มัคคุเทศก์น้อย ณ “วิหารเทพวิทยาคม” โมเดลสร้างงานเชิงท่องเที่ยวให้กับเยาวชนในชุมชน เพื่อร่วมถ่ายทอดศรัทธาแห่งศาสนาสู่อาคันตุกะผู้มาเยือน
2014-03-10 13:13:00

 

          โอกาสและความศรัทธา ผนวกความสนใจใส่ใจหาความรู้และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ของเหล่าน้องๆเยาวชนกลุ่มหนึ่ง ที่อยู่ในอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ที่เราอาจจะต้องขนานนามพวกเขาว่าเป็น “มัคคุเทศก์น้อย” เพราะน้องๆ เหล่านี้ทำหน้าที่แนะนำข้อมูลข่าวสารในการเที่ยวชม วิหารเทพวิทยาคม ของวัดบ้านไร่ ที่สร้างขึ้นตามปณิธานของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและอาคันตุกะทั้งหลาย ที่มาเยือนพุทธศิลปะร่วมสมัยอันสวยสดงดงามระดับชาติ และยิ่งใหญ่ระดับเอเชีย ได้มีโอกาสเข้าใจและเข้าถึงหลักธรรมะในพระไตรปิฎกได้อย่างง่ายๆ และในขณะเดียวกันก็ยังมีโอกาสได้เสพงานศิลปะร่วมสมัยแขนงต่างๆ ที่รายล้อมอยู่ในวิหารธรรมแห่งนี้ได้อย่างถูกต้องนั่นเอง

 

กว่าจะเป็น “มัคคุเทศก์น้อย”

 

 

          คุณบุ๋ม-ภัทิรา พงษ์สุวรรณ หัวหน้าแผนกเจ้าหน้าที่นำชมวิหารเทพวิทยาคม ผู้ดูแลน้องๆ เหล่ามัคคุเทศก์น้อยบอกเล่ารายละเอียดถึงความภูมิใจในการปลุกปั้นเหล่าตัวน้อยให้มีความสามารถได้ขนาดนี้ว่า “มัคคุเทศก์น้อยที่นี้ ขณะนี้มีทั้งหมด 16 คน อายุจะอยู่ระหว่าง 9-17 ปี ตอนน้องๆมาตอนแรก มักจะมีอาการเดียวกันคือ เขินอายกันทุกคน ไม่ค่อยกล้าพูด เสียงเบา ไม่กล้าสบตา ก็ต้องนำมาอบรมและพัฒนาทั้งเรื่องบุคลิกภาพ การพูดให้ชัดถ่อยชัดคำ ส่วนเรื่องข้อมูลต่างๆ ก็จะพาพวกเค้าเดินขึ้น-ลงวิหารฯทุกวันๆ เพื่อใส่ข้อมูลให้ทีละจุด ทำบ่อยๆ ซ้ำๆ ให้เขาคุ้นเคย ซึมซับและเข้าใจในแต่ละจุด เพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญคือเนื้อหาโดยรวมเกี่ยวข้องกับธรรมะและพระไตรปิฎก ดังนั้นข้อมูลต้องไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งน้องๆจะมาอบรมวันธรรมดาวันละชั่วโมง ก่อนฝึกทำหน้าที่จริง โดยแต่ละครั้งที่พาชมก็จะมีพี่เลี้ยงค่อยดูอยู่ห่างๆ ปกติน้องจะนำชมสถานที่เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 3 รอบ ซึ่งตอนนี้ก็นับว่าเยี่ยมมากๆ สำหรับเด็กต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยได้เจอผู้คนมากมาย แล้วกล้าแสดงออกได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะการนำเสนอเรื่องราวของพระไตรปิฎกที่ค่อนข้างยาก แต่เล่าให้คนฟังเข้าใจแบบง่ายๆ ทำให้ค่อนข้างภูมิใจมากกับการสร้างความสามารถให้น้องๆกลุ่มนี้ค่ะ”

 

ทักษะเรื่องภาษา...สิ่งสำคัญมาก แต่เริ่มฝึกทีละนิดพัฒนาวันละน้อยก็เก่งได้

 

 

          “ที่นี่มีการฝึกให้น้องๆ ได้เรียนรู้ในเรื่องของทักษะการใช้ภาษาด้วย น้องทุกคนสามารถทักทายพูดประโยคง่ายๆ ทั้งภาษาอังกฤษ, ภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่น เราค่อยๆสอนไปทีละนิด ค่อยๆ เพิ่มคำศัพท์บทสนทนาจำเป็นไปให้น้องๆเรื่อยๆ  ซึ่งวิธีนี้เป็นแนวคิดของคุณเกรียงไกร จารุทวี รองประธานกรรมการวัดบ้านไร่ ที่อยากให้มัคคุเทศก์น้อยได้มีโอกาสฝึกใช้ทักษะด้านภาษาไทย รวมถึงภาษาต่างประเทศด้วย เพราะยุคนี้ภาษาถือเป็นสิ่งจำเป็นมากทุกคนต้องเตรียมตัวก่อนเข้าสู่การเปิดตัวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC และที่นี่เองก็มีนักท่องเที่ยวหลากหลายมากๆ ทั้งจีน, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อน้องๆ ได้รับการฝึกฝนด้านภาษาแล้ว ก็สามารถใช้สร้างความประทับใจและยังเป็นประโยชน์กับตัวน้องๆ ที่สามารถเอาไปใช้ในการเรียนได้ด้วย”

 

โอกาสที่ต้องคว้าของมัคคุเทศน์ตัวน้อยแต่ใจใหญ่

 

 

          น้องส้มโอ ด.ญ.ชมพูนุช ขำวิไล อายุ 9 ขวบ มัคคุเทศก์น้อยที่ตัวเล็กและอายุน้อยที่สุดของวิหารเทพวิทยาคม แต่ความสามารถไม่ธรรมดา เพราะพูดจาได้ฉะฉาน ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของเธอด้วยน้ำเสียงเจือยแจ้วให้เราฟังว่า  “มาตอนแรกก็รู้สึกท้อค่ะ เพราะเนื้อหามันยาก ข้อมูลก็เยอะมาก แล้วก็กลัวว่าจะทำไม่ได้ด้วยค่ะ ไม่มั่นใจเลย ....ครั้งแรกที่พูดให้นักท่องเที่ยวฟังก็อายค่ะ พูดไปบิดไป แต่พอครั้งที่ 2 นี่ก็ดีขึ้นค่ะ เพราะหนูตั้งสติคิดว่าต้องทำได้...ต้องทำได้... ซึ่งตอนนี้ไม่อายแล้วค่ะ ส่วนที่หนูชอบที่สุดของวิหารเทพวิทยาคม ก็คงเป็นส่วนของชั้นที่ 1 ค่ะ เป็นภาพวาดตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ค่ะ ตอนที่นางสุชาดาได้มาถวายข้าวมธุปายาสให้แก่พระองค์ และพระองค์ได้ตรัสว่าถ้าจะได้ตรัสรู้ ขอให้ถาดลอยทวนกระแสน้ำไป" ถาดก็ได้ลอยทวนกระแสน้ำไปด้วยแรงอธิษฐาน ค่ะ”

 

แค่มีความกล้าก็ชนะความอาย

 

 

          น้องโจ ด.ช.เจษฎากร กุยแก้วพะเนา อายุ 12 ปี  “เมื่อก่อนขี้อายมากครับ ไม่ค่อยกล้าพูดกับคนแปลกหน้า แต่พอได้มาทำก็กล้ามากขึ้น แต่ที่ยากกว่าก็เรื่องข้อมูลของวิหารเทพฯ ครับ เพราะรายละเอียดมันเยอะต้องรู้เรื่องพระพุทธศาสนา พระไตรปิฎก ซึ่งกว่าจะคล่องและรับหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวชั้นต่าง ๆ ให้ผู้มาชมได้ก็ใช้เวลา 2 เดือน มีการอบรมทุกวัน ทั้งเรื่องบุคลิกภาพ การพูดจาให้ฉะฉาน และการทักทายเป็นภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ ครับ และที่ผมคิดว่าทันสมัยมากเลยคือที่นี้จะมีวิธีทำบุญที่ทันสมัยมากครับ คือใช้สมาร์ทการ์ดในการทำบุญ ผมว่าดีนะครับสะดวกและก็มีความโปร่งใสในการตรวจสอบเงิน”

 

ก้าวเล็ก ๆ สู่ก้าวที่ยิ่งใหญ่ ด้วยหัวใจที่ใฝ่ดี

 

 

          น้องเพียว ด.ญ.ธรรมโสภา ประดิษฐ์ศิลป์ อายุ 13 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา บอกเล่าถึงความภูมิใจที่ได้มาเป็นหนึ่งในมัคคุเทศน์น้อยที่ค่อยนำชมวิหารเทพวิทยาคมผ่านแววตาใสซื่อว่า “ตาชวนมาทำค่ะหนูก็อยากทำด้วยค่ะ อยากมีรายได้เสริมค่ะ อีกอย่างที่มาทำคือเมื่อก่อนหนูเรียนไม่เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติเท่าไหร่ แต่พอมาได้ทำงานที่นี้หนูเข้าใจมากขึ้น วิชาศิลปะก็ดีขึ้นหนูรู้จักการใช้สีทำให้เกรดวิชานี้ก็ดีขึ้นด้วยค่ะ อย่างเรื่องเกี่ยวกับมงคลชีวิต 38 ประการ หนูก็เอาไปคิดต่อ เอาไปใช้ในการดำเนินชีวิต คือหลักเวทนาสังขารทำให้เราไม่ยึดติดกับมันเข้าใจในชีวิตมากขึ้น เพราะถ้าเรายึดติดกับมันเราจะไม่มีความสุขต้องรู้จักปล่อยวางค่ะ และอีกอย่างหนูว่าหนูมีสมาธิในการเรียนมากขึ้นค่ะ มีจุดหนึ่งที่หนูอยากให้ดูค่ะ เป็นเสาต้นที่ 18 เป็นต้นที่พิเศษสุดเพราะเกิดจากจินตนาการของเด็กนักเรียนโรงเรียนศุภวรรณ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 22 ได้วาดลงบนแผ่นกระเบื้องตามจินตนาการหลังจากได้ฟังเรื่องเล่าพระไตรปิฎกของคุณครูค่ะ อยากเชิญทุกคนมาชมนะค่ะ เพราะมาที่นี้จะได้ธรรมะแก่นสาระที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ซึ่งเราสามารถไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ”  น้องเพียว ปิดท้ายด้วยคำเชิญชวนที่..คุณไม่อาจปฏิเสธได้

 

          นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ผ่านกระบวนการคิดและสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อให้วิหารเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ไม่ได้เป็นเพียงพุทธสถานเสมือนกับวัดที่ต้องการให้เพียงแค่คนมาทำบุญและได้บุญกลับไป แต่เป็นการนำแนวคิดเพื่อการสร้างสรรค์พุทธศาสนาและธรรมะจากพระไตรปิฎก มาร้อยเรียงผ่านพุทธศิลปะหลากหลายแขนงผ่านประติมากรรมอันวิจิตรที่ถูกสร้างด้วยน้ำมือของชาวบ้านในชุมชน และยังเปิดโอกาสให้ลูกหลานตัวน้อยๆ ของคนในชุมชนนั้น ได้มีโอกาสเรียนรู้ศาสนา ไปพร้อมๆ กับการมีส่วนร่วมในการสร้างอาชีพและความสามารถได้ด้วย นับเป็นกุศโลบายอันแยบยลของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ และผู้เกี่ยวข้องที่น่าเชิดชู และนำไปเป็นตัวอย่างในการพัฒนาชุมชนอื่นๆ ในประเทศของเรานี้เป็นอย่างยิ่ง 

   


Admin : prweem
view
:
761

Post
:
2014-03-10 13:13:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น