หนุ่มจีนหวิดตาบอด เหตุเพราะแชทมือถือในที่มืด ทำให้จอประสาทตาหลุดลอก  แพทย์ชี้เป็นโรคคนชราที่พบในวัยรุ่นมากขึ้นเพราะใช้มือถือนานเกินไป     

          วันที่ 30 พฤษภาคม 2557 เว็บไซต์เมดิคัลเดลี่ มีรายงานว่า ชายจีนวัย 25 ปี หวิดตาบอดหลังเกิดอาการจอประสาทตาหลุดลอก (Retinal detachment) จนต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน เหตุเพราะแชทกับแฟนสาวในที่มืดเป็นเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมง

          รายงานระบุว่า หนุ่มจีนรายนี้มักจะใช้โทรศัพท์แชทหาแฟนสาวของเขาตลอดทั้งวันและอีกหลาย ชั่วโมงในความมืดตอนก่อนนอน จนเป็นเหตุให้เกิดโรคจอประสาทตาหลุดลอกขึ้น โดยโรคจอประสาทตาหลุดลอกนี้เป็นโรคที่มักจะพบในกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ขณะนี้กลับพบในหมู่วัยรุ่นมากขึ้นเนื่องจากการใช้โทรศัพท์มากเกินไป ซึ่งอาการดังกล่าวอาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรหากไม่ได้รับ การรักษา และนับเป็นหนึ่งในเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ 

          ด้าน หยู ปิน ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุเปิดเผยว่า อาการดังกล่าวนับเป็นเหตุรุนแรง ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่ทำลายสายตาของตัวเองด้วยการใช้โทรศัพท์นานเกินไป รวมถึงยังอาจนำไปสู่โรคอื่น ๆ อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นเยื่อบุตาอักเสบ หรือแม้แต่กระจกตาอักเสบ

          นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์บางรายยังเชื่อด้วยว่า ภาวะตาล้า (Eye Strain) อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ตาจ้องมองอุปกรณ์โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต โดย แอนเดรีย ถู จักษุแพทย์จากสมาคมจักษุแพทย์อเมริกัน อธิบายว่า ตาของมนุษย์ได้ถูกพัฒนามาเพื่อการมองภาพแบบ 3 มิติ ดังนั้นเราจึงเกิดอาการตาล้าได้หากเราจดจ่อกับการเพ่งมองหาภาพ 3 มิติบนหน้าจอ 2 มิติที่อยู่ใกล้ ๆ