เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 มี.ค. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แถลงข่าวกรณีหยุดปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. หลังจากที่ศาลอุทธรณ์รับคำร้องพิจารณาคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใหม่ ว่า ตนขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้กำลังใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตตนจะจำภาพวันนี้ไว้ตลอด ตนอยากให้ข้าราชการและลูกจ้างกทม. เห็นแก่ประชาชนเป็นหลัก ไม่ต้องเป็นห่วงความรู้สึกของตนไม่สำคัญ ประชาชนสำคัญที่สุด คงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับสถานภาพทางกฎหมายที่เกิดขึ้น มติของ กกต. ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนได้วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ต้องยอมรับว่ามีคนสะใจก็มาก แต่ก็มีมากที่ให้กำลังใจ ความสะใจก็ดี ความห่วงใยก็ดีเป็นเรื่องปกติของการเมือง ในส่วนของความรู้สึกของตนต่อมติ กกต.เป็นอย่างไรเป็นเรื่องของตน 

 

 แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ การที่ตนต้องเคารพกฎหมายศาลและองค์กรตามตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงองค์กรอิสระ ซึ่ง กกต. ก็เป็นองค์กรอิสระ นักการเมืองจะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ โดยเฉพาะนักการเมืองที่มีตำแหน่งบริหารไม่ว่าจะเป็นการบริหารราชการแผ่นดิน หรือบริหารในระดับท้องถิ่นเพราะว่านักการเมือง คือ ผู้นำกฎหมายมาบังคับใช้ในการบริหารราชการ  ถ้าหากต้องการอยู่เหนือกฎหมายก็ไปเป็นเจ้าพ่อเสียดีกว่า นักการเมืองมีหน้าที่รับใช้ประชาชน จะอยู่เหนือใครหรือกฎหมายไม่ได้ โดยเฉพาะนักการเมืองที่มีตำแหน่งบริหาร ผู้บริหารจะต้องปกครองคน ถ้าไม่เคารพกฎหมายจะปกครองคนได้อย่างไร 

 

 สิ่งที่สำคัญเหนือส่งอื่นใดคือ ต้องเคารพกฎหมาย นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักการเมืองที่มีตำแหน่งบริหารแบบตน ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่วินาทีแรกตนทราบมตินี้ ตนพูดมาตลอดว่าอย่าเป็นห่วงตนเอง ให้เป็นห่วงประชาชน หลังจากนี้ตนคงต้องฝากตัวเองไว้กับศาล และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งก็มั่นใจว่าศาลจะให้ความยุติธรรม เพราะทุกคนก็ทราบว่าตนไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาเป็นอย่างไร ตนก็พร้อมรับและปฏิบัติตาม

 

 อย่างไรก็ตาม ตนมาอยู่ในการเมืองย่อมทราบดีว่าการเมืองต้องมีขึ้น มีลง มีสบายต้องมีลำบาก มีคนชมก็ต้องมีคนติ จะรับแค่คำชมหรือ ความสบายอย่างเดียว เอาขึ้นอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าไม่ยอมรับความจริงในเรื่องสัจธรรมทางการเมืองในข้อนี้ ตนเลิกเล่นการเมืองดีกว่า ดังนั้น ไม่ต้องห่วงตน สิ่งที่ตนเป็นห่วงเหนือสิ่งอื่นใด คือ ประชาชนชาวกรุงเทพฯ และสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ เพราะกรุงเทพฯ เป็นเวที เป็นสมรภูมิของความขัดแย้งทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์และไม่มีทีท่าจะยุติ ตนห่วงประชาชนมากที่สุด ขอให้ผู้ร่วมงานทุกท่านดูแลประชาชนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากหัวใจของท่านอยู่กับประชาชน หัวใจของตนก็จะอยู่กับท่านตลอดไป ที่ตนพูดเช่นนี้เพราะเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 56 มีประชาชนกว่า 1.2 ล้านคนได้ให้ความไว้วางใจให้ตนกลับมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. อีกครั้ง ตนทิ้งประชาชนที่ไว้วางใจตนไม่ได้ และตนก็ทิ้งประชาชนที่ไม่เลือกตนไม่ได้เช่นกัน เพราะตนยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ต้องดูแลประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน 

 

 สิ่งที่ประชาชนมอบให้ตนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตนจึงทิ้งประชาชนไม่ได้อย่างเด็ดขาด และสิ่งใดที่หากเกิดปัญหาสำคัญ หรือเหตุร้าย สิ่งใดที่กฎหมายไม่ได้ห้ามไม่ให้ปฏิบัติ ถ้าตนจำเป็นต้องทำตนก็จะทำ เช่น ถ้าจำเป็นต้องพูดก็จะพูด หากเกิดเหตุร้ายแล้วประชาชนได้รับบาดเจ็บ หรือข้าราชการ ลูกจ้าง กทม. ได้รับบาดเจ็บตนก็จะไปเยี่ยม เพราะกฎหมายมาตรา 49 ไม่ได้ห้าม แต่หากตนต้องถูกลงโทษด้วยเหตุนี้ ตนก็ยอมเพราะทิ้งประชาชนไม่ได้ ดังนั้นขอเตือนไว้ก่อนว่าตนยังเป็นผู้ว่าฯ กทม. และ หากใครลืม ตนจะตั้งรูปไว้ที่หน้าห้องทำงานของตน

 

 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวก่อนเดินทางออกจากศาลาว่าการกทม. ว่า ในระหว่างที่ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่ตนจะไปตรวจสุขภาพ ดูแลตัวเอง พักผ่อนและเลี้ยงหลาน อยู่กับครอบครัว แต่ตนจะกลับมาเยี่ยมศาลาว่าการกทม. บ้างเพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม

 

 ด้านนายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์เพื่อขอให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้น ตามกฎหมายได้กำหนดให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อได้รับสำเนาคำร้องจากศาลอุทธรณ์ แต่ทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯกทม.จนกว่าศาลจะตัดสิน ซึ่งก็มีการตัดสินเพียง 2 ทาง คือ การยกคำร้องของกกต. หรือดำเนินการตามมติ กกต.คือ การสั่งการให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ใหม่ อย่างไรก็ตามสถานะผู้ว่ากทม.ยังคงอยู่ แต่ถูกจำกัดในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ คำสั่งต่างๆ ที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้ลงนาม ไปแล้วก่อนวันที่ 29 มี.ค. ยังคงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ต้องดำเนินการไปตามปกติ และผู้รับคำสั่งต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

 

 ในส่วนของงานบริหารนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ลงนามมอบอำนาจให้รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปฏิบัติงานแทน ตามลำดับ คือ ลำดับที่ 1 นางผุสดี ตามไท ลำดับที่ 2 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ลำดับที่ 3 นายจุมพล สำเภาพล ลำดับที่ 4 นายอมร กิจเชวงกุล อย่างไรก็ตามการบริหารงานอาจมีผลกระทบเกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ดังนั้นจึงขอให้ศาลเร่งการพิจารณาตัดสินโดยเร็วที่สุด ซึ่งในขณะที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์หยุดปฏิบัติงานนั้น จะไม่ได้รับเงินเดือน แต่หากศาลอุทธรณ์ตัดสินยกคำร้องจะให้เงินย้อนหลังต่อไป

 

 ขณะที่ นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯกทม. ในฐานะรักษาการผู้ว่าฯ กทม.  กล่าวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่ได้สั่งการกำชับอะไรเป็นพิเศษนอกจากให้ดูแลประชาชนเป็นหลัก และดำเนินการในนโยบายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนก็มีความกังวลใจในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพไม่ปกติ และไม่มีวี่แววว่าจะปกติได้ในวันนี้ อย่างไรก็ตามตนจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อรอวันที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กับมาปฏิบัติหน้าที่เช่นเดิม

 

 ด้านนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้มอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งกล่าวว่า เราทุกคนจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ในการดูแลประชาชน ตามที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ตั้งใจไว้ ทั้งนี้ในปีนี้เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง ทั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร (ส.ข.) ซึ่งตนไม่อยากให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ใหม่

 

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศที่ศาลาว่าการกทม. มีผู้บริหารฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ ลูกจ้างกทม. จากทั้งสำนักต่างๆ และ 50 สำนักงานเขต รวมถึงประชาชน เดินทางมาให้กำลังใจผู้ว่าฯกทม. จำนวนมาก จนแน่นลานองค์พระพุทธนวราชบพิตรพร้อมมอบดอกไม้และถือป้ายให้กำลังใจ โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  รับมอบดอกไม้จากผู้ที่มาให้กำลังใจด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และมีน้ำตาคลอเล็กน้อย และในตอนท้ายได้สักการะพระพุทธนวราชบพิตร จากนั้นก็ได้ขึ้นรถตู้โฟล์กส่วนตัวสีดำ หมายเลข ฮจ 292 กทม. เดินทางออกจากศาลาว่าการกทม. 

 

เครดิต ข่าวสด