น้ำมันพราย นับว่าเป็นของอาถรรพ์ที่มีฤทธิ์แรงมาก ตามโบราณได้กล่าวว่า การที่ใครจะเอาน้ำมันพรายนั้นจะต้องเป็นพ่อหมอที่มีวิชาทางไสยเวทย์มีสมาธิแก่กล้า กรรมวิธีการทำน้ำมันพรายก็ยุ่งยาก เริ่มตั้งแต่รอฟังข่าวว่าที่ไหนมีผู้หญิงตายทั้งกลมก็จะเตรียมตัวไปเพื่อทำน้ำมันพรายจากศพที่เอาฝังไว้ในป่าช้า เนื่องจากคนโบราณนิยมฝังศพคนตายโหงไว้ในป่าช้า และเมื่อเข้าไปในป่าช้าแล้วก็ต้องเลี้ยงนายป่าช้าให้อิ่มก่อนจากนั้นจึงเข้าไปลนเอาน้ำมันจากปลายคางของหญิงที่ตายทั้งกลม บ้างก็ว่าขุดหลุมฝังศพขึ้นมาแล้วปลุกคาถาเรียกให้ลุกนั่งแล้วลนเอาน้ำมันจากปลายคาง ส่วนวิธีใช้น้ำมันพรายก็ให้ผู้ชายก็เอาไปดีดใส่ตัวผู้หญิงแล้วผู้หญิงจะรักหลง นั่นก็เป็นเรื่องเล่าที่สืบทอดกันมา
แต่ในปัจจุบันสังคมของไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เคยฝังศพคนตายโหงในป่าช้า เดี๋ยวนี้ก็แทบจะไม่มี จะใช้วิธีเผาอย่างเดียวแล้วพ่อหมอที่ไหนจะไปขุดหลุมแล้วเรียกขึ้นมาลนเอาน้ำมัน กรรมวิธีการทำน้ำมันพรายจึงได้เปลี่ยนไป โดยการใช้กระบวยที่เป็นโลหะทนต่อความร้อนต่อด้ามให้ยาวแล้วเอาไปรองน้ำมันที่ย้อยมาจากศพที่กำลังไหม้อยู่ในเมรุ เมื่อได้น้ำมันมาแล้วก็จะทำตามสูตรของแต่ละสำนักซึ่งก็ไม่ได้ต่างกันไปมาก เมื่อได้มาแล้วก็นำมาผสมกับ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันจันทน์ น้ำมันเก้ากลิ่น หรือว่านเป็นต้น แล้วก็ปลุกเสกเรียกจิตกันไป
โดนสีของน้ำมันพรายจากการผสมเจือจางของน้ำมันพรายนี้ จึงทำให้สีของน้ำมันพรายได้เปลี่ยนแปลงออกไป ถ้าผสมกับน้ำมันมะพร้าวสีก็จะออกไปทางสีเขียวเหลือง ถ้าผสมกับน้ำมันจันทน์หรือน้ำมันเก้ากลิ่นสีก็จะออกไปทางแดงส้ม เหลือง ทั้งนี้ความเข้มข้นของน้ำมันพรายก็ดูได้จากสีของน้ำมัน
นอกจากนี้กลิ่นของน้ำมันพราย น้ำมันพรายจะมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองจะมีกลิ่นเหม็นสาบๆ ไม่ว่าจะเอาน้ำมันพรายไปผสมกับน้ำมันอะไรก็ยังคงต้องมีกลิ่นเดิมอยู่ไม่มากก็น้อย เว้นแต่เพียงว่าผสมน้อยมากๆ เช่นหนึ่งหยดเป็นต้น แต่ถึงแม้ว่าจะมีส่วนผสมของน้ำมันพรายอยู่น้อยก็ใช่ว่าน้ำมันพรายจะไม่มีฤทธิ์ ความมีตัวตนของพรายก็ยังคงอยู่ ใช้ได้เหมือนกันแต่ว่าพลังก็จะต่างกันไป
ตัวตนของพราย เนื่องจากน้ำมันพรายถูกเอามาจากศพผู้หญิงที่ตายทั้งกลม ตัวตนของพรายก็จะมีลูกของเขาอยู่ด้วยเมื่อเรานำมาเลี้ยงก็ต้องเลี้ยงทั้งแม่และลูก สรุปคือเมื่อเราเลี้ยงข้าวกับน้ำของแม่พรายแล้วก็ต้องให้นมลูกของเขาด้วย
วิธีใช้น้ำมันพรายจากที่คนโบราณได้บอกว่าให้ใช้ดีดหรือผสมอาหารให้คนที่เรารักกิน เพื่อให้เขารักเรานั้นก็กระทำได้แต่ไม่แนะนำให้ทำ เพื่อไม่ให้เป็นบาปกรรมต่อผู้ทำและเป็นผลร้ายต่อผู้ถูกกระทำ แต่ห้ามไม่ได้ถ้าคิดจะทำก็แล้วแต่จิตสำนึกของผู้ใช้ วิธีใช้ที่แนะนำก็คือให้พกพาบอกกล่าวกับแม่พรายให้ช่วยในเรื่องต่างๆ ดีกว่า เช่น ดลจิตดลใจให้เขามารักเรา ช่วยเรียกคนเข้าร้านมาซื้อของ หรือถ้าจะใช้จริงๆ ก็ให้ใช้แค่ป้ายก็พอไม่ต้องถึงกับผสมของให้กินเลย
ข้อควรระวังกับกลิ่นของน้ำมันพราย ไม่แนะนำให้สูดดมกลิ่นของน้ำมันพรายใกล้ๆ เพราะกลิ่นของน้ำมันพรายอาจจะเข้าหัวทำให้เราเป็นไข้ได้ แต่ก็มีวิธีแก้ก็คือให้กิน-อาบน้ำมนต์ก็จะหายได้
ประสบการณ์เกี่ยวกับน้ำมันพรายของผู้ที่มีน้ำมันพราย
เคยเผลอไปดมกลิ่นน้ำมันพรายของหลวงพ่อเสน่ห์อยู่ครั้งหนึ่งเป็นไข้ไปได้ 2-3 วัน แต่มาช่วงหลังๆ พอรู้ว่าเริ่มปวดหัวก็จะกิน-อาบน้ำมนต์ก็หายครับ
ได้กลิ่นน้ำมันพรายโดยไม่ได้พกขวดน้ำมันไปตอนไปหาอ.ดิษฐ์ ถามท่านว่าแม่พรายตามมาใช่ไหมท่านก็ตอบว่าใช่
หมาหอนหน้าบ้านตอนตีสองในวันที่เอาน้ำมันพรายกับกะโหลกที่อ.สัปเหร่อทำให้ใหม่ เรื่องใช้ป้ายผู้หญิงไม่เคยใช้ แต่มีพี่ผู้หญิงคนนึงเช่าน้ำมันพรายอ.สัปเหร่อไปป้ายลิ้นชักโต๊ะทำงานสามีที่เลิกกันไป บอกว่าสามีหันมามองหน้าในวันนั้นสามครั้งหลังจากที่ไม่มองหน้ากันเลยตั้งแต่เลิกกันไป แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าคืนดีกันรึยังเพราะเขาก็ไม่โทรมาเล่าให้ฟังต่อ
วิธีแก้น้ำมันพรายด้วยตนเองแบบง่ายๆ
เมื่อรู้ตัวว่าโดนน้ำมันพราย พึงปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
1. ห้ามกินของมัน หรือน้ำมันต่างๆ
2. ไปหาน้ำมนต์มากินและอาบทุกวัน ประทังเวลาไปก่อน
2.1 น้ำมันต์ที่ใช้ ต้องเป็นน้ำมนต์ที่เสกในทางปราบ ถ้าหาไม่เป็นเอาน้ำมนต์9วัดขึ้นไป
2.2 เวลากินน้ำมนต์ให้กินสามอึก ท่องว่า พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆัง อาราธนานัง
2.3 การอาบน้ำมนต์ อาบน้ำปกติให้เสร็จก่อน เช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว เอาน้ำมนต์ราดหัว1ขัน แล้วปล่อยให้แห้งเอง ไม่ต้องเช็ด ใส่เสื้อผ้าไปเลย
3. ไปเข้าฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง แล้วน้ำมันจะค่อยๆ ออกมาจนหมด
ที่มา: group.wunjun.com