ตำรวจนำตัว ลูกฆ่าพ่อแม่และน้องชาย 3 ศพ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมทำพิธีขอขมา ก่อนนำตัวไปฝากขัง ขณะที่ลูกชายคนโตเผยปมในใจ บอกน้อยใจพ่อแม่รักน้องมากกว่า แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ คาดวางยานอนหลับก่อนไล่ยิงขมับเรียงคน เนื่องจากศพวางเป็นระเบียบเรียบร้อย

    

 

            รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้นำเสนอความคืบหน้าคดีที่ นายอัควัฒน์ ศรพรหม ลูกชายคนโต ยิงพ่อแม่และน้องชายเสียชีวิต พร้อมเอาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ วางไว้บนศพของน้องชาย โดยให้การกับตำรวจว่าเป็นฝีมือน้องชาย เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกพ่อแม่ดุด่าเพราะติดเกม จึงยิงพ่อแม่และยิงตัวเองตายตาม  แต่ผลการตรวจพิสูจน์กลับพบว่าคดีมีพิรุธ เนื่องจากวิถีกระสุนขัดแย้งกับบาดแผล แถมยังมีภาพของลูกชายคนโตไล่ปิดกล้องวงจรปิดภายในบ้านก่อนเกิดเหตุ ตำรวจจึงเข้ารวบตัวในที่สุด ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

 

            ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เวลาเค้นสอบนานกว่า 9 ชั่วโมง โดย นายอัควัฒน์ ได้รับสารภาพพร้อมกับอ้างว่า ตนเองไม่พอใจที่พ่อแม่ผิดสัญญา เพราะเคยบอกไว้ว่าหากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จะซื้อรถนิสสัน เทียน่าให้ แต่เมื่อเรียนปี 1 ผ่านไปแล้ว ก็ยังไม่ซื้อให้ ให้ขับรถกระบะคันเก่าของพ่อไปก่อน และพอทวงถามเรื่องนี้เมื่อไรก็จะโดนต่อว่า อีกทั้งยังโดนตำหนิเรื่องผลการเรียนตกต่ำ และน้อยใจที่พ่อแม่รักน้องมากกว่า

 

 

            นายอัควัฒน์ ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังอย่างละเอียดว่า ในวันที่เกิดเหตุคือวันอาทิตย์ (9 มีนาคม 2557) หลังจากที่นั่งกินหมูกระทะกับพ่อแม่และน้อง ก็แยกย้ายกันเข้านอน ตอนแรกได้ใช้ยานอนหลับชนิดละลายน้ำ แต่ไม่ได้ผล จึงไปซื้อยานอนหลับชนิดน้ำ แต่ก็ทำขวดแตกก่อน เลยไม่ได้วางยานอนหลับอย่างที่ตั้งใจ ต่อมาขณะที่ทุกคนหลับสนิท จึงเข้าไปเอาปืนที่ห้องนอนของตน ซึ่งเป็นปืนของพ่อ ก่อนที่จะเข้าไปในห้องนอนและยิงแม่ ตามด้วยยิงพ่อและน้องชาย เมื่อยิงเสร็จก็เข้านอน แต่ด้วยความที่กลัวความผิด เลยกลับมาเข้าในห้องดังกล่าว พร้อมกับเอาปืนวางไว้ที่มือของน้องชาย และทำทีเป็นล็อกประตูห้องนอนของพ่อแม่และออกทางประตูห้องน้ำ โดยใช้กุญแจล็อก

 

 

            นายอัควัฒน์ เล่าว่า หลังจากนั้น ตนเองก็นอนไม่หลับ ครุ่นคิดตลอดเวลา พอสักประมาณ 7 โมงเช้า ก็ขับรถกลับคอนโดและโทรหาป้าว่าติดต่อพ่อกับแม่ไม่ได้ ให้ป้าช่วยมาดู ส่วนตัวเองก็ขับรถไปรับแฟนและกลับมายังบ้านอีกครั้ง โดยโทรเรียนช่างซ่อมกุญแจแต่ก็ไม่มี และเมื่อป้าเดินทางมาถึงก็แจ้งกู้ภัยให้ช่วยกันตัดถ่างประตูจนพบศพของทั้ง 3 คนในที่สุด

 

            อย่างไรก็ดี ตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และมีการเตรียมการล่วงหน้าเอาไว้ก่อน โดยในขณะที่แถลงข่าว นายอัควัฒน์ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดเวลา เมื่อนักข่าวถามว่าอยากจะบอกอะไรกับพ่อแม่และน้องบ้าง นายอัควัฒน์ตอบว่า "ผมขอโทษครับ ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมสำนึกผิดแล้ว อยากให้ทุกคนจะทำอะไรอย่าใช้อารมณ์ชั่ววูบ ให้คิดเยอะ ๆ เพราะสิ่งที่ตามมามันแก้ไม่ได้"

 

            ในส่วนของตำรวจนั้น ยังไม่ปักใจคำให้การทั้งหมดของ นายอัควัฒน์ ในประเด็นที่ขวดยานอนหลับชนิดน้ำแตก เนื่องจากการที่ศพของผู้ตายวางเรียงกันอย่างเรียบร้อย และทุกศพถูกยิงที่ขมับ ซึ่งคาดว่านายอัควัฒน์ วางยานอนหลับก่อน เพราะเป็นไม่ได้ว่าคนที่ถูกยิงแล้วคนอื่นที่อยู่ในห้องจะไม่ต่อสู้ หรือไม่หนี ส่วนเรื่องยิงน้องชาย นายอัควัฒน์ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะไม่อยากให้น้องเห็นตนเองทำอะไรแบบนี้

 

            อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายอัควัฒน์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพ โดยหลังจากทำแผนเสร็จ ญาติซึ่งเดินทางมาถึงก็ร้องไห้โฮ และได้พานายอัควัฒน์ไปขอขมาพ่อแม่และน้องซึ่งตั้งรูปไว้ที่หน้าบ้าน และหลังจากขอขมาเสร็จ ก็ได้นำตัวนายอัควัฒน์ไปฝากขังที่ศาลธัญบุรีทันที

    

            ขณะที่ญาติ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ความคิดความอ่านของคนอายุเท่านี้ ยังไม่รอบคอบเลยตัดสินใจผิดพลาด และเหตุการณ์ทั้งหมดก็ผ่านไปแล้ว ต่อไปเหลือแต่อนาคต ก็อยากจะฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์กับทุกครอบครัว ใครที่ไม่พอใจหรือน้อยใจพ่อแม่และกำลังจะลงมือทำในสิ่งที่ไม่ดีหรือครอบครัวไหนกำลังมีปัญหาเช่นนี้ ก็อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์

 

            ขณะเดียวกัน เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามเล่าว่า เห็นนายอัควัฒน์เดินวนเวียนอยู่หน้าบ้านในช่วงเวลาตี 4 ตนก็ถามว่ามาทำอะไร นายอัควัฒน์ กล่าวว่า ได้ยินเสียงปืนเลยลงมาดู แต่เห็นว่าไม่มีอะไรเลยเข้านอนต่อ ส่วนบ้านหลังนี้ตนก็รู้จักดีเพราะเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่มานาน และเด็กทั้งสองคนตนก็เคยเห็นหน้าค่าตา คนโตอายุ 19 คนเล็กอายุ 16 ซึ่งนิสัยดีแต่ค่อนข้างออกไปทางผู้หญิงหน่อย ๆ ซึ่งตนก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนลงมือ เพราะเขาไม่มีนิสัยก้าวร้าว และดูรักน้องดี

 

            ส่วนเพื่อนบ้านอีกคนเล่าว่า เท่าที่เห็นเขาก็เป็นคนเฉย ๆ นิ่ง ๆ ไม่เคยได้ยินเสียงทะเลาะกับน้อง มีแต่เสียงแม่บ่นและสั่งสอนลูก ซึ่งก็เป็นปกติของทุกครอบครัว สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าช็อก คือดูแล้วไม่คิดว่านายอัควัฒน์จะป็นคนทำ เชื่อว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสภาพจิตใจของเด็ก

 

Credit : LAKORNHD Thaitv (Official)