10.กระจกผีสิง
Myrtles Plantation เป็นสถานที่ๆ อยู่ในรัฐหลุยเซียน่า พื้นที่กว้าง 10 เอเคอร์และมีอายุกว่า 200 ปีนี้เคยเป็นที่อยู่ของบ้านหลายหลัง แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ชอบเรื่องเหนือธรรมชาติ ว่ากันว่า ทุกๆ คืนตอนตี 3 จะมีวิญญาณ 15 ตนออกมา วิญญาณ 4 ตนในนี้มาจากเรื่องเล่าโศกนาฏกรรมของครอบครัว Woodruff และทาสสาวที่ชื่อว่า Chloe
ในปี ค.ศ.1817 Sara Mathilda ได้รับสืบทอดพื้นที่นี้มาจากพ่อของเธอ เธอย้ายเข้ามาอยู่กับสามีของเธอที่ชื่อว่า Clark Woodruff กับลูกอีก 3 คน และทาสที่ชื่อ Chloe คืนหนึ่ง Clark จับได้ว่า Chloe แอบฟังบทสนทนาลับของ เขาจึงตัดหูของเธอออกเสีย หลังจากนั้น Chloe ก็สวมผ้าโพกหัวสีเขียวอยู่เสมอเพื่อปกปิดร่องรอย เพื่อให้ได้รับความไว้ใจของเจ้านายคืนมา Chloe วางแผนขึ้นมา เธอทำเค้กวันเกิดให้กับลูกสาวคนโตของบ้าน แต่แอบใส่ใบ oleander ซึ่งเป็นพืชมีพิษที่พบได้ในแถวนั้น
แผนของเธอก็คือ เมื่อทั้งครอบครัวป่วย เธอจะเป็นคนเดียวที่รู้ทางแก้ และเมื่อเธอช่วยรักษาพวกเขานายจ้างก็จะกลับมาชอบเธออีกครั้ง แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องราวผิดแผนไปหมด เมื่อ Chloe ใส่ยาพิษมากไป ทำให้ Sara และลูกสาวสองคนของครอบครัวเสียชีวิต ด้วยความตื่นตระหนก Chloe สารภาพ เรื่องนี้กับทาสคนอื่นๆ ซึ่งตื่นตระหนกเช่นกันแล้วกลัวว่าจะถูกกล่าวหาว่าซ่อนตัวคนร้ายไว้ ทั้งหมดจึงพากันแขวนคอ Chloe และทิ้งร่างของเธอลงในแม่น้ำมิสซิสซิปปีเสีย
ตามประเพณีของทางนั้น เมื่อมีสมาชิกในบ้านเสียชีวิตลงกระจกทุกบานในบ้านจะต้องถูกคลุมไว้เพื่อที่วิญญาณคนตายจะได้เดินทางไปยังอีกโลกได้และไม่ถูกผูกติดไว้ในเงาของกระจกในโลกนี้ และตามประเพณีนี้ ในคืนที่ครอบครัว Woodruff ถูกวางยาพิษ กระจกทุกบานก็ถูกคลุมไว้ ยกเว้นบานหนึ่ง ซึ่งมีคนเห็นวิญญาณหญิงสาวผิวดำใส่ผ้าโผกหัวสีเขียวปรากฏขึ้น นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ยังจะได้ดูกระจกอีกบานหนึ่งในบ้าน ซึ่งว่ากันว่าวิญญาณของแม่และลูกๆ ถูกขังเอาไว้ บางคนอ้างว่าเห็นรอยมือและหน้าของเด็กๆ บนกระจก ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม คุณคงไม่อยากไปนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกนี้แน่นอน
9.Annabelle ตุ๊กตาผีสิง
Ed Warren และ Lorraine Warren นักสืบสวนชื่อดัง ได้รับสืบสวนเรื่องราวของ Annabelle ตุ๊กตาผีสิง ในช่วงต้นปี 1970 ตุ๊กตาโบราณนี้ถูกซื้อเป็นของขวัญจากแม่ให้กับลูกสาวที่ชื่อ Donna ซึ่งในช่วงนั้นเป็นนักเรียนที่ฝึกเป็นพยาบาลอยู่ เธออาศัยอยู่ในหอพักเล็กๆ กับเพื่อนของเธอที่ชื่อ Angie ตุ๊กตาตัวนี้ถูกวางเอาไว้บนเตียงของเธอ และหลังจากนั้น ก็มีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้น ตุ๊กตานี้ดูเหมือนจะมีพลังที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง บางครั้ง สาวๆ จะกลับมาเจอว่าตุ๊กตาย้ายจากห้องหนึ่งไปอยู่อีกห้องหนึ่ง เคยแม้กระทั่งเจอมันนั่งไขว้ขารออยู่บนโซฟา
หลังจากนั้น บางครั้งสาวๆ จะกลับมาเจอแผ่นกระดาษที่เขียนด้วยลายมือเด็ก ซึ่งเขียนไว้ว่า “ช่วยเราด้วย” ทั้งสองไม่สามารถหาได้ว่าใครเป็นคนเขียนโน๊ตนี้หรือกระดาษเก่าๆ ที่ใช้เขียนมาจากไหนกันแน่ แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีเรื่องแปลกยิ่งกว่าเกิดขึ้น นั่นคือ มีรอยเลือดปรากฏขึ้นบนตัวตุ๊กตา ถึงตอนนี้ทั้งสองก็ติดต่อกับหมอผี ซึ่งทำให้ได้พบว่าทั้งสองอาศัยอยู่กับวิญญาณของเด็กหญิงที่ชื่อ Annabelle Higgins เด็กหญิงอายุ 7 ปี ที่ถูกฆ่าบนที่ดินที่หอพักของพวกเธอตั้งอยู่
วิญญาณของ Annabelle ย้ายไปอยู่ในตุ๊กตาเพื่อจะได้มีเพื่อน และเมื่อหญิงสาวทั้งสองได้ยินเรื่องราวของ Annabelle ทั้งคู่ก็ตัดสินใจให้วิญญาณอาศัยอยู่ในตุ๊กตาและอยู่ในหอพักของพวกเธอต่อไปได้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการตัดสินใจที่แย่มาก อย่างน้อยก็กับเพื่อนสนิทของทั้งคู่ที่ชื่อ Lou ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของทั้งคู่และอยากให้ทิ้งตุ๊กตาไปเสีย เย็นวันหนึ่ง Lou เข้าไปในห้องนอนของ Angie และถูกทำร้ายโดยพลังที่มองไม่เห็น ซึ่งทิ้งรอยเล็บไว้บนหน้าอกของเธอ ตอนนี้เอง ที่นักสืบสวน Ed และ Lorraine เข้ามามีบทบาท
หลังจากตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น Ed และ Lorraine Warren สรุปว่า ตุ๊กตานี้ไม่ได้ถูกสิ่งโดยวิญญาณของเด็กหญิง แต่ถูกสิ่งโดยวิญญาณชั่วร้ายที่หวังจะเข้าสิงร่างมนุษย์อีกที ตามที่พวก Warren กล่าวไว้คือ วิญญาณชั่วร้ายนี้ใช้ความเห็นใจของเด็กสาวเพื่อให้เป็นเหยื่อ เมื่อพวกเธอเผลอจะได้เข้าสิงพวกเธอแทน พวก Warrens ย้ายตุ๊กตา Annabelle ออกจากหอพักแล้วเอาไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในรัฐคอนเนตทิคัตแทน ที่ซึ่ง Annabelle ยังคงขยับตัวเองได้บางครั้ง และว่ากันว่า บางครั้งมันยังส่งเสียงขู่ใส่คนที่มาเยี่ยมชมอีกด้วย
8.ชุดแต่งงานผีสิง
Anna Baker เป็นลูกสาวของ Elias Baker ชายคนสำคัญผู้ร่ำรวยในวงการเหล็กของ Blair County ในช่วงยุด 1800 Anna ได้ทุกสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเงินและอัญมณี แต่ก็เหมือนกับวัยรุ่นทั่วๆ ไป สิ่งที่เธอต้องการจริงๆ ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน นั่นคือรักแท้ ซึ่งพ่อของเธอก็คงไม่ขัดหากเธอได้พบกับชายที่เหมาะสมกับเธอ อย่างไรก็ตามเหมือนกับเรื่องราวความรักหลายๆ เรื่อง Anna กลับตกหลุมรักกับคนงานสุดหล่อที่ทำงานให้พ่อเธอแทน
แน่นอนว่าพ่อเธอต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ว่ากันว่าเสียงร้องตะโกนด้วยความโมโหของเขาดังไปไกลหลายไมล์ เขาไม่ต้องการให้เธอแต่งงานกับคนที่ไม่เหมาะสม และแน่นอนว่าด้วยความที่เขาเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน การตัดสินใจของเขาต้องเป็นเด็ดขาด แต่ด้วยความหัวดื้อของ Anna เธอตัดสินใจว่า ถ้าเธอไม่ได้แต่งงานกับชายที่เธอต้องการ เธอจะไม่ยอมแต่งงานกับใครเลย เธออยู่เป็นโสดจนกระทั่งเสียชีวิตไป เหลือทิ้งไว้แต่ชุดแต่งงานตัวงามที่เธอเลือกไว้กับแม่ของเธอ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ใส่
จนกระทั่งไม่นานมานี้ ชุดแต่งงานที่ว่านี้ถูกตั้งแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของ Blair County ในคฤหาสน์เดิมของครอบครัว Baker ชุดแต่งงานนี้ถูกตั้งไว้ที่ห้องนอนเก่าของ Anna และแน่นอนว่าต้องตั้งไว้หน้ากระจกด้วย มันถูกเก็บเอาไว้ในตู้กระจก ที่ว่ากันว่ามักจะสั่นไปมาโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนเชื่อกันว่าเป็นเพราะพื้นไม้ที่เก่าแล้วไม่มั่นคง แต่คนบางคนก็เชื่อว่า เรื่องราวเหนือธรรมชาติคือคำตอบของเหตุการณ์นี้ เชื่อกันว่า Anna กำลังสวมชุดแต่งงานนี้ไว้แล้วชื่นชมตัวเองอยู่ในกระจก
7.เก้าอี้แห่งความตาย
คฤหาสน์ Baleroy สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1911 ที่รัฐเพนซิลเวเนีย และด้วยความที่ตึกนี้ประกอบไปด้วยงานฝีมือมากมาย มันจึงมีค่าทั้งทางมูลค่าและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ข้าวของในคฤหาสน์นี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นของประธานาธิปดีแห่งสหรัฐอเมริกา Thomas Jefferson แต่นอกจากความมีคุณค่าของมันแล้ว คฤหาสน์ Baleroy ยังมาพร้อมกับชื่อเสียงด้านเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอีกด้วย
George Meade Easby ผู้สืบทอดคฤหาสน์คนสุดท้าย เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.2005 แต่ก่อนตายเขาได้อ้างว่า เขาเคยเห็นวิญญาณหลายตนวนเวียนอยู่ในบ้าน แต่เรื่องที่สยองที่สุดคือเรื่องของ “เก้าอี้แห่งความตาย” ในห้องสีฟ้า เก้าอี้นี้มีอายุกว่า 200 ปีและว่ากันว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นของแม่ทัพนโปเลียน
แน่นอนว่าถึงจะมีชื่อเสียงและเก่าแก่ เก้าอี้นี้ก็คงไม่ใช่เก้าอี้ที่คุณอยากเอามาโชว์ใคร และแน่นอนว่าคุณคงไม่อยากนั่งแน่ๆ นักสืบสวนเหตุการณ์เหนือธรรมชาติหลายคนเชื่อว่า มีวิญญาณหญิงสาวสิงอยู่ในเก้าอี้ตัวนี้ที่ได้ชื่อเล่นว่า Amelia ว่ากันว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่วิญญาณ Amelia ปรากฏตัวขึ้นที่เกิดหมอกสีฟ้าขึ้นภาพในห้อง และใครที่ไปนั่งบนเก้าอี้ตัวนั้นจะตายทันที จนถึงวันนี้ มีคน 4 คนที่กล้านั่งลงบนเก้าอี้นั้น และแน่นอนว่าคนเหล่านั้นก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว
6.กะโหลกกรีดร้องแห่งหอประชุม Burton Agnes
เรื่องลึกลับของกะโหลกกรีดร้องเป็นเรื่องราวที่มาจากแถบสหราชอาณาจักร มีการบันทึกไว้ว่า หัวกะโหลกหลายชิ้นที่ถูกย้ายออกมาจากที่อยู่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ลึกลับที่เกี่ยวกับวิญญาณและเสียงกรีดร้องที่ไม่สามารถอธิบายได้ หนึ่งในหัวกะโหลกกรีดร้องที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ ของที่หอประชุม Burton Agnesใน East Yorkshire หอประชุมนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงของราชินีอลิซาเบ็ธที่ 1 โดยท่านเซอร์ Henry Griffiths และเหล่าน้องสาวของเขา ระหว่างการก่อสร้างนั้น น้องสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่า Anne ถูกแทงเสียชีวิตโดยบุคคลนิรนาม ก่อนที่เธอจะสิ้นใจ เธอให้พี่น้องของเธอสัญญาว่า จะตัดศีรษะของเธอออกแล้วให้เก็บไว้ในหอประชุมนี้ (อาจจะเป็นหนึ่งในคำขอก่อนตายแปลกสุดๆ เท่าที่เคยมีมา)
แต่พี่น้องของเธอก็ไม่ได้ทำตามคำขอนั้น พวกเขาฝังร่างเธอทั้งหมดเอาไว้แทน หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงครางเหมือนคนที่ถูกฝังดังไปทั่วทั้งหอประชุม พี่น้องที่แตกตื่นของ Anne รีบไปที่หลุมฝังศพของเธอและพบว่า ร่างกายที่เหลือแต่กระดูกนั้นส่วนศีรษะได้ถูกตัดแยกออกจากร่างกาย ทั้งหมดนำเอาหัวกะโหลกไปวางไว้ในหอประชุม แล้วเสียงครางต่างๆ ก็หายไป
หลังจากนั้น ลูกหลานของท่านเซอร์ Henry ที่รับสืบทอดหอประชุมต่อก็ย้ายหัวกะโหลกออก แต่ทุกครั้งที่หัวกะโหลกถูกย้ายออกไป ตึกก็จะเกิดการสั่นและเหล่ารูปภาพที่แขวนไว้ก็จะตกลงมา ในที่สุดลูกหลานของเซอร์ Henry ก็ตกลงกันว่าจะเก็บกะโหลกเอาไว้ในตึกโดยซ่อนเอาไว้ในกำแพง ที่ซึ่งมันก็ยังคงอยู่มาจนถึงวันนี้
5.เตียงสองชั้นผีสิง
เรื่องราวของเตียงสองชั้นผีสิงนี่โด่งดังมากเสียจนกลายเป็นเรื่องสุดฮิตในโทรทัศน์ที่ฉายเกี่ยวกับปริศนาที่ยังไม่มีใครไขได้ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1987 ใน Horicon รัฐวิสคอนซิน Alan Tallman และ Debby Tallman ซื้อเตียงสองชั้นมาจากร้านของมือสอง และเอาเก็บไว้ในห้องใต้ดิน หลังจากนั้นในเดือนพฤษภาคม ทั้งคู่ก็ย้ายเตียงขึ้นมาไว้บนบ้าน และ 9 เดือนหลังจากนั้นตั้งแต่คืนแรกที่เตียงถูกย้ายขึ้นไป เรื่องสยองก็เกิดขึ้น
เริ่มจากเด็กๆ ในบ้านเกิดป่วยขึ้นมา วิทยุในบ้านก็จะเปลี่ยนคลื่นไปมาเองทั้งๆ ที่ไม่มีใครไปแตะต้อง เด็กสองคนแรกที่นอนบนเตียงบอกว่าเห็นแม่มด ครอบครัว Tallmans เชิญพระมาไล่ผี แล้วทุกอย่างก็ปกติสุขอยู่สักพัก หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์หลังจากวันคริสมาตในปี ค.ศ.1988 Alan Tallman หลังมาบ้านและได้ยินเสียงเรียกเขาว่า “มานี่” เขาตามเสียงนั่นไปยังโรงรถและพบว่าไฟกำลังไหม้ เขารีบวิ่งไปหยิบถังดับเพลิง แต่เมื่อกลับมายังโรงรถอีกครั้งก็พบว่าไฟได้หายไปแล้ว หลังจากเรื่องราวสยองขวัญที่หลายครั้งต่อมา ครอบครัว Tallmans ก็คิดได้ว่า “พอกันที” แล้วจัดการเผาเตียงนั่นเสีย แล้วไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลังจากนั้นก็ไม่เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้นอีกเลย
4.ภาพวาดต้องคำสาป
ภาพวาด “เด็กชายร้องไห้” (Crying Boy) ของ Bruno Amadio เป็นภาพวาดยอดนิยมที่ถูกตีพิมพ์ขึ้นมาเป็นจำนวนมากในช่วงปี ค.ศ.1950 โดนเฉพาะในแถบ สหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงปี ค.ศ.1980 ภาพวาดนี้ก็ดึงดูดความสนใจของหนังสือพิมพ์ประเทศอังกฤษ หนังสือพิมพ์ The Sun เขียนเรื่องเกี่ยวกับนักดับเพลิงที่อ้างว่า เคยอยู่ในเหตุการณ์ที่บ้านหลายหลังถูกไฟไหม้ เหลือเพียงแต่รูปภาพนี้ที่ไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย เขาถึงกับพูดด้วยว่า ไม่มีนักดับเพลิงคนไหนกล้าแขวนภาพนี้ไว้ในบ้านของตัวเอง เพราะกลัวบ้านจะถูกไฟไหม้
หนังสือพิมพ์นี้ยังจริงจังถึงขนาดไปสัมภาษณ์สมาชิกในบ้านที่ถูกไฟไหม้และมีภาพวาดนี้อยู่ในบ้านด้วย และภายในระยะเวลา 6 เดือน The Sun ก็เป็นผู้เริ่มโครงการภาพเขียนต้องคำสาปที่แนะนำให้ผู้อ่านที่มีภาพนี้อยู่ยกภาพวาดเจ้าปัญหานี้ให้คนอื่นเสีย หรือสามารถลบคำสาปได้ด้วยการแขวนภาพเด็กผู้ชายนี้ไว้ใกล้ๆ ภาพวาดเด็กผู้หญิง หรือส่งภาพมายังสำนักพิมพ์เพื่อให้เผาทำลายเสีย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น BBC ก็ทำการตรวจสอบภาพวาดเหล่านี้และพบว่ามันถูกเคลือบเอาไว้ด้วยสารที่กันไฟต่างหาก นี่อาจจะเป็นเหตุที่ทำให้ภาพเขียนไม่ได้รับความเสียหายเมื่อเกิดไฟไหม้หรือจะเป็นเพราะคำสาปมีอยู่จริงกันแน่ ?
3.แหวนของวาเลนติโน
Rudolph Valentino (1895-1926) ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักแสดงหนังเงียบของฮอลลิวูดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาเสียชีวิตจากโรคแผลในกระเพาะอาหารเมื่ออายุได้เพียง 31 ปีเท่านั้น แต่บางคนโทษว่าต้นเหตุของการเสียชีวิตของเขามาจากแหวนที่ซื้อมาจากร้านเครื่องประดับในปี ค.ศ.1920 แหวนวงนี้ประดับด้วยอัญมณีที่เรียกว่า ตาเสือ (Tiger’s eye) มีตำนานเล่าไว้ว่า หลังจากวาเลนติโนซื้อแหวนมา เขาก็อวดมันให้กับเพื่อนสนิทดูทันที แต่เพื่อนของเขากลับบอกว่า เขาเห็นภาพนิมิตของวาเลนติโนที่ซีดเผือดและดูคล้ายคนตาย ไม่ว่าเพื่อนของเขาจะเห็นภาพที่ว่าจริงหรือไม่ ภาพยนต์หลังจากนั้นของวาเลนติโนก็ล้มเหลวทางด้านรายได้ แล้วเขาก็เสียชีวืตหลังจากนั้น 6 ปี
แต่วาเลนติโนไม่ใช่เหยื่อคนเดียวของแหวนวงนี้ คนรักของเขา Pola Negri ป่วยหนักหลังจากสวมแหวน ซึ่งอาการป่วยที่ว่านี้หนักมากจนทำให้อาชีพการงานของเธอถอยหลังลงคลองและไม่เคยฟื้นกลับมาได้เต็มตัวอีกเลย อีกคนคือ Russ Colombo นักแสดงที่ถูกจ้างมาเล่นเป็นวาเลนติโนในภาพยนต์ชีวประวัติของเขาและได้สวมแหวนเช่นเดียวกัน ถูกยิงโดยอุบัติเหตุไม่กี่วันหลังจากนั้น ต่อมา นักเลงที่ชื่อ Joe Casino ก็ได้เป็นเจ้าของแหวน แต่เขาปฎิเสธไม่ยอมใส่มันจนกว่าคำสาปจะหายไป หลายปีหลังจากนั้น เขาตัดสินใจลองใส่แหวนและไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเขาก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ รายชื่อเหยื่อของแหวนวงนี้ยังมีอีก แต่จนถึงช่วงปี ค.ศ.1960 แหวนก็หายสาบสูญไปและหาไม่เจอว่าอยู่ที่ไหน
2.หีบเวทมนต์
เมื่อ 150 ปีก่อน Jacob Cooley สั่งให้ทาสผิวดำชาวแอฟริกัน-อเมริกันชื่อ Hosea สร้างหีบใบหนึ่งเพื่อเป็นของขวัญให้ลูกคนแรกของเขา Hosea ได้สร้างหีบไม้ขึ้นมาอันหนึ่ง แต่ด้วยเหตุใดไม่อาจทราบได้ เจ้านายของเขากลับไม่พอใจในผลงาน เขาทุบตี Hosea อย่างรุนแรงแล้วฆ่าเขาเสีย ทาสคนอื่นสาบานว่าจะล้างแค้นให้กับการตายของเพื่อน พวกเขาใช้เลือดของนกฮูกสาดลงบนหีบ แล้วให้นักเวทมนต์สาปหีบใบนั้นเสีย
และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวทมนต์หรืออย่างไร ลูกคนแรกของ Jacob Cooley ตายตั้งแต่ยังเป็นทารก และหลังจากนั้นอีก 4 ปี ก็เกิดการตายที่เกี่ยวข้องกับหีบนี้ขึ้น 17 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คำสาปได้ถูกถอนไปแล้วโดยนักเวทมนต์หญิงคนหนึ่ง และปัจจุบันนี้หีบนี้ก็ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ Kentucky History Museum ใน Frankfort
1.ไม้เท้าผีสิง
เป็นคุณจะยอมจ่ายเงิน 65,000 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐเพื่อไม้เท้าเหล็กสักอันไหม? แต่อันนี้พิเศษกว่าอันอื่นนะ เพราะมันคือ “ไม้เท้าผีสิง” (Ghost Cane) ซึ่งวางขายอยู่บน eBay โดย Mary Anderson หญิงที่อาศัยอยู่ในรัฐอินเดียน่า ผู้ซึ่งหวังไว้ว่าการขายไม้เท้าอันนี้ออกไปจะช่วยให้ลูกชายวัย 6 ปีของเธอหายกลัว เนื่องจากเขาเชื่อว่าวิญญาณของปู่เขายังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน
ไม้เท้านี้ถูกประมูลถึง 132 ครั้ง และได้รับการรับรองการประมูลซึ่งโดยมากจะไม่ยอมรับสินค้าที่เกี่ยวกับเรื่องผีหรือวิญญาณ เนื่องมาจากคุณ Anderson คนนี้ยืนยันว่า เธอขายไม้เท้านี้เพื่อให้ลูกชายหายกลัวเท่านั้น
นอกจากนั้น เธอยังขอร้องให้ผู้ที่ชนะการประมูลเขียนจดหมายมาบอกลูกชายของเธอว่า ทั้งไม้เท้าและวิญญาณยังอยู่ดีมีสุขอยู่ ปัจจุบันที่อยู่ใหม่ของไม้เท้าผีสิงนี้คือที่คาสิโน Golden Palace บนเกาะ Antigua ที่ๆ มันได้ตั้งโชว์อยู่คู่กับแซสวิสชีสย่างที่ปรากฏเป็นรูปหน้าพระแม่มารี ซึ่งถูกซื้อมาจาก eBay เช่นเดียวกันในราคา 28,000 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ
ที่มา: http://clip.upyim.com/