พบศพติดในซากเรือเกาหลี แฉเทปเสียงกัปตันยื้อสั่งอพยพ
2014-04-21 10:16:07
ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งพรวดขึ้นทันที หลังประดาน้ำเกาหลีใต้ ค้นพบช่องทางเข้าเรือเฟอร์รี่เซวอล เผยศพลอยเกลื่อนทั่วเรือ ชุดแรกนำออกมาได้แล้ว 26 ศพ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเป็น 58 ราย สูญหาย 244 ราย ญาติเริ่มหมดหวังพบผู้รอดตาย บางส่วนเริ่มเห็นด้วยที่จะใช้เครนยักษ์เร่งกู้ซากเรือ ขณะเดียวกันบางส่วนพยายามฝ่าด่านของตำรวจเพื่อไปประท้วงที่กรุงโซลจนเกิด เหตุชุลมุนขึ้น สื่อเกาหลีเผยข้อความติดต่อระหว่างผู้บังคับเรือกับศูนย์ควบคุมเรือบนเกาะ ชินโด หลังเกิดเหตุ 30 นาที ถามตอบกันไม่ตรงทั้งสับสนทั้งตัดสินใจไม่ได้จะสั่งอพยพหรือรอคนมาช่วย
จาก โศกนาฏกรรมเรือเฟอร์รี่เซวอลของเกาหลีใต้ล่มบริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันตก เฉียงใต้ของประเทศ ระหว่างเดินทางจากเมืองอินชอนไปยังเกาะเชจู เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ความพยายามในการค้นหาผู้โดยสารที่สูญหาย ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องพบอุปสรรคจากสภาพอากาศและคลื่นลมที่เลวร้าย ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าล่า สุดว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ทางด้านสำนักข่าวบีบีซี ได้รายงานความคืบหน้าว่า ทีมนักประดาน้ำของเกาหลีใต้ ประสบความสำเร็จในการเจาะเข้าไปภายในเรือเซวอลได้แล้วในหลายทาง โดยพบศพผู้เสียชีวิตกระจายอยู่ในหลายส่วนของเรือ จึงเริ่มลำเลียงศพชุดแรกออกมาจำนวน 26 ราย ทำให้ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 58 ราย ผู้สูญหาย 244 ราย จากผู้โดยสารทั้งหมด 476 ราย ขณะที่มีเรือกว่า 200 ลำ เครื่องบิน 34 ลำ และนักประดาน้ำกว่า 600 คนเข้าร่วมการค้นหา ซึ่งปฏิบัติการค้นหาดำเนินไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากและทัศนวิสัยไม่ดี
ด้านสำนัก ข่าวเอเอฟพี รายงานว่าญาติของผู้สูญหายหลายคนได้ให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ เพื่อใช้ระบุตัวตนของผู้เสียชีวิต และเริ่มชั่งใจว่าจะให้ทางการค้นหา ในลักษณะยังมีผู้รอดชีวิตต่อไปดีหรือไม่ หรือจะตัดสินใจใช้เครนยักษ์ 5 ตัว ซึ่งเดินทางมาถึงพื้นที่ดังกล่าวแล้วกู้เรือขึ้นมา ซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับ ว่าไม่มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่แล้ว ขณะที่ประธานาธิบดีปาร์ก กึนเฮ ผู้นำเกาหลีใต้ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้เครนกู้เรือขึ้นมา จนกว่าความหวังในการค้นหาผู้รอดชีวิตจะไม่เหลือแล้ว
รายงาน ข่าวระบุว่า ขณะนี้มีทั้งญาติของผู้สูญหายหลายคน เริ่มหมดหวังในการค้นหาผู้รอดชีวิต หลังจากที่นักประดาน้ำพบศพจากภายในเรือ อย่างไรก็ตามยังมีญาติของผู้โดยสารหลายคนเชื่อว่า สมาชิกในครอบครัวของตนอาจจะยังรอดชีวิต โดยอาศัยโพรงอากาศในเรือ และการยกเรือขึ้นจากน้ำอาจทำให้ผู้รอดชีวิตต้องตาย
ด้านพ่อ ของนักเรียนที่สูญหายคนหนึ่งกล่าวว่า "คงถึงเวลาแล้วที่ต้องใช้เครน เพราะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในตอนนี้ เพื่อกันไม่ให้ร่างของผู้เสียชีวิตหายไปกับกระแสน้ำ และหาไม่เจออีกเลย" เช่นเดียวกับพ่อของนักเรียนอีกคน กล่าวว่า "ควรจะต้องทำอะไรสักอย่าง ถ้าไม่มีความหวังอีกต่อไป อย่างน้อยควรที่จะมีโอกาสได้กอด ลูกๆ ขณะที่ศพของพวกเขายังอยู่ และเรายังจำหน้าพวกเขาได้บ้าง"
ขณะ เดียวกันเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อตำรวจเกาหลีใต้พยายามสกัดกั้น ไม่ให้ครอบครัวของผู้โดยสารที่โกรธแค้นมาก กว่า 100 คน เดินทางออกจากเกาะชินโด มุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาลที่กรุงโซล เพื่อประท้วงรัฐบาลเกาหลีใต้ หลังจากที่หลายคนโกรธแค้นรัฐบาลที่ดำเนินงานช้าและไม่ทุ่มเท ขณะที่บางส่วนเข้าขวางรถของนายจุง ฮอง-วอนนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ที่เดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของผู้สูญหายบน เกาะชินโด
รายงาน ข่าวแจ้งว่า ความโกรธแค้นของญาติผู้โดยสาร ทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนยังไม่กล้าที่จะประกาศยุติการค้นหา และใช้เครนกู้เรือ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเกาหลีใต้ พยายามลดกระแสการประท้วงต่อต้านรัฐบาล เนื่องจากกลัวว่าปัญหาดังกล่าวจะลุกลามกลายเป็นปัญหาทางการเมือง
สำหรับ การสืบสวนสอบสวน ตำรวจเกาหลีใต้ยังคงควบคุมตัวกัปตันอี จูน-ซุก และเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยอีก 2 คนไว้ หลังตั้งข้อหาในเรื่องการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และละเมิดกฎหมายเดินเรือ จากการสอบสวนเบื้องต้น กัปตันอี ให้การว่าไม่ได้ควบคุมเรือขณะเกิดเหตุ แต่เป็นเจ้าหน้าที่ ผู้ช่วยระดับ 3 ซึ่งไม่มีประสบการณ์และไม่คุ้นเคยกับกระแสน้ำในบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะที่กัปตันเองก็ไม่อยู่ที่หอบังคับการเรือ โดยเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวซึ่งเป็นหญิงวัย 25 ปี ปฏิเสธที่จะให้การกับตำรวจ ว่าหักเลี้ยวกะทันหันพราะเหตุใด เนื่องจากยังอยู่ในภาวะช็อกจากเหตุการณ์ และเป็นลมไประหว่างการสืบสวน และยังได้ปฏิเสธการรักษาจากทีมแพทย์
ด้าน กัปตันกล่าวถึงการตัดสินใจที่ไม่สั่งอพยพผู้โดยสารในทันทีว่า "ในช่วงเวลาดังกล่าว กระแสน้ำเชี่ยวมาก และอุณหภูมิของน้ำเย็นมาก และถ้าให้ผู้โดยสารสละเรืออย่างรีบเร่ง หรือไม่ได้สวมใส่เสื้อแจ๊กเกต ก็อาจจะถูกกระแสน้ำพัดไปเจอกับความยากลำบากอย่างอื่น นอกจากนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว ยังไม่มีเรือช่วยเหลือมาถึง และไม่มีเรือประมงอยู่ใกล้ๆ"
ขณะเดียวกัน มีการเปิดเผยข้อความการติดต่อระหว่างทีมบังคับเรือกับศูนย์ควบคุมเรือ หรือ วีทีเอส บนเกาะชินโด ในช่วง 30 นาทีหลังจากที่เรือล่ม แสดงถึงความสับสนและตัดสินใจไม่เด็ดขาด เมื่อทางฝ่าย ผู้บังคับเรือแจ้งว่า ไม่มีทางจะประกาศแจ้งให้ลูกเรือได้ยินข้อปฏิบัติ ทางฝ่ายวีทีเอสจึงแจ้งไป ถ้าประกาศเสียงตามสายไม่ได้ ให้ออกไปบอกให้ผู้โดยสารใส่เสื้อชูชีพและใส่เสื้อให้หนาขึ้น
ฝ่าย ผู้บังคับเรือถามต่อว่า "ถ้าสั่งอพยพผู้โดยสารแล้วจะมีคนมาช่วยใช่หรือไม่" ฝ่ายวีทีเอสตอบว่า "อย่างน้อยให้ใส่เสื้อชูชีพไว้ก่อน ให้หนีออกมาเลย" ฝ่ายผู้บังคับเรือถามย้ำอีกว่า "ถ้าสั่งอพยพผู้โดยสารแล้วจะมีคนมาช่วยทันทีเลยใช่ไหม" ฝ่ายวีทีเอสตอบว่า "อย่าให้ผู้โดยสารอพยพตัวเปล่า อย่างน้อยให้ใส่ชูชีพแล้วหนีออกมาเลย" จากนั้นวีทีเอสกล่าวอีกว่า "การช่วยเหลือชีวิตจากเรือเซวอล กัปตันต้องตัดสินใจเองว่าจะอพยพผู้โดยสารหรือไม่ เราไม่รู้สถานการณ์จริงว่าเป็นอย่างไร กัปตันต้องเป็นผู้ตัดสินใจสุดท้าย และตัดสินใจเองว่าจะอพยพผู้โดยสารหรือไม่" ฝ่ายผู้บังคับเรือจึงสวนกลับไปว่า "เราไม่ได้ถามถึงเรื่องนั้น เราถามว่าถ้าจะอพยพผู้โดยสารตอนนี้ พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือเลยใช่ไหม"
ต่อ มา ฝ่ายวีทีเอสจึงพูดว่า เรือลาดตระเวนจะไปถึงในอีก 10 นาที แต่ไม่ได้แจ้งว่ามีเรือโดยสารอีกลำอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นแล้วโดยเรือดังกล่าวยังแจ้งกับวีทีเอสก่อนหน้านั้น 10 นาทีด้วยว่า พร้อมจะช่วยผู้โดยสารที่อพยพจากเรือเซวอลทันที
ด้าน ผู้เชี่ยวชาญในการเดินเรือระบุว่า ในสถานการณ์ดังกล่าว กัปตันสั่งให้ ผู้โดยสารเตรียมพร้อม แม้ไม่ต้องมีการอพยพก็ได้ โดยตามหลักแล้ว กัปตันต้องคำนึงถึงการรักษาเรือไว้ แต่ก็ต้องพยายามทำให้มีการเสียชีวิตให้น้อยที่สุดด้วย ยิ่งเรือเซวอลเป็นเรือขนส่งที่บรรทุกรถยนต์มาด้วยเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ยิ่งควรจะรู้ว่า เมื่อเรือเสียสมดุลแล้ว ควรมีการอพยพอย่างเร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า เรือเซวอลซึ่งต่อขึ้นในญี่ปุ่นเมื่อปี 2537 สร้างขึ้นก่อนที่องค์การเดินเรือระหว่างประเทศ จะออกกฎระเบียบใหม่ ให้ออกแบบเรือเดินสมุทรให้มีทางออกง่ายขึ้น หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือยุโรป ดิ เฮอรัลด์ ออฟ ฟรี เอนเตอร์ไพรซ์ อัปปางในปี 2530 และเรือเอสโตเนีย อับปางเมื่อปี 2537 จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 ราย
ด้านเด อะโคเรียไทมส์ของเกาหลีใต้ เปิดเผยเนื้อความในจดหมายลาตายของรองครูใหญ่โรงเรียนดานวอน วัย 53 ปี ที่ผูกคอตายที่ต้นไม้ บริเวณใกล้กับโรงยิมบนเกาะชินโด เพิ่มเติมว่า "ผมไม่สามารถอยู่ได้ โดยไม่รู้ว่านักเรียนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ผมขอรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เนื่องจากผมเป็นคนผลักดันเรื่องการเดินทางครั้งนี้ ช่วยเผาศพของผมและนำไปโปรยในจุดที่เรือจมด้วย" ทั้งนี้ตำรวจระบุว่า นายคังอาจคิดสั้นหลังจากพยายามขอโทษพ่อแม่เด็กแล้ว แต่ไม่ได้รับการให้อภัย
เครดิต ข่าวสด
Admin : GK1551
view
:
1787
Post
:
2014-04-21 10:16:07
เรื่องราวใหม่ๆ
- ถุงซองนิโคติน (Nicotine Pouches) คืออะไร!?
- Snus (สนูส) คืออะไร!?
- โน๊ตบุ๊คและโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแตกต่างกันอย่างไร เลือกใช้ยังไงให้เหมาะสม
- depa x TGA ดีป้า (depa) จับมือ ทีจีเอ (TGA ) บูรณาการความร่วมมือ ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเกม (Digital Content)
- กิจกรรมการอบรมการถ่ายภาพเบื้องต้น WORLD YOUTH PHOTOGRAPHER WORKSHOP
ร่วมแสดงความคิดเห็น