สำหรับคนที่มีแผนไปต่างประเทศในช่วงวันหยุดนี้ วันนี้เราขอแนะนำบทความสถานที่ท่องเที่ยวมาฝาก แต่สถานที่เที่ยวนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยสวยงามกลับเป็นความสยองเสียแทน
อันดับ 10 สุสานมัมมี่ ปานาโม อิตาลี
สุสานมัมมี่ปานาโม อิตาลี เป็นสุสานเก่าแก่ตั้งอยู่ในใต้อารามนักบวชคาปูชินแห่งโบสถ์ฟรานซิสกันของคริสต์ศาสนานิกายคาทอลิก ที่เมืองปาร์เลอโม เกาะซิซิลี ที่นี่มีซากมัมมี่กองเต็มไปหมด จะเป็นชุมชนแออัดอยู่แล้วถึงขนาดที่บางศพที่มาทีหลัง ไม่มีที่ให้ยืนสบายๆ ต้องถูกแขวนไว้กับตะขอบนผนัง และถ้าเดินเข้าไปก็จะเจอแต่ศพนั่ง... นอน... ยืน... และเดิน บางตัวละยังคงสวมเครื่องแต่งกายเหมือนเมื่อครั้งยังมีชีวิตด้วย มีมัมมี่เด็กด้วยนะ เป็นผู้หญิงอายุ 8 ขวบ ชื่อโรซาเลีย ลอมบาร์โด (ROSALIA LOMBARDO) ที่ดองไว้ 70 - 80 ปีแล้วด้วย หน้าตายังน่ารักเหมือนคนนอนหลับ เลย สถานที่นี้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว...
อันดับ 9 อุโมงค์ที่ฝรั่งเศส กรุงปารีส
สถานที่เจ้าหญิงไดอาน่าประสบอุบัติเหตุรถคว่ำสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2540 และยังคงเป็นปริศนาค้างคาใจคนทั้งโลกว่าเป็นอุบัติเหตุหรือถูกฆาตกรรม เพราะในคืนที่เกิดโศกนาฏกรรมมีการเปลี่ยนเส้นทางรถยนต์ไปยังอุโมงค์ Pont de L'Alma อย่างไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่จุดหมาย เดิมคือการเดินทางไปยังอพาร์ตเมนต์ของฝ่ายชาย และทำไมวิทยุสื่อสารของตำรวจในกรุงปารีสไม่สามารถใช้การได้โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่รถยนต์พระที่นั่งของเจ้าหญิงเดินทางเข้าสู่อุโมงค์ จนเกิดเหตุร้ายและไม่สามารถติดต่อสื่อสารเพื่อขอรับการช่วยเหลือเพื่อรักษาพระชนม์ชีพของพระองค์ได้อย่างทันท่วงที เป็นความบังเอิญจริงหรือ? ใครๆ ที่ไปเที่ยวที่อุโมงค์ฝรั่งเศสแล้วก็ต่างบอกว่าบรรยากาศมันน่ากลัว
อันดับ 8 เทือกเขาร็อกกี้ โคโลราโด
ที่สยองคือภูเขานี้เกิดคดีฆาตกรรมขึ้น เป็นเรื่องของมนุษย์กินคนที่ไม่ใช่คนป่า ปี 1874 ในฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัด คณะนักสำรวจหกคนได้ขุด อุโมงค์ในหุบเขาโคโลราโด ต่อมาอุโมงค์เกิดถล่ม การสื่อสารถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และต่อมาฤดูใบไม้ผลิมีเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอดกลับมา จากหุบเขาโคโลราโด อยู่ในสภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี เขาคนนี้มีนามว่าอัลเฟร์ด แพคเกอร์ และเมื่อเขาออกมาก็ถูกจับเนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากินเพื่อนของเขาสองคนเพื่อมีชีวิตรอดเพราะอาหารหมดและเพื่อนก็ตายไปทีละคนทีละคน เขาเลยอดใจไม่ไหวกินเป็นอาหารเสียเลย
อันดับ 7 หมู่เกาะปาปัวนิวกินี
ปาปัวนิวกินีเป็นเกาะอยู่ทางเหนือของทวีปออสเตรเลีย ประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆมากกว่า 700 เผ่า แต่ละเผ่าต่างคนต่างอยู่ การเดินทางไปมาหาสู่กันลำบากมาก เพราะพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน และใครอยากเห็นมนุษย์กินคนก็ต้องเข้าไปลึกหน่อยนะ โชคดีอาจไปทันตอนคืนพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะ และกินซุปเนื้อมนุษย์ วิธีปรุงอาหารรายการนี้ง่ายมาก นำน้ำใส่หม้อดินขนาดใหญ่ต้มให้เดือด บั่นศพมนุษย์ที่ตายทั้งสองฝ่ายให้มีขนาดที่จะใส่ในหม้อนั้นได้ใส่ลงในหม้อ นำผักชนิดต่างๆ รวมทั้งมันและเผือกใส่รวมลงไปด้วย ต้มจนสุกและเปื่อยดีแล้วก็ตักออก มากินกัน ส่วนคนที่ยังไม่ตายก็มัดไว้ก่อน และค่อยๆ ฆ่าให้ตาย นำมาปรุงเป็นอาหาร กินเลี้ยงกันในคืนต่อๆ มา รองเท้าหนัง ถุงเท้าตลอดจน เสื้อผ้าก็ถูกนำมาต้มจนเปื่อยและกินจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน สำหรับหัวกะโหลกเก็บไว้เป็นเครื่องประดับตามบ้านเรือนสวยงามมาก
แต่ปัจจุบันใครไปก็คงอดเจอซุปเนื้อคนแล้ว เพราะตอนนี้เขาเลิกแล้ว เนื่องจากกฎหมายออกมาว่าห้ามกินเนื้อคนไม่ว่าศัตรูหรือนักท่องเที่ยว!
อันดับ 6 โรงงานนรก “ค่ายเอาชวิตซ์”
โรงงานนรก ' ค่ายเอาชวิตซ์ ' สยองที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กับ ' ค่ายเอาชวิตซ์ ' (Auschwitz) ที่ใกล้เมืองเอาชวิตซิน โดยค่ายนี้สร้างขึ้นเพื่อสังหารชาวยิวด้วยการรมแก๊สพิษและเผาในเตาเผา โดยมีเหยื่อที่โดนถึง 1 ล้านสองแสนคน จากที่ต่างๆ ทั่วยุโรป จำนวน 22 ล้านคนไปที่ค่ายโดยขนไปทางรถยนต์ รถไฟ และเรือเดินสมุทร โดยสภาพยังเหมือนเดิมทุกประการไม่ว่าเตารมแก๊ส เตาเผา ค่ายพัก คุก มีกลิ่นแห่งความตายติดมาด้วย พร้อมกับความวังเวง เมื่อท่านไปก็อาจเจอผีชาวยิวที่ไม่ไปเกิดอีกได้สองเด้ง
ปัจจุบันเอาชวิตซ์เป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญและมีนักท่องเที่ยวสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของโปแลนด์ ซึ่งพยายามรักษาสภาพเอาชวิตซ์ให้ใกล้เคียงสภาพเดิมให้มากที่สุด
อันดับ 5 ปอมเปอี
ปอมเปอีเมืองเก่าสมัยกลาง ตั้งอยู่บริเวณภาคใต้ของคาบสมุทรอิตาลี ริมอ่าวเนเปิล เมืองนี้เป็นชุมชนขึ้นมาก่อนคริสต์ศักราช โดยอยู่ใต้อิทธิพลของกรีก ต่อมาราว 80 ปีก่อนคริสตกาลกลายเป็นเมืองตากอากาศฤดูร้อนของชาวโรมันหลังตกเป็นอาณานิคมของอาณาจักรโรมัน กระทั่งถูกภูเขาไฟระเบิด ถล่มทั้งเมือง ตอนนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สยองขวัญมาก เค้าหล่อรูปคนตายในท่าที่ถูกลาวาทับไว้ ก็เลยเป็นสถานที่แสดงท่าหนีตายของชาวเมืองไป เพราะปอมเปเอียนและสัตว์เลี้ยงแข็งเป็นหินคงสภาพเกือบทุกประการ รวมถึงความหวาดกลัวต่อความตายที่ยังตราติดอยู่บนดวงหน้า บางซากนั่งเอามือปิดหน้า บางซากซบอยู่กับกำแพง ปอมเปอีจึงได้อีกชื่อว่า ' ซากเมืองแห่งความตาย'
ปัจจุบันเมืองโบราณปอมเปอีได้รับการฟื้นฟู องค์การยูเนสโก้ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1997
อันดับ 4 คุกและหอคอยลอนดอน
สถานที่เกิดเหตุแห่งประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ยาวนานกว่า 900 ปี นองเลือดซับซ้อนซ่อนเงื่อน เคยเป็นป้อมปราการ, ปราสาทราชวัง, คุก และแดนประหาร เป็นสถานที่ตัดหัวของแอนน์ โบลีน พระสนมในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ที่ทุกวันนี้ วันดีคืนดียังมีคนเห็นแอนน์ โบลีนถือหัวและร้องครวญอย่างทรมาน ไม่รวมกับอีกหลายวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในหอคอยแห่งนี้ ซึ่งมักจะส่งเสียงร้องขอชีวิตหรือเสียงลากโซ่ ตรวนให้ผู้คนได้ยินและปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ จึงทำให้ที่นี่ยังคงโด่งดังเรื่องความหลอนตลอดกาล ปัจจุบันหอคอยลอนดอนเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารและหอคอยหลายหลังเป็นที่เก็บเครื่องมือทรมานและเครื่องมือประหารนักโทษแบบโหดๆ ของยุคกลาง และมีอีกาดำด้วยดูแล้วก็น่ากลัวจริงๆ
อันดับ 3 ปราสาทของวลาด ดารคู ทรานซิลวาเนีย โรมาเนีย
ดารคูทรานซิลวาเนีย โรมาเนีย ปราสาทที่เป็นแหล่งที่มาของนิยายผีดูดเลือดแดรกคิวล่า ที่ว่าน่ากลัวคือเจ้าชายจอมเสียบ วลาด ดารคูลา ผู้เป็นเจ้าของปราสาท แกชอบจับเอาเหล่าเชลยมาเสียบด้วยไม้แหลมจากก้นจนทะลุขึ้นไปซีกบน แล้วก็เอามานั่งเรียงรายกันไปในบริเวณกว้างๆ เช่น กำแพงเมืองหรือสนามหญ้าใหญ่ๆ วันไหนครึ้มอกครึ้มใจ เขาก็จะนั่งดินเนอร์ดูการประหารด้วยวิธีนี้เสียตรงนั้นเลย... ส่วนปราสาทปัจจุบันยังอยู่และมีการทำบันไดให้ปีนขึ้นไปดูได้
อันดับ 2 อัลคาแทรซ ซานฟราสซิสโก
ที่นี่คือคุกที่มีชื่อเสียงที่สุดของอเมริกา อัลคาแทรซ (Alcatraz) สถานที่คุมขังอัลคาโปน เจ้าพ่อชื่อดังและภายในคุกสยอง วังเวงจริงๆ และได้ฉายาว่า ‘เดอะร็อก’ เป็นคุกที่ไม่มีใครแหกสำเร็จ ถึงแม้จะมีนักโทษพยายามใช้ของชิ้นเล็กๆ ตัดซี่กรงเหล็กและแอบว่ายน้ำหนีออกไป แต่ก็ไม่ปรากฏว่าเขามีชีวิตรอดไปได้ นักโทษหลายคนตายในห้องขังที่นี่ ส่วนหนึ่งตายเพราะบาดแผลติดเชื้อ และนี่เองเป็นที่มาของเสียงประหลาดมากมาย เช่น เสียงตัด เหล็ก เสียงปิดประตูห้องขัง เสียงหวีดร้องจากวิญญาณและความรู้สึกถูกจ้องมอง
ปัจจุบันคุกนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว สามารถค้างคืนได้ด้วย!
อันดับ 1 อนุสรณ์สถานแห่งคิลลิ่ง ฟิลด์
ตำนานสังหารที่โลกไม่เคยลืม บทบันทึกความเลวร้ายที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างป่าเถื่อนทารุณ โศกนาฏกรรม "กัมพูชา" ช่วงเขมรแดงเรืองอำนาจหลังจากยึดกรุงพนมเปญได้ในปี 2518 ทั่วทั้งแผ่นดินแดงฉานด้วยเลือดประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อความโหดเหี้ยม
Credit: pantip.com สมาชิกหมายเลข 1033358