดมีกระบวนการและขั้นตอนค่อนข้างมาก เช่น การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว สำหรับผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ธุรกิจนำเที่ยวอย่างร้ายแรง นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว ต้องทำการตักเตือนก่อน หากไม่ดำเนินการ จึงจะเพิกถอนใบอนุญาตได้ ที่ผ่านมาการดำเนินการกับผู้กระทำความผิด จึงเป็นไปได้ด้วยความล่าช้า ผู้ฝ่าฝืนก็ไม่เกรงกลัวและกระทำผิดซ้ำอีก และกรมฯ ก็ได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงจะนำเสนอเรื่องนี้แก่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้มีการเร่งรัดแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน รวมทั้งแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 ให้ทันกับสถานการณ์ต่อไป

นอกจากนี้ ในส่วนของภารกิจที่กรมฯได้ดำเนินการไปแล้ว คือ การผลักดันการเพิ่มจำนวนมัคคุเทศก์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเสนอให้มีการยกเว้น คุณสมบัติเรื่องวุฒิการศึกษา สำหรับมัคคุเทศก์ภาษาต่างประเทศ ซึ่งหากผ่านการอบรมหลักสูตรมัคคุเทศก์เฉพาะ ก็สามารถขออนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ได้เลย โดยโครงการนี้ได้ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2556 และจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 13 พ.ย.นี้

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์


Admin : Louksorn
view
:
1469

Post
:
2014-06-12 11:48:15


ร่วมแสดงความคิดเห็น