หากประเทศไทยเรามี “พญานาค” เป็นสัตว์ลึกลับที่ยังพิสูจน์ไม่ได้เสียทีว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เพราะไม่เคยมีใครเห็นพญานาคตัวเป็นๆ สักครั้ง นอกจากระลอกคลื่นที่แม่น้ำโขงหรือล่องลอยท้องพญานาคที่ขึ้นบกมา ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็ต่างมีสัตว์ลึกลับซึ่งเป็นเรื่องเล่าแต่ละท้องถิ่นเช่นกัน โดยวันนี้เราจะมาที่ประเทศญี่ปุ่นที่มีเรื่องเล่าปากต่อปากเกี่ยวกับ “สึจิโนะโกะ” ที่มีลักษณะคล้ายงูแต่สั้นและป้อมกว่า ไม่ว่าเหนือยันใต้ของประเทศก็มีข่าวเรื่องราวเกี่ยวกับการปรากฏตัวของมัน จนกลายเป็นว่าเจ้าสึจิโนะโกะตัวนี้อยู่ทั่วประเทศในหมู่เกาะญี่ปุ่นเลยทีเดียว
สำหรับ “สึจิโนะโกะ” ในภาษาญี่ปุ่นแล้วเป็นภาษาท้องถิ่นของจังหวัดมิเอะ นาระ เกียวโต และทางตอนเหนือของเกาะชิโกกุ ส่วนทางตะวันออกจะนิยมเรียก “บาจิเฮบิ” และนอกจากนี้มันยังมีชื่อเรียกอีกมากมายเช่น โนะซึจิ, ทาเทคุริคาเอชิ, สึจินโบะ หรือสึจิเฮบิ เป็นต้น
ซึ่งการมีตัวตนของสึจิโนะโกะนั้นมีตั้งแต่ในยุคโจมง (14,000 ถึง 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ได้มีการค้นพบเครื่องมือที่ทำมาจากหิยที่จังหวัดกิฟุที่มีรูปร่างเหมือนกับสึจิโนะโกะมาก นอกจากนั้นยังมีการขุดค้นพบถ้วยโบราณที่จังหวัดนากาโนะซึ่งเป็นลายคล้ายสึจิโนะโกะเช่นกัน
โดยตามคำบอกเล่าของผู้ที่เคยพบเห็นต่างอธิบายว่าสึจิโนะโกะตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับงูที่มีลำตัวยาวประมาณ 30 ซม. ถึง 80 ซม. ส่วนตัวเป็นทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่หรืออาจจะมีเขาเล็กๆ งอกอยู่บนหัวสองอัน ลำตัวอ้วนสั้นท้องแบน และมีปลายหางแหลมออกมา บางที่ก็บอกว่ามีครีบเล็กๆ ข้างลำตัวทั้งสองข้าง ลวดลายคล้ายงู การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็ว มีเสียงร้องคล้ายแมวขู่และมีพิษ บ้างก็ว่าสามารถกระโดดได้ไกลหลายเมตรอีกด้วย
นอกจากลักษณะคร่าวๆ ของสึจิโนะโกะตัวนี้แล้ว มันยังมีลักษณะเด่นๆ พิเศษอีกด้วย โดยเป็นเรื่องเล่าจากผู้ที่เคยพบเจอมาก่อน
1.เมื่อเทียบกับงูปกติแล้ว ลำตัวจะอ้วนแบนกว่า
2.มีพละกำลังสามารถกระโดดได้ไกล 2 เมตร สูง 5 เมตร บ้างก็ว่าโดดได้ไกลถึง 10 เมตร
3.ชอกินสาเกญี่ปุ่น
4.มีเสียงร้อง “จี” (?)
5.มีความว่องไวเป็นอย่างมาก
6.ร่างกายมีความยืดหยุ่นเคลื่อนไหวคล้ายหนอนคืบหรืออาจจะขดตัวเป็นวงแล้วกลิ้ง (!?)
7.กรนได้ด้วย...
8.ชอบกลิ่นหมึกแห้งย่าง เส้นผมที่ถูกเผาและซุปมิโซะ (ชักสงสัยความสามารถสึจิโนะโกะซะจริง...)
9.มีพิษร้ายแรง
เพราะการปรากฏตัวและไม่มีใครจับตัวจริงได้เสียที ทำให้มีการประกาศรางวัลนำจับสึจิโนะโกะขึ้น
ปี 1992 หมู่บ้านชิกุสะได้เสนอรางวัลนำจับเจ้าสึจิโนะโกะเป็นเงินกว่า 200 ล้านเยนสำหรับผู้จับสึจิโนะโกะได้ตัวเป็นๆ และ 100 ล้านเยนถ้ามันตายแล้ว
ปี1989 เมืองมิคาตะได้มีการเสนอรางวัลที่ดิน 330 ตารางเมตรสำหรับใครก็ได้ที่สามารถจับสึจิโนะโกะได้
ปี 2000 มีการประกาศให้รางวัล 3 – 20 ล้านเยน แก่ผู้ที่สามารถจับสึจิโนะโกะมาได้
ปี 2001 ได้มีผู้นำงูดำขนาดใหญ่ที่จับได้มาอ้างว่างูตัวนั้นเป็นสึจิโนะโกะแต่ก็ถูกเปิดโปงในที่สุดว่าไม่ใช่!!! อย่างไรก็ตามจนปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครสามารถคว้ารางวัลได้เลยซักรายเดียว…
ข้อมูลการพบเห็น
ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2000 นั้นได้มีรายงานการพบเห็นสึจิโนะโกะที่เมืองโยชิอิ จังหวัดโอคายามะ โดยคุณตาฮิเดกิ ทากาชิมา..
คุณตาได้เล่าว่าในขณะที่กำลังถางวัชพืชออกจากสวนก็ได้พบสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายงูที่มีลำตัวอ้วนสั้นท้องแบนเลื้อยออกมาจากสวน คุณตาพยายามจะจับมันจึงตีมันด้วยเคียว เจ้าสัตว์ตัวนั้นจึงเลื้อยหลบไปที่ลำธารใกล้ๆแล้วหนีไปได้ อย่างไรก็ดีการตีมันครั้งนั้นทำให้มันได้รับบาดเจ็บหนัก ในอีก 4 วันต่อมา (วันที่ 25 พฤษภาคม) คุณยายฮิเดโกะ (ภรรยาคุณตา) ได้พบงูนอนตายอยู่ข้างลำธารเลยนำมันไปฝัง คุณยายอธิบายลักษณะว่า “ มันมีลำตัวมันอ้วนสั้นท้องแบน เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่งู ”
เมื่อทางเทศบาลเมืองโยชิอิทราบเรื่องจึงส่งเจ้าหน้าที่มาสอบสวนและไปยังที่ที่ฝังเจ้าสึจิโนโกะเอาไว้เพื่อขุดซากไปตรวจสอบ ซึ่งซากของสัตว์ที่คิดว่าเป็นสึจิโนโกะถูกส่งไปยังมหาวิทยาลัยการแพทย์คาวาซากิ โดยผู้ทำการตรวจสอบคืออาจารย์คุนิยาชิ ซาโต้ ผู้วิเคราะห์สัตว์เลื้อยคลาน หลังจากตรวจสอบอาจารย์ซาโต้ไม่ได้กล่าวว่ามันคืออะไรเพียงแต่พูดว่ามันเป็นสัตว์ประเภทงู หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมาก็มีคุณยายอีกคนชื่อมิสึโกะ อาริมะ ได้พบเห็นสึจิโนโกะในขณะที่มันกำลังข้ามแม่น้ำของเช้าของวันที่ 15 มิถุนายน
คุณยายได้เล่าว่ารู้สึกประหลาดใจมากและพยายามคิดว่ามันคือตัวอะไรแต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร? มันมีรูปร่างเหมือนงูลำตัวอ้วนมีขนาดใหญ่ ส่วนหัวกลมดูเหมือนมันกำลังว่ายเพื่อข้ามแม่น้ำ คุณยายอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 80 ปีแต่ก็ไม่เคยเห็นตัวอะไรแบบนี้ในชีวิตเลย
พยานที่พบเห็นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเจ้าสึจิโนะโกะนั้นมีจริงหรือไม่? มันเป็นสัตว์ที่ได้รับยีนยันผ่านคำบอกเล่าของผู้พบเห็นเท่านั้น มันอาจจะเป็นงูที่กินจนอิ่ม หรือเป็นสัตว์อะไรที่พิเศษกว่านั้นก็เป็นได้…
รูปร่างของสึจิโนะโกะจากคำบอกเล่าของผู้พบเห็นในแต่ละเคส
ข้อมูลจาก: anngle.org