วันนี้ (20 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวในรายการฟ้าวันใหม่ ทางช่องบลูสกายแชนแนลถึง ความรับผิดชอบทางการเมืองว่า การที่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วบอกว่าทุกอย่างต้องรอกฎหมายเพียงอย่างเดียว  ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา  เพราะโดยธรรมชาติกระบวนการทางกฎหมายล่าช้ากว่ากระบวนการทางการเมือง และ เมื่อกระบวนการทางกฎหมายตัดสินคดีมีผลต่อการเมือง ก็ยังมีการสร้างกระแสตอบโต้ผู้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเช่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบันด้วย 

ในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์เมื่อเกิดเรื่อง ปัญหาปลากระป๋อง ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ซึ่ง นายวิฑูรย์ นามบุตร เป็นรัฐมนตรีว่าการ และปัญหาการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข (โครงการไทยเข้มแข็ง) ที่นายวิทยา แก้วภราดัย เป็นรัฐมนตรี  ทั้ง 2 ท่านก็ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบและเปิดทางให้เกิดการคลี่คลายทางการเมืองทั้งที่ไม่ต้องทำก็ได้ และต่อมาก็พบว่าผลการสอบสวนทั้ง 2 ท่านไม่มีความผิด  ทั้งคู่ทำตามแนวทางที่ตนขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกรัฐมนตรี  ว่าความรับผิดชอบหรือการคลี่คลายปัญหาทางการเมือง ควรทำโดยไม่ต้องรอกระบวนการทางกฎหมายทั้งหมด

ส่วนปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นที่มักพูดกันว่า จะพูดทำไมเพราะทุกรัฐบาลก็มี นายอภิสิทธิ์ อธิบายว่า ไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ให้ดูแนวทางการจัดการปัญหา เพราะความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่อ้างกระบวนการกฎหมาย แต่เมื่อมีการตัดสินออกมาแล้วก็ไม่ยอมรับ

"ผมบางทีหงุดหงิดนะครับเวลาพูดเรื่องปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือเรื่องอื้อฉาวมีคนบอกทุกรัฐบาลก็มีจะพูดทำไม ผมไม่เคยพูดว่ารัฐบาลไหนไม่มีเรื่องแบบนี้ แต่ต้องดูวิธีการการจัดการกับปํญหาต่างกันอย่างไร การที่รัฐมนตรีรัฐบาลชุดที่แล้ว 2 คนลาออกเป็นการส่งสัญญาณให้รัฐมนตรีคนอื่นระวัง บางครั้งเป็นเรื่องไม่ใช่ความผิดตัวเองยังจำเป็นต้องคลี่คลายทางการเมืองเสีย  แต่การบอกว่าสู้กันจนจบ จบแล้วรบกับศาลต่อ เป็นการส่งสัญญาณว่ามีอำนาจแล้วทำทุกอย่าง นี่คือความแตกต่าง" 

เครดิต มติชน