7 (+1) บุคคลโชคร้ายแบบแปลกๆของโลก
2014-06-10 11:29:42

          บางครั้งชีวิตของคนๆ หนึ่งก็มีเรื่องแปลกประหลาดมากมาย พวกเขาได้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายของประวัติศาสตร์ บางเหตุการณ์ที่มิน่าเกิดขึ้น เกิดแล้วไม่น่าจะมีทางรอด แต่กระนั้นบุคคลทั้ง 7 คนในรายการต่อไปนี้สามารถรอดตายมาได้ และนี้คือ 7 บุคคลโชคร้ายของโลก

 

 

7. Jason and Jenny Cairns-Lawrence

 


          เจสันและเจนนี่ แคนส์-ลอว์เรนซ์ เป็นสามี-ภรรยาคู่นี้ เป็นนักท่องเที่ยวที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้ายบ่อยที่สุดในโลก ซึ่งถือว่าเป็นคู่มหัศจรรย์ที่พบเจอเรื่องหวาดกลัวเหล่านี้ทั้งๆ ที่ทั้งคู่อยู่ในเมือง และแต่ล่ะเหตุการณ์ล้วนโด่งดัง โดยเริ่มจาก เหตุการณ์ วันที่ 11 กันยายน 2001 ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในระหว่างไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่นิวยอร์ค เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 3000 คน
อีกสี่ปีต่อมาพวกเขากำลังสัญจรไปรอบๆ ในรถบัสในกรุงลอนดอน เมื่อ 7 กรกฎาคม 2005 และอยู่ในเหตุการณ์สี่ผู้ก่อการร้ายใช้ระเบิดฆ่าตัวตายด้วยการระเบิดรถไฟใต้ดินและรถโดยสาร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถูกยกให้เป็นการก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ และเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 52 คน เรื่องยังไม่จบ เมื่อ 26 พฤศจิกายนพวกเขาทั้งคู่อยู่มุมไบในประเทศอินเดีย และทั้งคู่ก็อยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อผู้ก่อการร้ายมุสลินหัวรุนแรงใช้ปืนยิงกราดและระเบิดหลายหน เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน

 


6. Violet Jessop

 


          ไวโอเลต เจซซอป (2 ตุลาคม 1887 - 5 พฤษภาคม 1971)เป็นพนักงานเสิร์ฟและพยาบาลบนเรือขนส่งที่สามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มสามครั้ง และหนึ่งในนั้นมีเรือไททานิกรวมอยู่ด้วยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเธออายุ 26 ตอนนั้นเธอทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ บนเรือโอลิมปิกเรือดังกล่าวเป็นเรือพลเรือนสุดหรูที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้นเพราะมันยาวกว่าเรืออื่นๆ (พี่ใหญ่ไททานิคเลยทีเดียวแต่แล้วตำนานของเธอก็เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน 1911 เมื่อเรือโอลิมปิกดันไปชนกับเรือรบอังกฤษฮอว์คแต่เหตุการณ์นั้นไม่ค่อยรุนแรงนักอย่างมากก็แค่น้ำท่วมบนเรือและใบพัดบิดงอเท่านั้นเองหลังจากนั้นนางไวโอเลตก็ตัดสินใจมาเป็นพนักงานเสิร์ฟอีกครั้ง บนเรือแห่งประวัติศาสตร์ไททานิก RMS Titanic และถ้าผมจำไม่ผิดเธอปรากฏในภาพยนตร์ไททานิกด้วย) จนกระทั้งเรือล่มเมื่อวันที่ 14 เมษายน 1912 เวลา 2340 น. เรือก็ชนกับภูเขาน้ำแข็งและเรือก็ล่ม ตอนนั้นเธอก็พยายามหนีตายเหมือนคนอื่น และเธอถูกสั่งให้ขึ้นบนด่านฟ้าเพราะเธอพนักงานที่พูดได้หลายภาษาที่สามารถควบคุมความวุ่นวายบนเรือได้ดี และเธอก็รอดชีวิตจากการลงเรือชูชีพพร้อมกับเด็กทารกที่ไม่รู้เป็นลูกของใครบนอ้อมอกของเธอ แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือกันตัน เอ็ดเวิร์ด เจ. สมิธ กัปตันไททานิกที่เธอทำงานอยู่ก็เป็นกัปดันคนเดิมจากเรือโอลิมปิกด้วย นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่หาได้ยากที่บุคคลหนึ่งอยู่ในอุบัติเหตุเรือล่ม 2 ครั้งโดยมีกัปตันคนเดียวกัน เรื่องราวของเธอยังไม่จบ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เธอได้รับหน้าที่เป็นพยาบาลที่สภากาชาดอังกฤษ ในปี 1916 และได้อยู่ในคณะบนเรือบริทานิค His Majesty's Hospital Ship Britannic แต่แล้วเรือก็แล่นเข้าไปในดงทุ่นระเบิด และจมลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเธอกระโดดลงในน้ำเพราะเรือชูชีพอยู่ไกลเกินไปจนหัวของเธอกระแทกกับกระดูกงูเรือจนเกือบตาย แต่ก็รอดมาด้วยก่อที่จะถูกเรือชูชีพช่วยเหลือ หลังจากที่เธอรอดชีวิต เธอยังคงทำงานบนเรือเดินทะเลต่อไป จนกระทั้งเกษียณตนเองและเสียชีวิตในปี 1971 ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว

 

 

5. Robert Todd Lincoln

 


          โรเบิร์ตทอดด์ ลินคอล์น (1 สิงหาคม 1843 - 26 กรกฎาคม 1926) เป็นชาวอเมริกัน ทนายความและเสนาธิการทหาร รวมทั้งยังเป็นบุตรชายคนแรกของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น และแมรี่ทอดด์ ลินคอล์น ซึ่งเขาเป็นเพียงลูกคนเดียวในจำนวนสี่พี่น้องของลินคอล์นที่รอดชีวิตจนอายุเกินวัยรุ่น หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นพยานประวัติศาสตร์ที่เห็นการลอบสังหารของสามประธานาธิบดีที่แตกต่างกัน เริ่มจากพ่อของเขาประธานาธิบดีลินคอล์น ตอนนั้นโรเบิร์ต อายุ 21 ปี เขาต้องสูญเสียพ่อ ต่อหน้าต่อตา จากเขาก็พาตัวเองเข้าสู่เส้นทางการเมืองโดยได้รับเลือกให้เป็นเสนาธิการทหาร ในตอนนั้น เจมส์ เอ. การ์ฟิล์ด เป็นประธานาธิปดีสหรัฐฯ จนกระทั้งปี 1881 หลังจากเขาเข้ารับงานใหม่ได้เพียง 4 เดือน ประธานาธิบดีการ์ฟิล์ด ชวนให้เขาไปเที่ยวที่นิวเจอร์ซี่ย์ และก่อนที่ทั้งคู่จะได้ก้าวเท้าขึ้นรถไฟ การ์ฟิล์ดถูกยิงร่วงลงไปกองกับพื้น โชคดีที่มีคนช่วยเขาไว้ทันเลยรอดตาย

          จากนั้น 20 ปีไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเลย จนกระทั่ง เขาได้รับเชิญจากประธานาธิบดีวิลเลี่ยม แม็คกินลีย์ ที่เพิ่งได้รับเลือก ซึ่งเขากลับมาดำรงตำแหน่งเป็นรอบ 2 ผลคือ ในระหว่างประธานาธิบดีกล่าวปาฐคถาก็มีคนยิงเขา 2 นัด เขาบาดเจ็บหนัก 8 วันและหลังจากนั้นก็เสียชีวิตลง แม้ลินคอล์นไม่ได้เห็นเหตุการณ์เสียทีเดียว แต่เขาอยู่ในห้องนั้น และได้ยินเสียงปืน และด้วยความรู้สึกดังกล่าวนี้เองทำให้เขาปฏิเสธคำเชิญจากประธานาธิบดีทุกคนให้มาดำรงตำแหน่งนับจากวันนั้นเป็นต้นมา
 

 

4. Ann Hodges
 


          แอน เป็นมนุษย์คนเดียวในโลกที่ได้รับบาดเจ็บจากอุกกาบาตพุ่งชน เมื่อปี 1954 โดยหินดังกล่าวมีน้ำหนักถึง 4 กิโล โดนมันพุ่งทะลุฝ้ามาปาดสะโพกของเธอ 
          แอน มีชื่อเต็มว่า แอน อลิซาเบธ ฮ็อด์จ (1923-1972) เป็นชาวเมืองซิลาคอกา มลรัฐอลาบาม่าสหรัฐอเมริกา เหตูการณ์ประวัติศาสตร์เกิดกับเธอเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1954 ในเวลาบ่ายเมื่อเธอกำลังงีบพักผ่อนอยู่บนโซฟา เกิดมีลูกอุกาบาตลุกเป็นไฟพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะแตกออกเป็น 3 ชิ้น และ ใน 3 ขนาดเท่าส้มโอ (หนัก 4 กิโลกรัม) ทะลุหลังคาบ้านของเธอ ลงบนคอนโซลวางวิทยุที่ทำด้วยไม้ และกระเด็นมาโดนแขนและสะโพกของเธอ ทำให้เป็นบาดแผลฉีกขาดระหว่างที่พุ่งสู่พื้น อุกาบาตนี้ลุกเป็นไฟจนสามารถมองเห็นได้ในสามรัฐใกล้เคียง และเนื่องจากเป็นครั้งแรกเท่าที่มีการบันทึกมา ถึงการได้รับบาดเจ็บจากอุกาบาต ทำให้ข่าวนี้ได้รับการตีพิมพ์ไปทั่วโลกแต่เรื่องราววุ่นวายยังไม่จบ เมื่อกองทัพอากาศสหรัฐ ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์มาเก็บอุกาบาตลูกนี้ไป แต่สามีของแอน ฮ็อด์จ ได้จ้างทนายต่อสู้ในชั้นศาลจนได้อุกาบาตลูกนี้กลับคืนมา แม้แต่เจ้าของบ้านที่แอน ฮ็อด์จ ก็อ้างกรรมสิทธิเหนืออุกาบาตนี้ เพราะต้องการที่จะขายเพื่อนำเงินมาซ่อมบ้าน มีการตั้งราคาขายไว้ที่ 5000 เหรียญสหรัฐ(ในขณะนั้น) แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปเป็นปี ความสนใจต่อเรื่องนี้ก็จางหายไป ครอบครัว แอน ฮ็อด์จไม่สามารถขายอุกาบาตรก้อนนี้ได้สำเร็จ แอน ฮ็อด์จ รู้สึกอึดอัดกับ การตกเป็นข่าวต่อสาธารณชนและต่อปัญหาขัดแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ของอุกาบาต เธอตัดสินใจบริจาคอุกาบาตรให้กับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติรัฐอลาบม่า ทุกวันนี้มันถูกจัดแสดงแก่ประชาชนทั่วไปที่มหาลัยอลาบม่า
 

 

3. Roy Sullivan
 


          จากสถิตโอกาสที่มนุษย์จะมีโอกาสถูกฟ้าผ่าได้สองครั้ง(ในวันและเวลาที่แตกต่างกัน) แต่กระนั้นก็มีมนุษย์บางคน(และคนเดียวในโลก)ที่ถูกฟ้าผ่าเจ็ดครั้ง (นักคณิตศาสตร์ประเมินความเป็นไปได้ที่คนคนหนึ่งจะถูกฟ้าผ่า7 ครั้งมีโอกาสเพียงแค่ 1 ใน 16,000,000,000,000,000,000,000,000 (16 ตามด้วยศูนย์24 ตัว)

          รอย ซัลลิแวน (7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912 - 28 กันยายน ค.ศ. 1983) เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติชาวอเมริกัน ประจำอุทยานแห่งชาติเชนันโดอาห์ในรัฐเวอร์จิเนีย ช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1942 ถึง 1977 โดยที่ซัลลิแวนได้เคยถูกฟ้าผ่ามาแล้วถึงเจ็ดครั้งในช่วงเวลาที่ต่างกัน ซึ่งสามารถรอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับฉายา "มนุษย์สายล่อฟ้า" เขาได้รับการยอมรับในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ในฐานะที่เคยได้รับอุบัติเหตุจากฟ้าผ่ามากกว่ามนุษย์คนอื่น ๆ ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งเขาถูกฟ้าผ่าเจ็ดครั้งในวันและเวลาที่แตกต่างกันต่อไปนี้ ปี 1942 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าครั้งแรกระหว่างประจำการอยู่บนหอคอยระฆังระวังไฟป่า สายฟ้าฟาดลงมาที่ปลายเท้า ผลลัพธ์คือเล็บหัวแม่โป้งเท้าหลุด 1969 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างที่กำลังขับรถลงเขา ความแรงของกระแสไฟฟ้าทำให้เขาหมดสติและเผาขนคิ้วจนไหม้เกรียม 1970 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 3 ระหว่างนั่งอยู่บนสนามหญ้า ทำให้ไหล่ซ้ายเป็นแผลไหม้ ปี1972 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 4 ระหว่างที่เขาอยู่ในที่ทำการอุทยานฯ คราวนี้เขาเสียเส้นผม หลังจากถูกฟ้าผ่ามาแล้ว 4 ครั้ง รอยคิดว่าเขาต้องไม่ประมาท นับตั้งแต่นั้นมา เขาพกกระติกน้ำติดตัวตลอดเวลาเพื่อเอาไว้ดับไฟ วันที่ 7 สิงหาคม 1973 ขณะที่ขับรถอยู่นั้น ฟ้าผ่าก็ฟาดลงกลางศีรษะของรอยอย่างแรงจนเขากระเด็นออกมานอกรถ และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องเสียเส้นผม วันที่ 5 มิถุนายน 1976 ซัลลิแวนเห็นก้อนเมฆลอยตามเขาเหมือนจงใจ รอยเดาได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา จึงพยายามวิ่งหนีแต่ก็ไม่พ้น เขาถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 6 ตรงบริเวณลานตั้งแคมป์ วันที่ 25 มิถุนายน 1977 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 7 ระหว่างที่กำลังนั่งตกปลา คราวนี้ค่อนข้างจะโดนหนักหน่อย เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะหน้าอกและท้องเป็นแผลไฟลวก แต่การรอดชีวิตจากฟ้าผ่านั้นมันไม่ดีเสียเลยเมื่อผู้คนต่างพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่อยู่ใกล้กับซัลลิแวน ในช่วงหลังอันเนื่องมาจากการกลัวถูกฟ้าผ่า และนี่จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจสำหรับเขา ครั้งหนึ่งเขาได้เคยกล่าวไว้ว่า "เช่น เมื่อผมเดินไปกับหัวหน้าพิทักษ์ป่าในวันหนึ่ง ได้มีฟ้าผ่าลงมา หัวหน้าได้กล่าวว่า ผมจะขอไปหาคุณในภายหลังก็แล้วกัน ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1983 ซัลลิแวนได้เสียชีวิตลงในวัย 71 ปี ด้วยการยิงตัวเองเข้าที่ช่องท้อง หมวกเจ้าหน้าที่สองใบของเขาได้รับการจัดแสดงในกินเนสส์เวิลด์เอ็กฮิบิทฮอลในนครนิวยอร์กและรัฐเซาท์แคโรไลนา

 

 

2. Jeanne Rogers
 


          จีนน์ โรเจอร์ อาจเป็นผู้หญิงชาวอเมริกาที่โชคร้ายที่สุดในโลกที่เรื่องราวของเธอเต็มไปด้วยความโชคร้ายเล็กๆ น้อยไปจนถึงเกือบเอาชีวิตไม่รอด เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เคยถูกยิง ถูกขโมยเงิน ถูกรัดคอ ถูกฟ้าผ่า(2 ครั้ง) ตกลงไปท่อระบายน้ำ เกือบจมน้ำตายเพราะเมื่อแต่ถอยหลังเพื่อถ่ายรูปเพื่อน แต่ที่แปลกที่สุดคือครั้งหนึ่งในขณะเดินเล่มดันจู่ๆ ก็มีค้างคาวติดบนหัวของเธอ เธอเลยขอคนมาช่วยเหลือ แต่กลายเป็นว่าทุกคนที่เห็นเธอต่างตกใจตะโกนลั่น ทำให้ค้างคาวตกใจและข่วนหน้าเธอแถมยังฉี่ใส่หัวเธออีก แต่กระนั้นเธอยังบอกว่าเธอไม่ได้คิดว่าเธอถูกสาปแช่ง เธอยังคิดว่ามีเทวดาอยู่บนไหล่ของเธอด้วยซ้ำไป
 

 

1. Tsutomu Yamaguchi
 


          สึโตมุ ยามางูชิ (16 มีนาคม 1916 - 4 มกราคม 2010) เป็นวิศวกรของบริษัทอุตสาหกรรมหนักมิตซูบิชิ ชาวญี่ปุ่น ที่รอดชีวิตจากฮิโรชิมาและนางาซากิจากเหตุการณ์นิวเคลียร์ถล่ม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าเขาจะเป็นคนในจำนวน 160 ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดสองครั้ง แต่เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับยอมรับจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่าเป็นผู้รอดชีวิตดังกล่าว

          เช้าตรู่วันที่ 6 สิงหาคม 1945 ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนั้นสึโตมุกำลังเดินเล่นยามเช้าที่สงบเงียบที่เมืองฮิโรชิ เหมือนปกติทุกครั้ง จนกระทั้งเวลา 08.15 น.ทันทีที่ เขาก้าวลงจากรถราง เขาก็อยู่ในเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มเมือง ซึ่งห่างจากเขาไปไม่ถึง 3 กิโลเมตร เขาได้รับบาดเจ็บหูฉีกขาด นัยน์ตาบอดชั่วคราว ร่างกายท่อนบนซีกซ้ายถูกไฟเผา แต่ความเสียหายต่อร่างกายของเขายังน้อยกว่า 140000 ชีวิตซึ่งสูญสิ้นไปพร้อมกับฮิโรชิมาที่ราบเป็นหน้ากลองในพริบตา ทิ้งอีกหลายหมื่นชีวิตทุกข์ทรมานด้วยพิษระเบิด เขารอดชีวิตมาได้เนื่องจากอยู่ห่างจากจุดที่ระเบิดลงสามกิโลเมตร ผ่านหนึ่งคืนที่ฮิโรชิมา วันถัดสึโตมุก็ตัดสินเดินทางจากเมืองฮิโรชิม่ากลับบ้านเกิดที่ นางาซากิ เขาถึงบ้านในวันที่ 8 สิงหาคม และแน่นอนที่นางาซากิเขาก็เจอระเบิดนิวเคลียร์อีกรอบ ระเบิดครั้งนี้ทำลายนางาซากิก็พินาศย้ายยับ 70000 ชีวิตตายอย่างอนาถ โดยเวลานั้นเขาอยู่ห่างจากจุดที่ระเบิดลงสามกิโลเมตร เขารอดชีวิตแต่กระนั้นเขาก็เป็นโรคมะเร็งร้ายจากกัมมันตภาพรังสีครั้งนี้ และตลอดชีวิตที่เหลือ เขาเป็นผู้ที่ต่อต้านระเบิดปรมาณู เขากล่าวว่า "ผมไม่อาจเข้าใจว่าทำไมโลกไม่สามารถเข้าใจความหายนะของระเบิดปรมาณู ทำไมพวกเขายังพัฒนาอาวุธร้ายเหล่านี้อีกไม่หยุดยั้ง" สึโตมุ ยามางูชิเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2010 รวมอายุ 93 ปี

 

 

ที่มา: dek-d.com/board/view/3320234


Admin : Maimai
view
:
2775

Post
:
2014-06-10 11:29:42


ร่วมแสดงความคิดเห็น